ReadyPlanet.com
dot dot
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “ภาพที่เราหลงลืม”

ภาพที่เราหลงลืม (1.ปองสถิตฯจากจิตใจ)

๏ ภาพที่เลือนเผือนจบตลบสิ้น                    สุดชีวินหดหายคล้ายผยอง

ความทรงจำคำนึงตรึงใจปอง                          สุดครรลองเหลือล้นพ้นคณา

๏ เคยเสพสุขสนุกเรืองเนื่องคราก่อน         แสนอาวรณ์รำพึงถึงกังขา

อดีตเก่าเล่าผ่านนมนานมา                          สุขอุราชุ่มชื่นระรื่นตน

๏ ทั้งแสนคิดนิจจาเวลาผ่าน                        ทิวาการสุขล้ำระกำล้น

พินิจแล้วมิแคล้วในบัดดล                             แสนจะทนขมขื่นฝืนใจทน

๏ ทั้งแสนเศร้าเร้าจิตพิศวาส                       ต้องนิราศร้างสุขทุกข์ขาดไซร้

นิรทุกข์เมื่อเผชิญเพลินทันใด                     ทุกหัวใจมิท้อพะนอคง

๏ รำพึงถึงนภาภูผาล่อง                              สุริยาสาดส่องต้องขนง

ธรรมชาติงามตาผกาพง                               พฤกษาดงป่าไม้ที่กรายชม

๏ นิจจาเอ๋ยภาพเด่นเป็นตระหง่าน              ทุกข์ตระการอดสูดูขื่นขม

เมื่อไหร่หนอภาพเลือนจะจริงคม                 สุขอุดมนิรันดร์เป็นมั่นเอยฯ

.................................(1.ปองสถิตฯจากจิตใจ)...............................

 

ภาพที่เราต้องรอ (2.กมลวรรณ)

๏ แย้มรอยยิ้มอิ่มสุขทุกรอยยิ้ม                       วงตาปริ่มความอาทรอันอ่อนหวาน

มิตรภาพฉาบสุขทุกวันวาน                            ดอกรักบานสะพรั่งทั่วหัวใจไทย

๏ คือภาพงามที่วูบดับกับอดีต                        ดั่งโดนข่วนขย้ำขีดจากมีดใหญ่

จนกระเจิงขาดกระจายคล้ายโดนไฟ              หม่นและไหม้ทีละน้อยค่อยค่อยจาง

๏ ภาพขัดแย้งกลับทวีพราวสีสัน                    ภาพฆ่าฟันก็เด่นชัดดั่งจัดสร้าง

ด้วยมือดำอำมหิตลิขิตวาง                                ดลรอยด่างทั่วแดนบนแผ่นดิน

๏ จึงความหวั่นหวาดระแวงยังแหล่งหล้า     จึงน้ำตาเอ่อไหลไม่สุดสิ้น

จึงกระทบกระทั่งด้านการทำกิน                    จึงมลทินทาบทับดับวิญญาณ์

๏ จะโทษใครกล่าวหาใครในวันนี้                ในเมื่อความสามัคคีไม่มีค่า

จะเรียกร้องภาพก่อนก่อนให้ย้อนมา            คงต้องรอชาติหน้าในอีกนาน

๏ ภาพรอยยิ้มอิ่มสุขทุกรอยยิ้ม                        วงตาปริ่มความอาทรอันอ่อนหวาน

คงหายวับดับมอดตลอดกาล                            ในเมื่อไฟกำลังผลาญบ้านเมืองเราฯ

.............................................(2.กมลวรรณ)..............................................

 

ภาพที่ยากย้อนคืน (3.กมลวรรณ) (แก้ไขครั้งที่ 1)

๏ แย้มรอยยิ้มอิ่มสุขทุกรอยยิ้ม                         วงตาปริ่มความอาทรอันอ่อนหวาน

มิตรภาพฉาบสุขทุกวันวาน                             ดอกรักบานสะพรั่งทั่วหัวใจไทย

๏ คือภาพงามที่วูบดับกับอดีต                          ดั่งโดนข่วนขย้ำขีดจากมีดใหญ่

จนกระเจิงขาดกระจายคล้ายโดนไฟ              หม่นและไหม้ทีละน้อยค่อยค่อยจาง

๏ ภาพขัดแย้งกลับทวีพราวสีสัน                     ภาพฆ่าฟันก็เด่นชัดดั่งจัดสร้าง

ด้วยมือดำอำมหิตลิขิตวาง                                ดลรอยด่างทั่วแดนบนแผ่นดิน

๏ จึงความหวั่นหวาดระแวงยังแหล่งหล้า     จึงน้ำตาเอ่อไหลไม่สุดสิ้น

จึงกระทบกระทั่งด้านการทำกิน                   จึงมลทินทาบทับดับวิญญาณ์

๏ จะโทษใครกล่าวหาใครในวันนี้                ในเมื่อความสามัคคีไม่มีค่า

จะเรียกร้องภาพก่อนก่อนให้ย้อนมา            คงต้องรอชาติหน้าในอีกนาน

๏ ภาพรอยยิ้มอิ่มสุขทุกรอยยิ้ม                        วงตาปริ่มความอาทรอันอ่อนหวาน

คงหายวับดับมอดตลอดกาล                            ในเมื่อไฟกำลังผลาญบ้านเมืองเราฯ

.............................................(3.กมลวรรณ)..............................................

 

ภาพที่เราหลงลืม (4.วิลาวรรณ)

๏ ไตรรงค์ไทยรวมเลือดเนื้อเป็นเชื้อชาติ                   เอกราชเอกลักษณ์ประจักษ์หล้า  

พงศวดารเด่นแจ้งภูมิปัญญา                                       สืบทอดมาบรรพชนฝากผลงาน

๏ ภาพงดงามความเป็นไทยในเมื่อก่อน                    ล้วนสะท้อนประเพณีที่กล่าวขาน

มารยาทเรื่องยิ้มไหว้สืบตำนาน                                 จางหายผ่านตามเวลาที่หมุนไป

๏ กิริยาอรชนอันอ่อนช้อย                                         วจีร้อยเรียงคำพังสดใส

ยุคไอทีเปลี่ยนแปลงแสลงใจ                                   คำว่าไทยวิบัติลงทุกที

๏ แต่งตัวและภาษามาแอ็บแบ๊ว                                ต่างใจแป้วเด็กไทยเด็กไทยสมัยนี้

ย้อนความหลังนึกผ้าน้ำตาปรี่                                   ประเพณีอารยชนถูกล้างบาง

๏ สามัคคีนี้ก็หายไปจากไทยหนอ                            พากันก่อวิวาทให้บาดหมาง

ปัจจุบันบั่นถอนใจให้อับปาง                                   หลากเส้นทางความคิดอวิชา

๏ ภาพน้ำใจเปลี่ยนมาเป็นแบ่งแย้ง                         คิดกัดแว้งผลประผลประโยชน์ที่โหยหา

ภาพนี้ทำให้ใจเอือมระอา                                        หมดศรัทธาค่าคนที่ว่าไทย

๏ ไทยเมื่อก่อนรักใคร่สมัครสมาน                           ภัยรุกรานร่วนกันต่อต้านต่างแก้ไข

รักครอบครัวผืนดินถิ่นเมืองไทย                               ดำรงไว้ด้วยเลือดเนื้อสืบทอดมา

๏ ปัจจุบันเห็นแก่ตัวชั่วจริงหนอ                              ทิ้งแม่พ่อละเลยไม่แลหา

ท่านเลี้ยงเราให้กำเนิดดวงวิญญา                                แต่ลูกยาเลี้ยงไม่ได้ว่าลำเค็ญ

๏ ศิวิไลซ์ไอทีนี้ภาพใหม่                                            ความเป็นไทยในอดีตไม่นึกเห็น                     

สามัคคีประเพณีที่เคยเป็น                                           เลือดกระเซ็นปกป้อเพื่อเผ่าพันธุ์

๏ อย่าหลงลืมความเป็นไทยความเป็นชาติ               ความเป็นเอกราชอย่าเหหัน

รวมเรียงร้อยดูแลร่วมมือกัน                                        ความเป็นไทยนั้นนิรันดรฯ

............................................(4.วิลาวรรณ)...........................................

 

ภาพเลือน…...ที่เปื้อนสี (5.ภัทรา)

๏ จะกล่าวถึงภาพไทยในอดีต                    ดั่งรอยกรีดมีดเฉือนให้เลือน

ความเป็นไทยจักให้ชาติใดครอง                  แผ่นดินทองของเราเขารุกราน

๏ เพื่อชาติไทยให้อยู่ยังคู่ฟ้า                        ศัตรูมาข้าศึกอย่าฮึกหาญ

จะต่อสู้คู่เมืองเปลื้องวิญญาณ                       แม้วายปราณสถานถิ่นมิสิ้นไทย

 ทุกหยาดหยดรดเลือดที่ไหลหลั่ง              ชโลมยังฝั่งดินถิ่นอาศัย

เพื่อไตรรงคงอยู่ชูชาติไทย                         สะบัดในอากาศผงาดงาม

๏ กี่ชีวิตอุทิศสถิตชาติ                                 เอกราชเรืองรองของสยาม

ดินที่เหยียบใช่อยู่ดูสงคราม                          เป็นสนามยามเดือดให้เลือดแดง

๏ บรรพชนคนเก่าเราเคยสร้าง                     กับเลือนลางหมางเมินเกินแสลง

ไทยกับไทยแตกสองผองเหลือง–แดง           มันทิ่มแทงแผงอกระทกใจ

๏ แม้ต่างสีมีมากจนหลากล้น                     แต่ก็คนในถิ่นสิ้นไฉน

เลือดที่นองรองพื้นใช่อื่นใด                        ก็เลือดไทยด้วยกันฉะนั้นเอง!

..........................................(5.ภัทรา)...........................................

 

แว่วเสียงสำเนียงเลือน (6.พรทิพย์)

๏ คีตศิลป์ถิ่นสยามยามอดีต                          สำเนียงกรีดดีดเสียงเรียงสนอง

จังหวะกรับหน้าทับโทนทำนอง                  ระทึกกลองฆ้องฉิ่งยิ่งเตือนใจ

๏ เสียงขลุ่ยเป่าเข้าวงผสมผสาน                  แต่ก่อนกาลคู่นานสานสมัย

เป็นบทร้องสอดคล้องพร้องเพลงไทย          บรรพชนสร้างไว้ให้ชื่นชม

๏ ทุกเส้นสายที่ร้อยคอยสั่นเสียง                   เหมือนสำเนียงแว่วเคียงเสียงผสม

ทุกจังหวะครุ่นคละ  อารมณ์                   ดังระงมรมร้องซ้องกังวาน

๏ ฟังจงฟังเสียงเพลงบรรเลงนี้                    คือดนตรีมีนานการสืบสาน

ท่วงทำนองคำร้องผองวงศ์วาน                   บรรพกาลนานนักจักได้มา

๏ ใช่จะหยิบคำใดใส่เนื้อร้อง                      แต่ต้องกรองลองลัดคัดเนื้อหา

ใช่จะเขียนเพียงเพราะเกาะศรัทธา              แต่ต้องมาจากใจไร้แสร้งทำ

๏ เมื่อมาถึงสมัยใหม่ในครานี้                      คงเห็นทีดนตรีนี้น่าขำ

เพราะลูกหลานพาลเขินเมินจะทำ               จะร้องรำทำเพลงเกรงโบราณ

๏ โอ้ ! ลืมแล้วหรือภาพในอดีต                  วงสังคีตดีดสีที่ขับขาน

อาจจะเหลือเพียงคำว่า “ตำนาน”                 หากมิสานงานศิลป์ถิ่นของไทยฯ  ..........................................(6.พรทิพย์)...........................................

 

ภาพที่เราหลงลืม (7.ธนวัฒน์)

๏ ภาพต่างต่างของชีวิตลิขิตมา                         ภาพที่ผ่านนานมาพาคิดถึง
ภาพทุกสิ่งจดจำไว้ให้คำนึง                               ภาพตราตรึงในใจทุกเวลา
ภาพวันเเรกเข้าเรียนพากเพียรจิต                ภาพสอบติดมหาลัยใจคิดหา
ภาพเจอรักปักใจให้วิวาห์                                   ภาพนานมาพากันร่วมสำราญ
ภาพเฮฮาเวลามาสังสรรค์                              ภาพคืนวันร่วมกันสรรทำงาน
ภาพวันรับปริญญาพาเบิกบาน                         ภาพสืบสานวงศ์วานต่อตระกูล
ภาพวันงานสมรสปรากฎสื่อ                        ภาพครอบครัวร่ำลือชื่อเพิ่มพูน
ภาพความรักมีให้กันไม่สิ้นสูญ                        ภาพเกื้อกูลของครอบครัวทุกตัวคน
ฤๅจะลืมภาพของพระผู้ให้                            ไม่ใช่ใครอยู่ในใจทุกเเห่งหน
ดูเเลท่านเอาไว้ไม่อับจน                                    พระคุณล้นพ้นเกล้าจะบรรยาย
พระผู้นั้นคือเเม่ผู้ยิ่งใหญ่                               ภาพเยาว์วัยเเม่ให้มิขาดสาย
ภาพของเเม่ตรากตรำย่ำเหยียดกาย  ภาพของเเม่อย่ามลายจากใจคนฯ

.................................................(7.ธนวัฒน์)...........................................

 

ลุ่มหลงแล้วลืมเลือน (8.พีระ)

๏ ฝุ่นที่เกาะกุมกองกระดาษนั้น                      บ่งบอกวันเดือนปีที่ล่วงผ่าน
หนังสือพิมพ์หมึกเลือนเหมือนโบราณ         กองพะเนินหลังบ้านนานเต็มที
ฉบับหนึ่ง-ภาพศพนอนแผ่คว่ำ                    เลือดแดงคล้ำคลุมทาบบาทวิถี
หญิงสาวทรุดลงซบร่างไร้ชีวี                           ณ เบื้องหลังภาพนี้มีนิยาย...
พอสิ้นเสียงระเบิดที่เกิดเหตุ                         สะเก็ดเศษโลหะก็พุ่งผาย
เข้าเฉือนหนังเชือดเนื้อเหยื่อเคราะห์ร้าย       เขาฟุบกายกับยางเลือดกลางไอร้อน
๏ เจ้าหน้าที่ยังไม่ทันจะล้อมเชือก                   หญิงสาวก็สนเสือกเข้าไปก่อน
เธอร้องร่ำราวชีวาตม์จะขาดรอน                     กล้องเก็บภาพอาภรณ์อันด่างแดง
๏ แล้วภาพข่าวก็ถ่ายทอดทางโทรทัศน์          ความวุ่นวายสามจังหวัดเห็นชัดแจ้ง
“อ้ายคนโฉดโคตรชั่วหัวรุนแรง                       ริกำแหงทำร้ายทำลายไทย!”
๏ เราพร่ำบ่นก่นด่าเรื่องอาเพศ                        จะสืบหาสาเหตุก็หาไม่
เราสงสาร “ตัวละคร” ชวนถอนใจ                  แต่นั่น- เรื่องของใครใช่ของตน
เราลุ่มหลงโลกทัศน์เราตัดสิน                      เมื่อเสพสิ้นข่าวสารก็เลิกสน
เราล่าถอยสู่พื้นที่ปัจเจกชน                               แล้วผ่านพ้นจากลุ่มหลงสู่ลืมเลือน...
เจ้าหน้าที่ปลอบโยนเคียงหญิงสาว             เลือดสดบนผ้าขาวยิ่งแปดเปื้อน
ชำแรกลึกถึงวิญญาณสะท้านสะเทือน           และผูกเงื่อนความกลัวชั่วชีวิต
โศกนาฏกรรมเรื่องซ้ำเก่า                             ที่ผู้อ่านอย่างพวกเราลืมสนิท
แต่สำหรับเธอแล้ว คือยาพิษ                             แผดเผาในโลหิตผู้ดื่มกลืน
เราชินชาทุกเช้าทุกข่าวสาร                          แม้การสุ่มสังหารยังโหดหืน
เราหลับใหลลืมทุกข์ทุกค่ำคืน                           ขณะเธอผวาตื่นแต่เดียวดายฯ

............................................(8.พีระ)................................................

 

อาลัย ตัวเมือง (9.สถิตคุณ)

๏ เมืองเหนือแต่ก่อนสมรนัก                     ตรึงตระหนักศิลปะขจรล้ำ

ทั้งลายมือเอกลักษณ์ประจักษ์คำ                   ปราชญ์ได้จำสืบทอดตลอดมา

๏ โอ้ตัวเมืองเรืองแท้แต่คราก่อน                 นิรันดรแต่ไกลไฉนหนา

แต่สมัยหริภุญชัยพารา                              ได้ตรึกตราจารึกศึกษากัน

๏ ทั้งพระธรรมคัมภีร์ที่เด่นชัด                   ตัวตวัดล้านนาน่าสร้างสรรค์

เวสสันดรมหาชาติปราชญ์รำพัน                 ฉันสุขสันต์องค์บุญคุณธรรม

๏ ตำรายาพื้นเมืองเรืองรุ่งก่อน                   ท่านอาวรณ์สอนสั่งพลั้งได้ย้ำ

ขอลูกศิษย์ของกูรู้ยาจำ                                วจีคำพร่ำสอนก่อนนานมา

๏ อีกมนตราคาถาสารพัด                          คงสันทัดคงกระพันกันหนักหนา

โบรณาอาจารย์เรืองวิทยา                            สืบวิชาที่ดีมีเห็นกัน

๏ ตัวเมืองเหนือง่ายกว่าตัวไทยนัก               ที่ว่ายากมากหนามักบ่มั่น

โดยเฉพาะชาวเหนือจงจำพลัน                   อย่ามีอันได้ทิ้งสิ่งดีงาม

๏ ปัจจุบันวันนี้มีน้อยนัก                           ตัวเมืองจักหายไปไม่เกรงขาม

มีน้อยคนอนุรักษ์ทุกโมงยาม                       บ่มีทรามแน่เอ๋ยคงเชยชิน

๏ อนิจจาล้านนาน่าสงสาร                         สุดร้าวรานขื่นขมตรมเสียสิ้น

อักขระวัฒนธรรมอาจิณ                            เลื่อนไอกลิ่นหรือนี่ที่ไรพลัน

๏ ตัวเมืองเหนือเรื้อวัฒนธรรมที่ยิ่ง             ประเพณีเลิศทุกสิ่งที่รังสรรค์

ฉันจะขออนุรักษ์ทุกชีวัน                           ภาพมิ่งขวัญอย่าได้เลือนเลื่อนเอยฯ

.......................................(9.สถิตคุณ).............................................

 

แสนโศกา  พุทธาจารย์ (10.สถิตคุณ)

๏ ทศมาศวันเพ็ญวิสาขะ                           องค์พุทธะโคดมผู้เลิศหล้า

ทรงประสูติลุมพินีกลางมรรคา                    นคราสองเมืองเนื่องติดกัน

๏ ทรงมหาปุริสะสามสิบสอง                      วรรณทองรองรุ่งฟุ้งสวรรค์

ถึงสิบหกพรรษาพิมพาพลัน                        เป็นมิ่งขวัญโคดมสมชีวา

๏ ยี่สิบเก้าทรงได้ลาผนวช                         ทรงยิ่งยวดเพื่อทนพ้นกังขา

หกปีหนอรอถึงรำพึงมา                              รับหญ้าคาโสตถิยะ ธ ยินดี

๏ ทรงบำเพ็ญสมาธิให้แน่วแน่                   มารก็แผ่มาขจรให้หมองศรี

พระองค์ทรงสำเร็จพระมุนี                        สุขเปรมปรีดิ์สัมมาพุทธางกูร

๏ องค์รสงดงามใคร่บ่เปรียบ                      เทพไหนเทียบพระองค์ทรงบังสูรย์

ตรัสรู้พระอรหันต์ฉันท์จำรูญ                      พระเพิ่มพูนโปรดเหล่าประชากร

๏ ธ ทรงงามนามปฐมภิรมย์ต้น                  งามเลิศล้นมากลางจิตพิสมร

ที่งามสมอุดมพุดสุดอมร                               ปัญญาธรประจักษ์แก่ปวงชน

๏ สี่สิบห้าพรรษาพระงามเลิศ                       ธ ประเสริฐโปรดประชาสุขาผล

ถึงพรรษาแปดสิบทรงพึงยล                         ทศพลมิทรงท้อต่อทุกข์ภัย

๏ รู้ไหนหนอเราจะสิ้นพระสรรเพ็ชร         เสียงระเอ็ดทั่วสวรรค์ชั้นใดไซร์

แสนโศกาอาดูรพระทรงชัย                          เสียงร่ำไรทั่วจักรวาลทั้งปลายมี

๏ วิสาขะพระก็ดับปรินิพ-                             พานกระซิบริบหรอหม่นหมองศรี

ภาพที่ทรงพระชนม์พรรณมุนี                     สุดทวีมิได้เห็นพุทธาจารย์

๏ ได้แต่คิดจินตนาทุกคราวัติ                           ภาพที่ติดทรงงามมิทราบทาน

พระทรงสอนอย่างวรกายคลายนิพพาน        งามสุขศานต์ถึงปัญญาวิมุติเอยฯ

.......................................(10.สถิตคุณ).............................................

 

ภาพที่เราหลงลืม...ไปจากหัวใจ (11.สายลมสีขาว)

๏ ดวงรอยยิ้ม พิมพ์รัก สลักหน้า                     ทั้งท่วงท่า พาไป ได้สุขสม
มารยาท งามพร้อม น้อมเชยชม                      และคายคม ห่มใจ ในทุกครา
สตรีดี รู้จิต คิดสงวน                                      คำห้วนหวน ไม่มี ที่ภาษา
อ้อนช้อยแท้ แม้คำ จำนรรจา                            คือสิ่งที่ ล้ำค่า ในหัวใจ
ภาพประทับ ทรงจำ พร่ำอดีต                       รอบประทีป กัลยา พาสดใส
แต่วันนี้ ณ ที่นี่ กลับหายไป                              เสมือนรูป ในฤทัย นั้นไม่มี
มองหันกลับ นับวัน ที่ผันเปลี่ยน                ดั่งเปลวเทียน เปลี่ยนเพลิง ระเริงหนี
หายไปไหน จารีต ประเพณี                              หายไปไหน ศักดิ์ศรี แห่งพธู
สาวผ้าซิ่น เปลี่ยนเป็น นุ่งผ้าสั้น                  สไบพัน คันตา สาวไม่สู้
ต้องเอวต่ำ ชายลอย สิ!!!น่าดู                            ทุกคนรู้ เห็นเป็น ธรรมดา
กระโปรงยาว เสื้อปิด ไม่คิดเผย                   โดนเขาหมิ่น ว่าเชย เป็นหนักหนา
แต่คนไหน นุ่งสั้น เป็นศรัทธา                         นี่หรือค่า นิยม กลุ่มชนไทย
ความเป็นไท ไทยแท้ แน่อยู่หรือ                 แม้ลายสือ ยังวิบัติ ตวัดไหว
ลืมไปแล้ว หรือภาพ ในหัวใจ                           ที่ครั้งหนึ่ง เคยไสว ในตัวตนฯ

..........................................(11.สายลมสีขาว)....................................

 

ภาพที่เราหลงลืม (12.ภาสกร)

๏ เสียงคำรามของปืนคลั่งคำสั่งฆ่า                                เลือดคนกล้าหยดรินจนสิ้นสาย
ฉากสังหารในสงครามแห่งความตาย                             เพียงภาพถ่ายใบเก่าเก่าไว้เล่าความ
นักศึกษาสวมเชิ้ตขาวพราวพิสุทธิ์                               เป็นแถวสุดขบวนชนดูล้นหลาม
แล้วฉากแห่งทรยุคก็ลุกลาม                                              ด้วยเสียงร้องและคำรามของปืนรัว
ทีละร่างทอดทบจนศพเกลื่อน                                      ล้วนเป็นเพื่อนเป็นพี่เป็นเมียผัว
ตายไปกับเสรีที่หม่นมัว                                                     ด้วยความชั่วของอำนาจเผด็จการ
นี่แหละภาพความหมองของวันเก่า                            ที่ซ้ำเงาอีกหลายครั้งฉากสังหาร
ใต้เงาแสงแห่งอธรรมนำดวงมาน                                   ปากจึงผ่านคำสั่งฆ่าไร้ปรานี
กลัวอดีตขีดซ้ำรอยดำเปื้อน                                           ภาพไทยเลือนโดดเด่นเป็นโทนสี
เงาสีเหลือง...สีแดง...แบ่งไมตรี                                      เพราะต่างมีอุดมการณ์ที่ค้านกัน
คลื่นขบวนผองชนคนสองฝ่าย                                     ที่เขวี้ยงร้ายด้วยปากฝากคำหยัน
องศาแห่งสงครามคุเพิ่มดุดัน                                            เกรงว่าวันสุดท้าย...คงไม่นาน
จึงเอาภาพเก็บเก่าเข้าเตือนจิต                                       คงเกินคิดเกินนึก...ศึกในผลาญ
เหลือเพียงร่อแร่แผ่ประจาน                                              ให้คนพาลรอกินอย่างยินดี....

............................................(12.ภาสกร)...................................................

 

ภาพที่เราหลงลืม (13.อัชฌา)

๏ หวนคำนึงถึงภาพเก่าเราสยาม                                  ศึกสงครามฟันฝ่าอย่างกล้าหาญ
ยามศัตรูกรูบุกเข้ารุกราน                                            เราผสานพลังผองป้องแผ่นดิน
ชายอาสาออกรบสยบศึก                                         หญิงผนึกแรงใจสู้มิรู้สิ้น
ความแข็งแกร่งแห่งขวานทองก้องธานินทร์              คนในถิ่นรู้รักสามัคคี
๏ บรรพบุรุษกอบกู้เชิดชูชาติ                                   เอกราชธำรงคงศักดิ์ศรี
อธิปไตยไทยสุขทุกชีวี                                              ความภูมิใจแห่งชัยนี้เรามีมา
แต่บัดนี้ภาพร้างค่อยจางหาย                                 ชนแตกแยกแบ่งฝ่ายหลายปัญหา
น้ำใจงามความเป็นหนึ่งเคยพึ่งพา                             กลับสูญค่าหายากจากสังคม
นำพาให้ชาติอ่อนแอแลล้าหลัง                             ด้วยขัดแย้งแตกพลังทั้งขื่นขม
ลืมภาพเก่าเราสมัครรักเกลียวกลม                             ทุกข์ระทมความรุนแรงแล้งไมตรี
หยุดวิกฤตสงครามความปวดร้าว                          หยุดเรื่องราวเลวร้ายในทุกที่
ย้อนเป็นไทยที่เรืองรองปรองเปรมปรีดิ์                     ให้แผ่นดินผืนนี้สุขทุกเขตคามฯ

.......................................................(13.อัชฌา)..........................................

 

ภาพอดีต (14.พัชราพรรณ)

๏ ภาพอดีตในวันเก่าเราลืมหลง                                       มิคืนคงอยู่ได้ดั่งใฝ่หา

แต่ก่อนรักร่วมทุกข์สุขเรื่อยมา                                          ลืมแล้วหนาคนไทยไม่ทิ้งกัน

๏ เคยร่วมแรงร่วมใจให้ก่อเกิด                                         แสนประเสริฐรู้รักสมัครฉันท์

เปี่ยมด้วยรักคล้องใจให้ผูกพัน                                          หลอมรวมกันยึดมั่นสันติ์สามัคคี

๏ สิ่งใดเหลือเกื้อกูลพูนประโยชน์                                  ไม่ถือโทษโกรธใครให้หมองศรี

เอื้อนวาจาไพเราะเพราะพาที                                           ล้วนคิดดีทำดีสุขีใจ

๏ ครั้นเหตุร้ายใดเล่าเข้ามาสู่                                             ทั้งศัตรูแผ้วพานมารน้อยใหญ่

สู้จนเลือดหมดสิ้นแดดิ้นไป                                              เพื่อขวานไทยให้สงบจบนิรันดร์

๏ แต่ครานี้แผ่นทองพร้องแปรเปลี่ยน                            ได้หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่คืนผัน

เคยอภัยใส่ใจกันและกัน                                                    ภาพเหล่านั้นเลือนหายคลายเพลา

๏ ทุกวันนี้คนไทยไร้ความสัตย์                                         ล้วนเอารัดเอาเปรียบกันหนักหนา

ไม่เคารพนบนอบกษัตรา                                                   ศาสนาโดนทำลายไม่เหลียวแล

๏ ดั่งรอยร้าวทีละนิดควรคิดได้                                         เมื่อขวานไทยถูกทำร้ายไม่แยแส

แยกเป็นสองฝักฝ่ายไร้ทางแก้                                           เหมือนบาดแผลกัดกินหมดสิ้นไป

๏ ถึงวันนี้ควรหยุดจงฉุดคิด                                              สิ่งใดผิดคิดได้ให้แก้ไข

อย่าให้แผ่นดินแสนสุขลุกเป็นไฟ                                    มาเร็วไวร่วมใจรวมพลัง

๏ อันความกรุณาความปราณี                                            ควรจะมีในจิตใจให้ปลูกฝัง

ความโกรธเกลียดเคียดแค้นแสนชิงชัง                           จงชะล้างไปจากใจอภัยคืน

๏ หลอมรวมใจไทยทองพร้องหนึ่งเดียว                        ให้กลมเกลียวแน่นเหนียวเป็นแผ่นผืน

เพื่อความรักสามัคคีที่ยั่งยืน                                               ผันกลับคืนเหมือนภาพเก่าในวันวานฯ

...............................................(14.พัชราพรรณ)..............................................

 

ภาพที่เราหลงลืม (15.แกมกาญจน์)

๏ เอ็นปูดโปนมือจับปืนยืนป้องชาติ                          เพื่อสุขราษฎร์สละสิ้นแม้ดิ้นดับ

ภาพทหารล้านศรัทธาค่าควรนับ                              แต่คนกลับมองข้ามความข้นแค้น

๏ ภาพคนไทยมอบรักสมัครสมาน                          ถูกมองผ่านไม่เห็นรักเคยหนักแน่น

ไทยฆ่าไทยเป็นภาพเศร้าเข้าทดแทน                          ทั่วถิ่นแดนราษฎร์ปวดร้าวทุกคราวครา

๏ ภาพที่ไทยเป็นไทยไม่เป็นทาส                            คนร่วมใจสร้างชาติประกาศกล้า

ภาพผู้นำความสัตย์ซื่อซื้อศรัทธา                                 เหลือเพียงภาพที่เงินตราซื้อค่าคน

๏ ภาพดีดีหลงลืมไปใจฝังกลบ                                 ภาพอยากลบแต่กลับจำทำหมองหม่น

ปล่อยภาพชั่วกลืนใจให้ทุกข์ทน                                 เดินทางผิดหลงเกมกลของคนเลว

๏ ภาพขมขื่นมองเห็นเป็นฉากฉาก                           ฉุดกระชากหัวใจให้ตกเหว

ร่างทั้งร่างเหมือนมอดไหม้ด้วยไฟเปลว                     ใจล้มเหลวกายยับเยินเกินเยียวยา

๏ ย้อนมองภาพดีดีในชีวิต                                      รู้จักคิดก่อนชีพสิ้นดินกลบหน้า

ใจพิสุทธิ์ทำดีมีธรรมา                                             ใช้ปัญญาปลดห้วงทุกข์สุขน้อมนำ

๏ รวมทุกภาพในใจให้หวนคิด                                ภาพชีวิตสร้างสุขทุกเช้าค่ำ

ภาพที่ลืมจงฟื้นใหม่ใช้ใจจำ                                     เพื่อตอกย้ำไทยเป็นไทไม่เคยลืมฯ

………………………………..(15.แกมกาญจน์)............................................

 

ภาพที่เราหลงลืม (16.ศุภกร)

๏ อเนกอนันต์พัลวันมิรู้สิ้น                              ดวงชีวินทิ้งกายไม่คลายจิต

ปรารถนากามสุขทุกชีวิต                                  ธรรมสิทธิ์จึงดับพลันในสันดาน

๏ แม้นกระดูกพูนพะเนินกว่าเนินเขา           ยังมัวเมาเศร้าสุขสนุกสนาน

แม้นทุกข์เร้าเคล้าคลุกแทบคลุกคลาน            ยังชำนาญทุกข์ทนด้วยตนเอง

๏ เกิดแสนชาติมีชาติไหนที่ไม่ตาย                เสื่อมสลายแตกทำลายอยู่คร่ำเคร่ง

บ้างเป็นเปรตบ้างเป็นคนอลเวง                       ยิ่งวังเวงหากระลึกลองนึกย้อน

๏ รู้แก่ใจต้องมลายวอดวายแน่                         อย่าคอยพ่อรอแม่ลับแลก่อน

สุดท้ายเธอนอนบนเพลิงเชิงตะกอน              และไฟฟอนลามกายละลายกมล

๏ แต่พอมารพาลทักชักไหวหวั่น                    สะท้านสั่นพรั่นพรึงตะลึงฉงน

สูญเสียจิตผิดธรรมความเป็นคน                      จึงต้องทนหม่นคล้ำซ้ำซ้ำไป

๏ เธอวนไปเวียนมาอยู่ท่านี้                              ตลอดปีตลอดชาติอสงไขย

นับไม่ถ้วนอีกคำนวณก็ป่วนใจ                        กระทั่งธรรมอันเกรียงไกรไม่มาเยือน

๏ อเนกอนันต์พัลวันมิรู้จบ                               ละเลงภพทบชาติกันกลาดเกลื่อน

ตะกายว่ายเป็นควายโคจนโลกเลือน               ยังฟั่นเฟือนแกล้งโง่จนโลกลืม !

.............................................(16.ศุภกร)............................................

 

ภาพที่เราหลงลืม (17.สำราญ)

๏ ภาพความรักความสุขในอดีต                    ภาพจารีตประเพณีศาสนา

ภาพน้ำใจที่ให้ปวงประชา                          ภาพนภาฟ้าใสในยามเย็น

๏ ที่เมืองไทยแห่งนี้มีดีนัก                          ที่แห่งรักสมัครสมานเห็น

ที่พักผ่อนหย่อนใจผู้ลำเค็ญ                          ที่อดีตนั้นเป็นเช่นนั้นจริง

๏ เราไม่คิดจะสงบอย่างแต่ก่อน                   เราสะท้อนของนอกเข้ามาสิง

เราเป็นไทยไม่ยอมรับความเป็นจริง             เราว่าไทยทุกสิ่งนั้นแสนเชย

๏ หลงระเริงเหลิงลมชมอำนาจ                  หลงลืมชาติชาวประชาพากันเฉย

หลงตัวเองว่าเก่งทำเมินเมย                        หลงคารมเอื้อยเอ่ยเชยวาจา

๏ ลืมทุกสิ่งที่เป็นไทยไปหมดสิ้น               ลือแม้ถิ่นกำเนิดที่เกิดหนา

ลืมจารีตประเพณีวัฒนา                               ลืมภาษาลืมสมัครสามัคคี

๏ ปัจจุบันคนไทยไร้ความรัก                       เห็นประจักษ์เป็นจริงทุกถิ่นที่

เด็กไม่ฟังคำผู้ใหญ่พระเณรชี                       เอาแต่ตีกันตายให้วายปราณ

๏ ความสมัครสมานไปไหนหมด                 หรือว่าหดเหือดหายคลายสถาน

เมืองสยามที่งามดังวิมาน                              คงแหลกลาญเพราะมือของคนไทย

๏ ลองมองย้อนเข้าไปในอดีต                      ดูจารีตประเพณีเป็นไฉน

ดูความสามัคคีเป็นอย่างไร                            จงเอามาปรับใช้ปัจจุบัน

๏ ภาพความรักความสุขกลับมาเถิด               ภาพน้ำใจประเสริฐตามความฝัน

ภาพความทุกข์โปรดสิ้นมลายพลัน               ภาพที่หลงลืมนั้นคือความดี ฯ 

..............................................(17.สำราญ).................................

 

ภาพเก่าที่เราลืม (18.สัญญา)

๏ มองรูปภาพสีจางข้างฝาบ้าน                        รูปผู้คนร่วมประสานงานสุขสันต์

ต่างแย้มยิ้มอิ่มอำไพให้แก่กัน                           สีหน้านั้นเปี่ยมด้วยรักสามัคคี

๏ แต่เมื่อมองภาพใหม่ใจผวา                           ปวงประชาเรียกร้องก้องศักดิ์ศรี

ทั้งเหลือง-แดงแสงหม่นปนราคี                      หลงอำนาจขาดความดีที่เสริมใจ

๏ เดินประท้วงในบ่วงกรรมย้ำยีชาติ               หลงอำนาจวาสนาพาหวั่นไหว

ถ่มวาทีขยี้ล่มจมชาติไทย                                    ก่อสงครามครั้งใหญ่ในดวงจินต์

๏ ด้วยความคิดจิตใจไม่ตรงบ้าง                        กลับตั้งข้างร้องเรียกคำตัดสิน

เมื่อไม่ได้ดั่งหวังความราคิน                             ก็เข้ามาเกาะกินพาสิ้นตน

๏ ร้องตะโกนด่าทอผู้ก่อกิจ                               ไร้น้ำจิตไร้มิตรใจไร้เหตุผล

ไม่ทันคิดหรือสันดานพาเวียนวน                    ในกงกำกงเกวียนกลดิ้นรนไป

๏ ภาพคนชั่วมั่วปะปนล่มคนดี                        คนมีศีลผ่องศรีต้องหวั่นไหว

คนบาปกรรมระยำนักชักชาติไทย                   ลงคลองใหญ่ในสถานสุสานคน

๏ ภาพเก่าก่อนที่เรานั้นหลงลืม                       เพราะเจ้าดื่มยาพิษคิดหวังผล

เกิดภาพใหม่ให้ไทยแยกแตกปวงชน              บนถนนวิบากกรรมกระหน่ำมา

๏ ภาพเก่าก่อนที่ดีจะย้อนกลับ                         หากคนไทยช่วยกันดับและรักษา

ไฟสงครามหยามไทยใจประชา                       ให้สงบหลังฟ้าเปลี่ยนเวียนฤดูฯ

...........................................(18.สัญญา)..........................................

 

ภาพเก่าที่เราลืม (19.สัญญา)(แก้ไขครั้งที่ 1)

๏ มองรูปภาพสีจางข้างฝาบ้าน                        รูปผู้คนร่วมประสานสิ่งสุขสันต์

ต่างแย้มยิ้มอิ่มอำไพให้แก่กัน                           สีหน้านั้นเปี่ยมด้วยรักสามัคคี

๏ แต่เมื่อมองภาพใหม่ใจผวา                           ปวงประชาเรียกร้องในศักดิ์ศรี

ทั้งเหลือง-แดงแสงหม่นปนราคี                      หลงอำนาจขาดความดีส่งเสริมใจ

๏ เดินประท้วงในบ่วงกรรมย้ำยีชาติ               หลงอำนาจอิทธิพลพาหวั่นไหว

ถ่มวาทีขยี้ล่มจมชาติไทย                                    ก่อสงครามครั้งใหญ่ยิ่งดวงจินต์

๏ ด้วยความคิดจิตใจไม่ตรงบ้าง                        กลับตั้งข้างร้องเรียกคำตัดสิน

เมื่อไม่ได้ดั่งหวังความราคิน                             ก็เข้ามาเกาะกินในตัวตน

๏ ร้องตะโกนด่าทอผู้ก่อกิจ                               ไร้น้ำจิตไร้น้ำใจไร้เหตุผล

ไม่ทันคิดหรือสันดานพาเวียนวน                    ในกงกำกงเกวียนกลว่ายเวียนไป

๏ ภาพคนชั่วมั่วปะปนล่มคนดี                        คนมีศีลผ่องศรีต้องหวั่นไหว

คนบาปกรรมระยำนักชักชาติไทย                   ลงคลองใหญ่แห่งสถานสุสานคน

๏ ภาพเก่าก่อนที่เรานั้นหลงลืม                       เพราะเจ้าดื่มยาพิษคิดหวังผล

เกิดภาพใหม่ให้ไทยแยกแตกปวงชน              บนถนนวิบากกรรมกระหน่ำมา

๏ ภาพเก่าก่อนที่ดีจะย้อนกลับ                         หากคนไทยช่วยกันดับและรักษา

ไฟสงครามหยามไทยใจประชา                       ให้สงบหลังฟ้าเปลี่ยนผันฤดูฯ

...........................................(19.สัญญา)..........................................

 

ภาพที่ใจยากลืม (20.สัญญา)

๏ หยิบรูปภาพหนึ่งรูปมาจูบร่ำ                        รูปคนรักถูกกระหน่ำคมกระสุน

ทำไมหนาสงครามจึงทารุณ                              ให้คนรักฉันหมดบุญสิ้นทุนใจ

๏ มองรูปภาพน้ำตาร่วงร้าวทรวงแท้               โลกนี้ช่างผันแปรช่างอ่อนไหว

คนรักฉันดับสิ้นชีวินไป                                     ด้วยสงครามไฟใต้ไม่ปราณี

๏ นกกระดาษพับไปไม่ก่อผล                           เพราะมารคนมัวบ้าล่าศักดิ์ศรี

เทิดอำนาจทูนเงินเพลินฤดี                               หยิบด้ามปืนตัดชีวีตัดปีเดือน

๏ ความทุกข์ฉันจากทัณฑ์รบที่ลามรุก             ฉันทนทุกข์ด้วยแรงรบตบเชือดเฉือน

บทเรียนรักสลักจิตติดตามเตือน                       แม้วันเคลื่อนเลื่อนไปไม่บางเบา

๏ จากวันนี้ที่คนรักได้ลาโลก                            ฉันต้องอยู่อย่างโศกอย่างเงียบเหงา

ไม่มีแล้วคนเคียงข้างระหว่างเรา                      เหลือเพียงเงากับรอเพื่อขอเธอ

๏ ขอเธอจงหยุดสงครามที่ลามเรื่อง                หยุดพันธะเกี่ยวเนื่องที่พลั้งเผลอ

จากอำนาจคลาดฝันปันหลงเรอ                        กลับมาร่วมเสนอเกลอน้ำใจ

๏ หยิบดอกไม้ให้กันแทนฟันฆ่า                     จับมือร่วมพัฒนากันได้ไหม

ภาพเก่าเก่าจะย้อนคืนสู่ไทย                              เกิดสันติยิ่งใหญ่ในขวานทองฯ

...........................................(20.สัญญา)..........................................

 

ภาพที่ใจยากลืม (21.สัญญา) (แก้ไขครั้งที่ 1)

๏ หยิบรูปภาพหนึ่งรูปมาจูบร่ำ                        รูปคนรักถูกกระหน่ำคมกระสุน

ทำไมหนาสงครามจึงทารุณ                              ให้คนรักฉันหมดบุญสิ้นสูญใจ

๏ มองรูปภาพน้ำตาร่วงร้าวทรวงแท้               โลกนี้ช่างผันแปรช่างอ่อนไหว

คนรักฉันดับสิ้นชีวินไป                                     ด้วยสงครามไฟใต้หมดปราณี

๏ นกกระดาษพับไปไม่ก่อผล                           เพราะมารคนมัวบ้าล่าศักดิ์ศรี

เทิดอำนาจทูนเงินเพลินฤดี                               หยิบด้ามปืนตัดชีวีตัดวันเดือน

๏ ความทุกข์ฉันจากทัณฑ์รบที่ลามรุก             ฉันทนทุกข์ด้วยแรงรบตบเชือดเฉือน

บทเรียนรักสลักจิตติดตามเตือน                       แม้วันเคลื่อนคลาดไปไม่บางเบา

๏ จากวันนี้ที่คนรักได้ลาโลก                            ฉันต้องอยู่อย่างโศกอย่างเงียบเหงา

ไม่มีแล้วคนเคียงข้างระหว่างเรา                      เหลือเพียงเงากับรอเพื่อขอเธอ

๏ ขอเธอจงหยุดสงครามที่ลามเรื่อง                หยุดพันธะเกี่ยวเนื่องที่พลั้งเผลอ

จากอำนาจคลาดฝันปันหลงเรอ                        กลับมาร่วมเสนอมิตรน้ำใจ

๏ หยิบดอกไม้ให้กันแทนฟันฆ่า                     จับมือร่วมพัฒนากันได้ไหม

ภาพเก่าเก่าจะย้อนคืนสู่ไทย                              เกิดสันติยิ่งใหญ่บนขวานทองฯ

...........................................(21.สัญญา)..........................................

 

ข้างหลังภาพ ข้างหลังไทย (22.สัญญา)

๏ ข้างหลังภาพล้วนลาภยศคดนินทา                              อีกชื่นชมผสมด่าคำปราศรัย

แย่งแข่งขันปั้นสร้างทางชิงชัย                                         เป็นปัจจัยอีกหนึ่งไม่พึงเบา

๏ ประเทศไทยใกล้ฝั่งวันยังรุ่ง                                          ไม่มีใครช่วยพยุงด้วยโง่เขลา

เห็นแก่ตัวมั่วอำนาจตัดขาดเรา                                          มีเพียงเงาบาปกรรมกระหน่ำตน

๏ ข้างหลังภาพล้วนหยาบหยามประณามเกียรติ          มีคำเสียดเบียดสีที่หวังผล

ล่มประเทศเขตราษฎร์ตัดขาดชน                                     บนถนนทางทุกข์ไร้สุขใจ

๏ คนดีเด่นกล่าวหาว่าชักศึก                                             คนขาดจิตสำนึกคึกคักใหญ่

ว่าคนดีเป็นต้นเหตุตัดเขตไทย                                          แท้จริงไซร้คนชั่วที่มั่วเอง

๏ ข้างหลังภาพจะราบเรียบรื่นเริงรุ่ง                              หากเรามุ่งปรารถนาไม่ข่มเหง

ไม่ตั้งตนชมชอบกรอบนักเลง                                          รู้ยำเกรงกฎหมายคุ้มกายตน

๏ ถึงทำผิดดิ้นรนพ้นกฎหมาย                                          แต่เมื่อตายความผิดยังคิดผล

กฎแห่งกรรมไม่เว้นว่างร่างกฎคน                                  แม้รวยจนสูงต่ำยังช้ำกาย

๏ ข้างหลังภาพที่ดีมีคุณค่า                                                ด้วยใส่ใจรักษาคงความหมาย

ยกระดับพ้นกฎแห่งความตาย                                           ชีวิตนี้ไร้วุ่นวายถมกายตน

๏ ภาพที่หลงที่ลืมหลงดื่มลาภ                                          จะซึมซาบกลับมาอีกหนึ่งหน

หากเรารักร่วมร้อยถ้อยคำคน                                            รวมเป็นหนึ่งปวงชนของคนไทยฯ

...........................................(22.สัญญา)..........................................

 

ข้างหลังภาพ ข้างหลังไทย (23.สัญญา) (แก้ไขครั้งที่ 1)

๏ ข้างหลังภาพล้วนลาภยศคดนินทา                              อีกชื่นชมผสมด่าให้สงสัย

แย่งแข่งขันปั้นสร้างทางชิงชัย                                         เป็นปัจจัยอีกหนึ่งไม่พึงเบา

๏ ประเทศไทยใกล้ฝั่งวันยังรุ่ง                                          ไม่มีใครช่วยพยุงด้วยโง่เขลา

เห็นแก่ตัวมั่วอำนาจตัดขาดเรา                                          มีเพียงเงาบาปกรรมกระหน่ำตน

๏ ข้างหลังภาพล้วนหยาบหยามประณามเกียรติ          มีคำเสียดด้วยรั้งมุ่งหวังผล

ล่มประเทศเขตราษฎร์ตัดขาดชน                                     บนถนนทางทุกข์ไร้สุขใจ

๏ คนดีเด่นกล่าวหาว่าชักศึก                                             คนขาดจิตสำนึกคิดการณ์ใหญ่

ว่าคนดีเป็นต้นเหตุตัดเขตไทย                                          แท้จริงไซร้คนชั่วที่มั่วเอง

๏ ข้างหลังภาพจะราบเรียบรื่นเริงรุ่ง                              หากเรามุ่งปรารถนาไม่ข่มเหง

ไม่ตั้งตนชมชอบกรอบนักเลง                                          รู้ยำเกรงกฎหมายคุ้มกายตน

๏ ถึงทำผิดดิ้นรนพ้นกฎหมาย                                          แต่เมื่อตายความผิดยังคิดผล

กฎแห่งกรรมไม่เว้นว่างร่างกฎคน                                  แม้รวยจนสูงต่ำยังช้ำกาย

๏ ข้างหลังภาพที่ดีมีคุณค่า                                                ด้วยใส่ใจรักษาคงความหมาย

ยกระดับพ้นกฎแห่งความตาย                                           ชีวิตนี้ไร้วุ่นวายถมทับตน

๏ ภาพที่หลงที่ลืมหลงดื่มลาภ                                          จะซึมซาบกลับมาอีกหนึ่งหน

หากเรารักร่วมร้อยถ้อยคำคน                                            รวมเป็นหนึ่งปวงชนของชาติไทยฯ

...........................................(23.สัญญา)..........................................

 

ภาพไหนเล่าเท่าไมตรี (24.สัญญา)

๏ กัมพูชาล่าไทยไม่หยุดหย่อน                                        ไทยไม่ผ่อนกลับสู้รู้มุ่งหมาย

โต้ตอบกลับพร้อมรับมือมุ่งทำลาย                                  ยามเมื่อต้องผจญกายกับภัยพาล

๏ ปราสาทเขาพระวิหารเหตุแห่งเรื่อง                            ให้ขุ่นเคืองพี่น้องต้องร้าวฉาน

ด้วยหวังมุ่งหมายครอบครองของเก่ากาล                       มาเป็นแผ่นดินบ้านแผ่นดินเมือง

๏ ข้อพิพาทคาใจไม่จบสิ้น                                                 รัดรวบล้อมให้แดดิ้นอย่างต่อเนื่อง

น้องเกี้ยวโกรธส่วนพี่ต้องขุ่นเคือง                                  เป็นราวเรื่องใหญ่โตอย่างโศกา

๏ ต่างหยิบยกกฎหมายมาอิงอ้าง                                      ตัดรอนร้างที่เห็นเป็นปริศนา

ทูตของไทยถูกไล่ขับออกมา                                              ไทยแสนโกรธกัมพูชาไม่อาทร

๏ จึงไล่ทูตกัมพูชากลับประเทศ                                       ไทยแจ้งเจตนารมณ์บ่มสั่งสอน

กัมพูชาไม่ลามือถือตัดรอน                                               ความสัมพันธ์แต่ครั้งก่อนที่เคยมี

๏ กัมพูชาว่าแรงแข็งอำนาจ                                              ไทยไม่หยุดหาญกาจป้องศักดิ์ศรี

เธอตอบมาฉันตอบกลับไปทันที                                      ตัดรอนสิ้นไมตรีที่ดีงาม

๏ กัมพูชาไม่หยุดหย่อนผ่อนการสู้                                  ไทยจะอยู่ได้ไงถ้าใครหยาม

จำต้องสู้ต่อไปให้ลือนาม                                                   ทั่วเขตขามเขตแคว้นแดนบุรี

๏ ภาพไมตรีที่ดีงามเมืองพี่น้อง                                       กลับมาต้องตัดขาดในวันนี้

ทางแก้ไขร้อยแปดหมื่นไม่เคยดี                                       นอกจากมิตรไมตรีที่เคยเป็น

“ประเทศไทยรักสงบรบไม่ขลาด”                               แต่อำนาจกัมพูชาอย่างที่เห็น

เริ่มแผ่เข้าเมืองไทยให้ลำเค็ญ                                           ไทยจำต้องคิดประเด็นด้าวบัญชี

๏ หากเมืองพี่เมืองน้องปรองดองรัก                              แก้ปัญหาไม่หาญหักชักศักดิ์ศรี

มาเป็นสิ่งกั้นใจในไมตรี                                                    เมืองน้องพี่คงสุขทุกคืนวันฯ

...........................................(24.สัญญา)..........................................

 

ภาพเก่าที่หญิงลืม (25.สัญญา)

๏ ภาพเก่าก่อนเมื่อย้อนไปในอดีต                   เมื่อคมมีดฟันใจเป็นปุจฉา

ยังเฝ้ารอถ้อยคำวิปัสสนา                                   มาขานไขปัญหาให้คลายใจ

๏ ที่หญิงใหม่ของไทยน่าเศร้านัก                    ลุ่มหลงรักหลงกามสมความไข

แต่กาลก่อนเคยรักนวลสงวนไว้                       กลับปล่อยตัวเรื่อยไปแด่ชายกลืน

๏ อิทธิพลต่างชาติอำนาจเหนือ                        แผ่เข้ามาจุนเจือให้สุดฝืน

สังคมหญิงของไทยไร้จุดยืน                             ด้วยเจ้าชื่นชมชอบนอกครรลอง

๏ มีแต่หญิงกลางคืนกลืนกามะ                       ไม่ลดละแถมยังเพิ่มเป็นสอง

ยั่วยวนชายทั้งแก่หนุ่มลุมหมายปอง               ยอมเศร้าหมองเสียตัวมั่วกาเม

๏ วิกฤติหญิงจริงแล้วส่อแววหนัก                   แม้ยังมีหญิงรักไม่หันเห

แต่หญิงชั่วหญิงทรามหญิงโซเซ                     ยังมีเตร่ทั่วไปในสังคม

๏ น่าอนาถหญิงไทยไร้ศักดิ์ศรี                         ท่องราตรีท้องปล่องต้องขื่นขม

แม้นักเรียนนิสิตยังติดลม                                  ท้องก่อนแต่งไม่สมสังคมไทย

๏ ภาพต่อไปข้างหน้าที่ควรเห็น                       ก็คงเป็นบุรุษกลับอ่อนไหว

ต้องเป็นฝ่ายรักนวลสงวนใจ                             เก็บกายไว้แทนหญิงอย่างจริงจัง

๏ ภาพเก่าเก่าที่ดีจะหวนคืน                              ถ้าหากหญิงกลับฟื้นสมวาดหวัง

เป็นสตรีที่รักคืนสู่รัง                                           เคียงข้างคลังยิ้มสยามงดงามใจฯ

...........................................(25.สัญญา)..........................................

 

ภาพความฝันล้ำความจริง (26.สัญญา)

๏ ภาพที่เกิดกำเนิดขึ้นกลางความคิด                 จากดวงจิตที่รื่นเริงบันเทิงฝัน

เห็นผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักกัน                                  มองจ้องหน้าพาฉันหวิวหวาดใจ

๏ มือซ้ายชายผู้นั้นถือด้ามดาบ                         ช่างเป็นภาพที่ฉันกลัวฉันหวั่นไหว

มือขวาเขาถือด้ามปืนเตรียมลั่นไก                   หน้าเขาเหี้ยมโหดให้ใจเต้นแรง

๏ เขาพูดบอกเขามาในหน้าที่                           รับฉันสู่อเวจีที่ไร้แสง

ฉันจึงบอกยอกย้อนให้เขาชี้แจง                       เรื่องที่แยงมาพบประสบตา

๏ ถามไปมาเขาบอกว่าผิดคน                            ฉันจึงพ้นหลุดทัณฑ์ที่ผวา

คิดตัวฉันจะต้องม้วยมรณา                                แท้จริงฟ้ายังดีที่เห็นใจ

๏ ฉันตื่นมาพร้อมใจหายสลายแหลก              พระเสาร์แทรกพระศุกร์ข่มหรือไฉน

จึงฝันร้ายว่าเขานั้นจะพาไป                              สู่นรกแหล่งไฟเมืองมืดดำ

๏ นึกถึงคำที่เขาบอกเพราะหน้าที่                   พาใจมองสมัยนี้ช่างชอกช้ำ

มีแต่คนรู้สิทธิที่น้อมนำ                                     แต่หน้าที่ที่พึงทำกลับลืมเลือน

๏ อันประชาธิปไตยให้มีสิทธิ์                           คนจึงคิดเห็นแก่ตัวมั่วเชือดเฉือน

และหน้าที่ที่มีนั้นกลับลืมแชเชือน                  ไม่เป็นเหมือนที่เคยทำนำกันมา

๏ ภาพที่เห็นในความฝันและความจริง          ช่างเป็นสิ่งที่เปรียบได้น่าค้นหา

ภาพสุบินสอนเราหลายเวลา                             แต่ภาพจริงกลับลวงตาให้กล้ำกลืน

๏ หากสังคมมีสิทธิรู้หน้าที่                               โลกเรานี้คงไม่ต้องอยู่อย่างฝืน

ลบน้ำตาสรรค์สร้างร่างจุดยืน                           ช่วยโลกชื่นฉ่ำแท้แน่นิรันดร์ฯ

...........................................(26.สัญญา)..........................................

 

ขอรัก ขอนวล ขอให้เธอสงวนตน (27.สัญญา)

๏ ภาพเก่าก่อนประเทศเขตสยาม                     มีผืนป่าพฤกษางามสมความไข

แต่บัดนี้เปลี่ยนเป็นป่าซีเมนต์ไป                      สิ่งใหม่ใหม่เข้าแทรกสิ่งแรกคลาย

๏ ประเพณีจารีตกลับกีดเฉือน                          ประชาราษฎร์กลับลืมเลือนเคลื่อนความหมาย

ที่โบราณพร่ำสอนไว้ก่อนตาย                           แหลกสลายเป็นฝุ่นผงปลิวลงธาร

๏ นวลนารีที่เคยไม่เอ่ยคู่                                    ด้วยนางรู้สงวนตนให้คนขาน

แต่บัดนี้หญิงไทยไม่โปรดปราน                      รับจารีตอื่นมาผลาญโบราณไทย

๏ ยอมปล่อยเนื้อปล่อยตัวชั่วขณะ                    คบผู้ชายมั่วกามะละหวั่นไหว

หมดยางอายกันแล้วหรอดวงใจ                        หญิงยุคใหม่ใจง่ายไม่อายตน

๏ โบราณบอกอย่าชิงสุกก่อนห่าม                   หญิงยุคใหม่บอกต้นตามประแสฝน

ของต่างชาติที่มีอิทธิพล                                     แผ่มาปกคลุมชนคนขวานทอง

๏ บอกยุคใหม่แนวทางพ่อให้พอเพียง            สตรีไทยจึงร่วมเรียงทูลสนอง

ประหยัดผ้าเพื่อเปิดโชว์อวดลำพอง                สายเดี่ยวช่างน่าปองของเพศชาย

๏ กระโปรงสั้นเธอบอกเธอประหยัด              รูปทรงรัดแถมไม่แพงวางแผงขาย

เลือกได้ตามที่ชอบมาครอบกาย                        เปิดสบายให้ชายเข้าหมายจอง

๏ ขอเถอะนะหญิงไทยผู้ใฝ่รัก                          จากบุรุษสุดประจักษ์ไร้รักสอง

ขอให้หญิงสงวนตัวอย่าลำพอง                        หลงราคีเข้าครองครอบคลุมใจ

๏ ภาพหญิงไทยที่งดงามสมความเขียน         จะคงอยู่วนเวียนมิไปไหน

เพียงเธอยังรักนวลสงวนไว้                              มิให้ใครลิ้มรสแล้วคดเมินฯ

...........................................(27.สัญญา)..........................................

 

ขอรัก ขอนวล ขอให้เธอสงวนตน (28.สัญญา) (แก้ไขครั้งที่ 1)

๏ ภาพเก่าก่อนประเทศเขตสยาม                     มีผืนป่าพฤกษางามสมขานไข

แต่บัดนี้เปลี่ยนเป็นป่าซีเมนต์ไป                      สิ่งใหม่ใหม่เข้าแทรกสิ่งแรกคลาย

๏ ประเพณีจารีตกลับกีดเฉือน                          ประชาราษฎร์กลับลืมเลือนลืมความหมาย

ที่โบราณพร่ำสอนไว้ก่อนตาย                           แหลกสลายเป็นฝุ่นผงปลิวลงธาร

๏ นวลนารีที่เคยไม่เอ่ยคู่                                    ด้วยนางรู้สงวนตนให้ไขขาน

แต่บัดนี้หญิงไทยไม่โปรดปราน                      รับจารีตอื่นมาผลาญคำสอนไทย

๏ ยอมปล่อยเนื้อปล่อยตัวชั่วขณะ                    คบผู้ชายมั่วกามะหมดหวั่นไหว

หมดยางอายกันแล้วหรอดวงใจ                        หญิงยุคใหม่ง่ายดายหมดอายตน

๏ โบราณบอกอย่าชิงสุกก่อนห่าม                   หญิงยุคใหม่บอกต้นตามประแสฝน

ของต่างชาติที่มีอิทธิพล                                     แผ่มาปกคลุมชนแดนขวานทอง

๏ บอกยุคใหม่แนวทางพ่อให้พอเพียง            สตรีไทยจึงร่วมเรียงทูลสนอง

ประหยัดผ้าเพื่อเปิดโชว์อวดลำพอง                สายเดี่ยวช่างน่าปองล่อตาชาย

๏ กระโปรงสั้นเธอบอกเธอประหยัด              รูปทรงรัดแถมไม่แพงวางแผงขาย

เลือกได้ตามที่ชอบมาครอบกาย                        เปิดสบายให้บุรุษเข้าจับจอง

๏ ขอเถอะนะหญิงไทยผู้ใฝ่รัก                          จากบุรุษสุดประจักษ์ไร้เจ้าของ

ขอให้หญิงสงวนตัวอย่าลำพอง                        หลงราคีเข้าครองครอบคลุมใจ

๏ ภาพหญิงไทยที่งดงามสมความเขียน         จะคงอยู่วนเวียนมิไปไหน

เพียงเธอยังรักนวลสงวนไว้                              มิให้ใครลิ้มรสแล้วคดเมินฯ

...........................................(28.สัญญา)..........................................

 

ภาพที่เราหลงลืม (29.สัญญา)

๏ ภาพสวยงามมโนราห์ขยับปีก                      บินหลบหลีกบ่วงนายพรานที่หวังผล

จับนางมาเพื่อถวายพระสุธน                            จากไพรสณฑ์ป่ากว้างริมนที

๏ มโนราห์โบยบินอย่างสันติ                           นายพรานริอาจเทียบเทียมศักดิ์ศรี

มโนราห์เช่นปวงชนคนทำดี                            นายพรานนี้เช่นคนชั่วที่มัวมน

๏ มโนราห์บินหนีจนเหนื่อยล้า                       ปีกเจ้าหักกลางฟ้าฟากฝั่งฝน

นายพรานจึงจับถวายพระสุธน                         คืออำนาจที่วางตนแต่เริ่มมา

๏ มโนราห์อยู่ในมือของอำนาจ                       เจ้าไม่อาจบินได้อย่างปักษา

ด้วยปีกหางถูกตัดต้องโศกา                               มีเพียงใจแข็งกล้าสู้ลำพัง

๏ เมื่อไหร่หนาพระสุธนจะออกรบ                 ให้นางพบปุโรหิตคิดมุ่งหวัง

จับตัวเจ้ามโนราห์จากเวียงวัง                            บูชายัญพลังเทพเบื้องบน

๏ มโนราห์จะได้ติดปีกหาง                               รำบูชาก่อนบินคว้างกลับไพรสณฑ์

ออกสู้ฟ้าอิสระเริ่มบันดล                                   กลับมาค้นคว้าชีวิตลิขิตใจ

๏ ด้วยหางปีกสัมพันธ์สามัคคี                          พาเจ้าหนีออกมามองฟ้าใส

เหมือนปวงชนของประเทศเขตชาติไทย            ถูกคลุมไว้ด้วยอำนาจตัดขาดกัน

๏ ถ้าหากไทยสามัคคีรวมจิตสร้าง                    เหมือนเช่นนางบินหนีอย่างสุขสันต์

เพียงปวงชนในชาติรักผูกพัน                           รักคงมั่นอย่างจริงใจไร้ราคี

๏ ภาพที่ดีจะกลับสู่มวลชน                               เช่นนางค้นทางสู้รู้ทางหนี

เพียงไทยเราร้อยใจทุกไมตรี                              ร่วมความดีสร้างไทยไร้ราคินฯ

...........................................(29.สัญญา)..........................................

 

ภาพที่เราหลงลืม (30.สัญญา)

๏ ภาพในหลวงทรงห่วงใจไทยประเทศ     พระประชวรยังทรงเจตนาหมาย

มุ่งวิวัฒน์พัฒนาไม่เสื่อมคลาย                          ยอมสละพระวรกายเพื่อแผ่นดิน

๏ แต่คนไทยทำไมยังคงแยก                             ยังคงแทรกอำนาจคำตัดสิน

ทั้งเหลืองแดงแยงอ้างร่างดวงจินต์                  ทำร้ายถิ่นฐานไทยให้วายปราณ

๏ ภาพในหลวงที่มุ่งหมายพัฒนา                    กับประชาที่มุ่งหมายมลายผลาญ

ภาพในหลวงอุทิศกายใจทุกกาล                       กับชนพาลทำร้ายถิ่นแดนดินไทย

๏ เมื่อไหร่เล่าคนไทยจะรู้สึก                            มีสำนึกเพื่อมุ่งหมายแก้ไข

พัฒนาประเทศศูนย์รวมใจ                                คงมั่นไว้คู่ถิ่นแดนดินงาม

๏ ร่วมกันทำความดีถวายพ่อ                             ที่ทรงก่อกอบกิจทั่วสยาม

ให้ประจักษ์แจ่มแจ้งเลื่องลือนาม                     สมดั่งความเมืองยิ้มอิ่มไมตรี

๏ หยุดสงครามทำร้ายไทยประเทศ                 หยุดแจ้งเจตนารมณ์ข่มศักดิ์ศรี

หยุดมล้างประเทศไทยกันสักที                        กลับมาร่วมทำความดีเพื่อพ่อเรา

๏ ภาพที่เราหลงลืมจะคืนคอน                         สู่ลุ่มดอนราบแหล่งดอยขุนเขา

ว่ายังมีองค์ในหลวงคอยห่วงเรา                       ทุกลำเนาที่อยู่คู่ธานี

๏ ภาพที่ดีสร้างได้หากเรารัก                            หากสมัครสมานร่วมสุขี

ประเทศไทยจะพานพบแต่ความดี                   สมคำที่ว่าไทยน้ำใจงามฯ

...........................................(30.สัญญา)..........................................

 

ภาพที่เราหลงลืม (31.สัญญา)

๏ สามัคคีคือสิ่งแจ้งจริงนัก                               หากรู้รักปรองดองด้วยเธอฉัน

จับมือร่วมร้อยนามความสัมพันธ์                    พาสุขสันต์สำราญเบิกบานใจ

๏ ท่านนายพันฆ่าสันติวิธีโหด                         ตัดชั่วโคตรคลุกธุรีมีที่ไหน

ตัดรอนชนวนเวียนว่ายเปลวไฟ                       ตัดรอนไทยทุบแตกเหลวแหลกลาญ

๏ ท่านคุณหญิงยิ้มแย้มแกมเล่ห์กล                   กำหนดผลให้โลกเป็นสุสาน

มีอำนาจนั้นเป็นยมบาล                                     มาเผาผลาญประชาชนคนของไทย

๏ ทั้งเหลืองแดงแย่งชิงอิงอำนาจ                    นรกพลาดมองเห็นหรือไฉน

จึงปล่อยคนชั่วช้ามาเริงใจ                                ฆ่าคนดีเช่นไก่ส่งขายพลัน

๏ ขอจงหยุดทำร้ายไทยประเทศ                       หยุดต้นเหตุแห่งใจให้สุขสันต์

ด้วยรอยยิ้มอิ่มใจมอบให้กัน                              สังคมนั้นจะสงบพบสิ่งงาม

๏ ภาพที่เราลืมไปจะได้กลับ                             ไม่แดดับสิ้นไปในเขตขาม

ดินแดนรบสมรภุมิแดนหมู่มาร                       คืนสู่บ้านสู่เย้าสู่เสาเรือนฯ

...........................................(31.สัญญา)..........................................

 

ภาพที่ “พี่ไทย” นั้นหลงลืม (32.สัญญา)

๏ ประเทศไทยมีไมตรีแห่งพี่น้อง                    เราปรองดองด้วยความสุขทุกข์ห่างหาย

มีรอยยิ้มอิ่มอำไพไม่เสื่อมคลาย                       สื่อความหมายมอบใจให้แก่กัน

๏ พี่กอดน้องน้องกอดพี่แสนดีนัก                   เรารู้รักแม้ต่างเลือดต่างความฝัน

เราช่วยเหลือเอื้ออาทรทุกคืนวัน                       เหนือใต้กลางอีสานนั้นล้วนน้ำใจ

๏ แต่วันนี้พี่เปลี่ยนเวียนใจแล้ว                        พี่เปลี่ยนแนวทิ้งน้องต้องหวั่นไหว

คนเคยรักร่วมเรียงร้อยถ้อยคำไว้                      กลับเปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยเป็น

๏ พี่แปรเปลี่ยนกลับคิดเข่นฆ่าน้อง                กลายเป็นกองโจรใต้ให้น้องเห็น

ทำลายป้าน้าลุงยายรำเค็ญ                                 ผู้เคยร่วมทุกข์เข็ญอยู่ประจำ

๏ พวกพี่น้องผองญาติพี่ไม่เว้น                        กลับฆ่าเข่นคิดแค่เรื่องขำขำ

น้องเห็นผลงานที่พี่ได้ทำ                                  พี่ทำไมใจดำไม่ใยดี

๏ ปวงชนไทนในประเทศคือเครือญาติ          พี่กลับคิดตัดขาดไร้ศักดิ์ศรี

ของชาติชายชาวไทยไร้ปราณี                           ทำไม่พี่ถึงทำได้ลงคอ

๏ น้องขอพี่โปรดลดละจะได้ไหม                   หยุดฆ่าเครือญาติไทยกันเถอะหนอ

หวังว่าพี่คงเห็นใจคนที่รอ                                 กลับมาร่วมกอบก่อกู้เช่นเดิม

๏ ไทยทุกคนคือเครือญาติที่ยิ่งใหญ่                ขอพี่จงเห็นใจหยุดหึกเหิม

กลับมาร่วมต่อรักที่รอเติม                                  ให้พูนเพิ่มรักปรองดองของคนไทย

๏ ภาพที่พี่ลืมไปให้ลบเลือน                             ขอเพียงพี่อย่าเคลื่อนคลาดไปไหน

พี่จงคงมั่นรักแท้อย่างจริงใจ                             ภาพที่ดีมอบไว้แก่ไทยเราฯ

...........................................(32.สัญญา)..........................................

 

ภาพที่เราหลงลืม (33.ภุชงค์)

๏ ประเทศไทยสารพันในวันนี้                    สื่อไอทีก้าวหน้ายิ่งกว่าเก่า

ความคิดทันสมัยกันไม่เบา                            บ้านเมืองเราน่าทึ่งตะลึงลาน

๏ คนนอกเมืองเดี๋ยวนี้มีขันแข่ง                   คิดเปลี่ยนแปลงกันอื้อเรื่องสื่อสาร

ภาพวัตถุบังใจไม่ทันนาน                            ภาพความหวานชนบทก็หมดลง

๏ ความละไมละเมียดละเอียดอ่อน                ถูกลิดรอนคงเหลือเพียงลุ่มหลง

ภาพอดีตเคยฝันไว้มั่นคง                              ถูกบรรจงกลืนวัฒนธรรม

๏ ลืมแล้วภาพเมื่อครั้งยังปราณีต                   ภาพอดีตของเราเขาเหยียบย่ำ

จึงกลายเป็นสังคมถมระกำ                            เห็นของต่ำหมายมุ่งว่ารุ่งเรือง

๏ ขณะเราก้าวย่างไปข้างหน้า                      โลกภิวัฒน์พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

ด้านวัตถุโด่งดังไปทั้งเมือง                           แต่ใจคนเปล่าเปลืองไม่แบ่งปัน

๏ ร่วมกันกู้ภาพเก่ามาเล่าใหม่                      เพื่อลูกหลานต่อไปได้ยึดมั่น

เป็นเรื่องของคนไทยรักใคร่กัน                      คงสักวันซึ้งซาบเหมือนภาพเดิมฯ

..............................................(33.ภุชงค์)..........................................

 

หลงใหม่ได้ปลื้มอย่าลืมภาพแห่งความหลัง (34.จุฑารัตน์)

1.ลองทบทวนสวนกระแสความแปรเปลี่ยน                 เนิ่นจำเนียรนึกทราบภาพความหลัง    

เรากำหนดเก็บที่ดีหรือยัง                                                   หรือเผลอพลั้งลืมจำลืมตำนาน

2. ภาพอดีตกรีดใจไทยทั้งชาติ                                          ความพลั้งพลาดพันผูกถึงลูกหลาน

ภาพอิฐหักซากวังครั้งโบราณ                                           หมายถึงการขาดรักสามัคคี

3. ภาพทหารเสือตากสินบดินราช                                   ท่านกู้ชาติไว้ชื่อลือศักดิ์ศรี

ขับริปูผู้รุกรัฐปัถพี                                                               ในภาพนี้พี่เพื่อนคงเลือนราง

4. ภาพคุณยายไหว้พระปฏิบัติ                                          พระจากวัดบิณฑบาตยามฟ้าสาง

หลานน้อยน้อยคอยตามงามแนวทาง                              เห็นแล้วช่างชื่นใจในวัฒนธรรม

5.ภาพในหลวงห่วงไทยในผืนหล้า                                 พระเมตตาพระองค์ท่านนานฉนำ

พระเสโทรินไหลให้ทรงจำ                                              พระน้อมนำสุขเอื้อเพื่อแผ่นดิน

6. เราหลงลืมภาพอะไรไปอีกบ้าง                                   อย่าลืมร้างประเพณีทุกที่ถิ่น

เหล่านั้นคือความดีศรีธานินทร์                                        โลกยลยินลือนามความเป็นไทย

7. อย่าหลงใหลได้ปลื้มลืมของเก่า                                   ที่ผู้แก่ผู้เฒ่าสืบสานให้

ภาพอำพนคนดีมีน้ำใจ                                                       อีกนิสัยสร้างสรรค์ภูมิปัญญา

8. กลับฟื้นฟูดูภาพอันซาบซึ้ง                                          ไทยคือหนึ่งความดีมีคุณค่า

วัฒนธรรมประเพณีไทยมีมา                                            จงรักษาสืบไว้อย่าได้ลืมฯ

...........................................(34.จุฑารัตน์)..............................................

 

ภาพที่เราหลงลืม (35.กวิสรา)

๏ เราหลงลืมภาพภูสูงเสียดฟ้า                    ภาพผืนป่าต้นน้ำลำธารใส

ภาพนกร้องก้องกู่คู่พงไพร                        ภาพแมกไม้ร่ายรำระบำลม

๏ ภาพวิถีมิ่งมิตรใกล้ชิดป่า                        ภาพน้ำฟ้าเคยดื่มกินรินสุขสม

ภาพธรรมชาติยั่วยวนชวนชื่นชม               สันติพรมสีทั่วภาพปลาบปลื้มใจ

๏ เราหลงลืมลบภาพเก่าสิ่งเหล่านั้น            หยิบพู่กันสรรค์สร้างร่างภาพใหม่

เราลบภาพผืนป่าด้วยสีไฟ                            เราวาดใหม่เป็นตึกครึกครื้นครัน

๏ เราลบภาพนกร้องกู่ก้องภพ                      เราวาดกลบสำเนียงเสียงสุขสันต์

ด้วยสำเนียงวิวาทเข้าฟาดฟัน                        ด้วยวาจาสารพันให้บรรลัย

๏ เราระบายสีโศกสู่โลกหล้า                       ละเลงทาสีเศร้าเป็นเงาใหญ่

หลงลืมภาพฟ้าทองผ่องอำไพ                     ลืมอุ่นไอรักหวานซ่านดวงจินต์

๏ เมื่อไหร่เล่าเราจึงซึ้งคุณค่า                       ลบทิ้งภาพมายาให้หมดสิ้น

หยุดระบายสีโศกาน้ำตาริน                          ฟื้นแผ่นดินด้วยภาพกำซาบมานฯ

.............................................(35.กวิสรา).............................................

 

รำลึกอยุธยา มหาธานีสยาม (36.ปองสถิตฯ จากจิตใจ)

๏ แสนรำพึงอยุธยาเมืองสวรรค์                                       กรุงรังสรรค์วิไลเพริศเลิศรุ่ง

เรืองวัฒนธรรมดีที่ผดุง                                                      ขจรฟุ้งทั่วถิ่นแผ่นดินทอง

๏ อนิจจาไอ้พม่ามาเหยียดหยาม                                      มันใจทรามข่มเหงมิเกรงผอง

ทั้งวัดวาราชวังมันพังกอง                                                  เมืองเรืองรองถูกเผาเร้าโศกา

๏ อยุธยาเมืองหลวงอยู่ทรวงจิต                                        รำพึงคิดคราใดเล่าเรากังขา

ยินตระหนักมโนภาพทราบอุรา                                       กรุงเทวายืนยงทรงเมืองไทย

๏ ทั้งพระศรีสรรเพ็ชญ์ที่ศักดิ์สิทธิ์                                  พระพิชิตมารผองครรลองไข

ทั้งวัดวาปราสาทดูงามใจ                                                    สิ่งไหนไหนเพลินพิศพินิจดู

๏ อยุธยาแปลว่ามิรณรบ                                                     ใครสยบมิได้หยุดดุจรอบรู้

แต่ไฉนมาวอดวายมลายดู                                                 น่าอดสูกรุงศรีที่ทรามเชย

๏ ทั้งยลโฉมกัลยาน่าผุดผ่อง                                             พิศนวลน้องเย้าจิตพินิจเผย

ดูแก้มเรื่อนงคราญสราญเคย                                             เนื้องามเอยมารยาทสวาทตา

๏ พระนเรศกู้บ้านชำนาญศึก                                           สงครามมอญพม่าคึกมิผวา

ยุทธหัตถ์ ธ ฟัดฟันอุปราชา                                              ภาพนี้หนาดูสะท้านมานานพลัน

๏ ปีต่อมาร้อยหกสิบมาบรรจบ                                         อยุธยาสยบต้องแปรผัน

ต้องสูญเสียเอกราชที่ยืนยัน                                               แสนโศกศัลย์คนแตกสาแหรกตน

๏ คนไทยหนออย่าทะเลาะกะเทาะเกลียด                     อย่าหยามเหยียดกรุงศรีที่ลับล้น

สามัคคีกันไว้ฤทัยชน                                                          พระทศพลทรงสอนอมรธรรม

๏ ยิ่งคิดแล้วถึงอดีตที่เลือนจบ                                           อยากจะพบกรุงศรีที่งามล้ำ

แม้จะนานผ่านนักมักระกำ                                               ฉันขอจำอยุธยาตลอดไปฯ

…………………..(36.ปองสถิตฯ จากจิตใจ)......................................

 

ภาพที่เราหลงลืม (37.เพชรน้ำหนึ่ง)

๏ ลืมแล้วฤๅลูกรักลืมพ่อแม่                                              ที่ดูแลเลี้ยงเจ้าเฝ้าถนอม

แม้นลำบากตรากตรำก็ทนยอม                                         มีใจพร้อมมอบให้ลูกทั้งชีวี

๏ คอยป้อนข้าวป้อนน้ำจนเติบใหญ่                                คอยดูแลเอาใจใส่ไม่แหนงหนี

คอยพร่ำสอนให้ลูกเป็นคนดี                                             มีศักดิ์ศรีเป็นที่รักของทุกคน

๏ ทั้งเป็นผู้ให้ชีวิตให้ทุกสิ่ง                                              ไม่ทอดทิ้งลูกน้อยแม้ขัดสน

ยามลูกหิวให้ลูกกินท่านยอมทน                                      ชื่นกมลเมื่อลูกอิ่มก็ปรีดา

๏ ในยามนี้เจ้าเติบโตเป็นผู้ใหญ่                                       เจ้ากลับไม่มาเยี่ยมเยียนเวียนมาหา

พ่อและแม่ก็เฝ้าคอยเวลา                                                    รอลูกมาดูและดูใจ

๏ หวังจะฝากชีวิตที่เหลืออยู่                                             ให้เจ้าช่วยดูแลอย่าเสือกไส

ต้องขอโทษหากทำให้ลำบากใจ                                        ถ้าเผลอไผลทำผิดอย่าว่ากัน

๏ อีกไม่นานพ่อและแม่ต้องจำจาก                                  ต้องพลัดพรากจากไปแดนสวรรค์

แต่ในใจยังคิดถึงยังผูกพัน                                                แม้นชีวันจะม้วยมรณ์มอดดับไปฯ

………………….................(37.เพชรน้ำหนึ่ง)......................................

 

 “ไทยเป็นไท ไทยงดงาม” (38.ปัทมาลย์)

๏ บนแผ่นดินแดนทองพราวอำพัน                แผ่ผืนกว้างไพรสัณฑ์อุดมสม

ทุกวันคืนฝนจากฟ้าร่วงมาพรม                        คลายทุกข์ตรมข่มขืนแห่งหัวใจ

๏ ฝนสะอาดเป็นน้ำหยาดค้างใบไม้               ไทยเราได้พ่อฟ้าหลวงคอยชิดใกล้

พ่อทรงคุ้มพ่อดูแลด้วยห่วงใย                          ชนสุขใสชื่นฉำอุราเย็น

๏ ในอดีตสยามเรืองเลิศรังรอง                        ไม่เป็นสองใครใดใครก็เห็น

แต่วันนี้บ้านร้อนกว่าที่เคยเป็น                        ร้ายกระเซ็นซาดกันคล้ายเลือดนอง

๏ ในอดีตเลือดเคยนองรินไหลลง                   แต่เพราะคงชาติไว้เราได้ผยอง

เกียรติยศแลกด้วยชีพเพื่อจะครอง                   ไทยงามยองใยขาวพิสุทธิ์จาร

๏ เลิกเสียเถิดเลิกหักหาญใจของกัน               เลิกคิดปันริษยากั้นประสาน

เมืองของเราอย่ามีมากคนใจมาร                     จากวันวานลำเข็ญนักยามกันภัย

๏ หลายพระองค์ทรงบุญญารักษามา              พสุธายงฉายเฉิดเคียงฉัตรชัย

แบ่งสองพวกสองสีมีความนัย                         แดงเหลืองพิไรรำพันแต่เรื่องตน

๏ องค์ภูมินทร์ปิ่นราชย์ทรงงานหนัก            มิทรงพักเสด็จเยี่ยมทุกแห่งหน

พ่อสละความสำราญเพื่อปวงชน                    หวังให้เราได้ยล"อุดมการณ์"

๏ ไทยเป็นไทมีศักดิ์สมสง่า                              ต่อสู้ฝ่าเรื่องเลวร้ายเมื่อพบพาน

คนไทยนั้นพิทักษ์บ้านด้วยอาจหาญ               มาหลายกาลแต่เราเองหลงลืม"ไทย"

……………………................(38.ปัทมาลย์)..................................

 

ถูกตัดสิทธิ์-ผิดกติกา

 “ไทยเป็นไท ไทยงดงาม” (39.ปัทมาลย์) (แก้ไขครั้งที่ 1)

๏ บนแผ่นดินแดนทองพราวอำพัน                แผ่ผืนกว้างไพรสัณฑ์อุดมสม

ทุกวันคืนฝนจากฟ้าร่วงมาพรม                       คลายทุกข์ตรมข่มขืนแห่งหัวใจ

๏ ฝนสะอาดเป็นน้ำหยาดค้างใบไม้               ไทยเราได้พ่อฟ้าหลวงคอยชิดใกล้

พ่อทรงคุ้มพ่อดูแลด้วยห่วงใย                          ชนสุขใสชื่นฉำอุราเย็น

๏ ในอดีตสยามเรืองเลิศรังรอง                        ไม่เป็นสองใครใดใครก็เห็น

แต่วันนี้บ้านร้อนกว่าที่เคยเป็น                        ร้ายกระเซ็นซาดกันคล้ายเลือดนอง

๏ ในอดีตเลือดเคยนองรินไหลลง                   แต่เพราะคงชาติไว้เราได้ผยอง

เกียรติยศแลกด้วยชีพเพื่อจะครอง                   ไทยงามยองใยขาวพิสุทธิ์จาร

๏ เลิกเสียเถิดเลิกหักหาญใจของกัน               เลิกคิดปันริษยากั้นประสาน

เมืองของเราอย่ามีมากคนใจมาร                     จากวันวานลำเข็ญนักยามกันภัย

๏ หลายพระองค์ทรงบุญญารักษามา              พสุธายงฉายเฉิดเคียงฉัตรชัย

แบ่งสองพวกสองสีมีความนัย                         แดงเหลืองนั้นพิไรพันแต่เรื่องตน

๏ องค์ภูมินทร์ปิ่นราชย์ทรงงานหนัก            มิทรงพักเสด็จเยี่ยมทุกแห่งหน

พ่อสละความสำราญเพื่อปวงชน                     หวังให้เราได้ยล"อุดมการณ์"

๏ ไทยเป็นไทมีศักดิ์สมสง่า                              ต่อสู้ฝ่าเรื่องเลวร้ายเมื่อพบพาน

คนไทยนั้นพิทักษ์บ้านด้วยอาจหาญ               มาหลายกาลแต่เราเองหลงลืม"ไทย"

……………………................(39.ปัทมาลย์)..................................

หมายเหตุ : ส่งผลงาน เกินระยะเวลาที่กำหนด (ส่งวันจันทร์ที่ 16 พ.ย.52)



กลอนสุภาพ 2552

ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “บทเพลงแห่งสันติภาพ”
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “ฤดูกาล”



bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ