ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (กาพย์ยานี 11) : หัวข้อ “ชีวิตผาสุก”
(รวม 29 ชิ้น)
1.(พันธ์)
...............................ผาสุก(1.พันธ์).........................
๏ ความสุขอยู่หนใด เหตุไฉนหายากนัก
ตัวข้าอยากรู้จัก โปรดมาทักทายข้าที
๏ คราใดเมื่อฝนพรำ ไม่อยากจำอยากหลีกหนี
ความสุขช่วยข้าที ข้าอยากมีเจ้าในใจ
๏ ตะวันส่องแสงให้ น้ำในคลองเริ่มเหือดหาย
ตะวันเจ้าทำลาย นา-มลายหมดสิ้นไป่
๏ คราใดพายุไป ทำให้ข้าแทบยากไร้
ผืนนาข้าเสียหาย ชีวิตไซร้แทบบรรลัย
๏ ชีวิตบ่มีใคร นั่งฟูมฟายนอนร้องไห้
นี่หรือชาวนาไทย ข้าวเสียหายเจ็บหัวใจ
๏ ไม่แกร่งกล้าเกินใคร มีเพียงใจที่มอดไหม้
เป็นเพียงชาวนาไทย หวังไว้จะผาสุกเอย
เป็นการร้อยคำประพันธ์ที่เกิดจากผู้เขียนนึกถึงชีวิตของชาวไทย ถึงคราฝนตกก็น้ำท่วมนาของตนก็ได้รับความเสียหาย แต่พอถึงคราตะวันส่องแสงน้ำเหือดแห้งไปข้าวก็กลับมาตายอีก ชีวิตของชาวนาจึกเป็นไปด้วยความลำบาก แต่ถึงแม้จะลำบากสัเพียงไรผู้เขียนก็ยังเห็นชาวนากัดฟันบากบั่นทำนาต่อไป แม้ว่าผืนนาของตนนั้นจะได้ข้าวมากน้อยเพียงใด อย่างน้อยก็ยังปลอบใจตัวเองอยู่เสมอว่า สักวันจะต้องมีความผาสุกเกิดขึ้นกับตัวเองแน่นอน
...........................(1.พันธ์)....................................
2.ดาวเรือง
...................ชีวิตผาสุก(2. ดาวเรือง).......................
๏ แนวทางสร้างชีวิต เริ่มที่จิตคิดผ่องใส
พอเพียงเคียงกายใจ วิถีไท้ให้แนวทาง
๏ พอใจในตนเอง ไม่กลัวเกรงเร่งบาดหมาง
รู้คิดจิตปล่อยวาง ส่องสรรค์สร้างเพื่อก้าวไกล
๏ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มิตร มิหลงผิดคิดแต่ได้
สุขล้ำด้วยน้ำใจ รู้อภัยรู้แบ่งปัน
๏ การให้ผูกไมตรี คุณความดีมีสุขสันต์
เมตตาพาแบ่งปัน ช่วยเหลือกันมั่นกมล
๏ คุณธรรมนำชีวิต รู้ถูกผิดกิจของตน
ไม่ตีค่าราคาคน ไม่แบ่งชนแบ่งชั้นใคร
๏ ชีวิตจึงผาสุก ไม่มีทุกข์ขุ่นข้องใจ
จากหนึ่งจึงเป็นไทย เกิดสายใยสามัคคี
...........................(2. ดาวเรือง)....................................
3.ธัญญาลักษ์
..............ชีวิตผาสุก(3. ธัญญาลักษ์).......................
๏ ครองตนบนพื้นฐาน คู่ครองงานการทำดี
ทุกครารู้หน้าที่ ด้วยสำนึกความเป็นไทย
๏ รู้จักรักตนเอง อย่าอวดเก่งข่มเหงใคร
รู้จักกินรู้จักใช้ รู้การให้รู้แบ่งปัน
๏ หลักธรรมนำชีวิต ช่วยดลจิตให้สุขสันต์
เป็นสุขทุกคืนวัน ชั่วนิรันดร์มิผันไป
๏ ชีวิตจิตผาสุก ไร้ความทุกข์สุขสดใส
สร้างคนผลก้าวไกล ประเทศไทยสุขร่มเย็น
๏ พอเพียงตามรอยพ่อ คือความพอคิดใช้เป็น
พอใจไร้ลำเค็ญ เป็นประเด็นการครองตน
๏ ความรู้คู่ชีวิต คบบัณฑิตประสิทธิ์ผล
ปัญญาค่าของคน ดลวิถีความดีงาม
...........................(3. ธัญญาลักษ์)....................................
4.(คนธรรพ์)
........................ชีวิตผาสุก(4. คนธรรพ์)....................
๏ ผาสุกแห่งชีวิต จะสถิตกลางจิตใส
ทำสิ่งที่ชอบใจ ให้เกิดสุขทุกข์บ่มี
๏ ดำรงคุณธรรม โดยน้อมนำศีลอันดี
เมตตาแลปรานี เป็นวิธีของมนุษย์
๏ ให้เกียรติกันและกัน ด้วยจิตอันบริสุทธิ์
มิทำการประทุษ ให้ชาติเสื่อมสังคมโทรม
๏ รักษาประเพณี ตามวิถีน่าประโลม
สว่างดุจแสงโสม เพราะสืบสานตลอดมา
๏ ร่วมรักษ์ผืนพงพี ธรณีและคงคา
ขุนเขาสิขรา อย่าทำลายให้หายพลัน
๏ ดูแลของส่วนรวม มีส่วนร่วมการแบ่งปัน
ทำสิ่งที่สร้างสรรค์ บำรุงชาติให้รุ่งเรือง
๏ อยากมีความผาสุก ต้องร่วมปลุกความประเทือง
สร้างสงบสู่บ้านเมือง ด้วยน้ำใจและไมตรี
...........................(4.คนธรรพ์)....................................
5.ณิภารัตน์
...............ชีวิตผาสุก(5. ณิภารัตน์-ส่งครั้งที่1)...................
๏ กลิ่นข้าวหอมโรยริน ดั่งเสียงพิณเปล่งสำเนียง
ข้าวปลามาเทียบเรียง พร้อมลูกเนียงเคียงสะตอ
๏ ทานเสร็จดูละคร แล้วก็นอนหนุนตักพ่อ
แม่กล่อมไม่รีรอ ข้านี้หนอมีสุขจิง
๏ ตื่นเช้าเข้าโรงเรียน นั่งอ่านเขียนไม่ประวิง
ความรู้นั้นเป็นสิ่ง แผ่ก้านกิ่งยิ่งแตกฉาน
๏ เรียนเสร็จนั่งพักผ่อน อย่ารีบร้อนเร่งกลับบ้าน
หายเหนื่อยกลับวิมาน คือสถานพักผ่อนใจ
๏ เปลี่ยนชุดเล่นกีฬา เพิ่มความฮาความรักใคร่
เพิ่มรักถักสายใย พร้อมการให้ใจเบิกบาน
๏ เล่นเสร็จเปิดตำรา ให้สายตาได้ฝึกอ่าน
ชีวาข้าสำราญ แสนชื่นบานผาสุกจริง
...........................(5. ณิภารัตน์)....................................
6.มะลิษา
..................ชีวิตผาสุก (6. มะลิษา).................
๏ สุรีย์แสงเริ่มส่อง สีเรืองรองดั่งทองทา
ผ่านไร่ไปยังนา บ้างนกกามาเป็นคู่
๏ ลูกน้อยคอยเฝ้าระวัง พ่อแม่ยังดูแลอยู่
หากินแต่เช้าตรู่ เสียงร้องกู่ผู้หิวโหย
๏ นกเอี้ยงเรียงกาสร หมู่ภมรออกบินโบย
ผกาที่ร่วงโรย มีกลิ่นโชยของท้องป่า
๏ สาวน้อยร้อยความดี นวลนารีชื่นชีวา
นั่งมองท้องนภา แม่แก้วตาน่าสุขสม
๏ ตะวันนั้นยอแสง เริ่มอ่อนแรงแฝงภิรมย์
จิตใจใฝ่ชอบชม หมดระทมช่วยเบิกบาน
๏ ชีวิตไม่วุ่นวาย สุขสบายเหมือนวันวาน
ที่เป็นดั่งรากฐาน ให้พบพานความผาสุก
...........................(6. มะลิษา)....................................
7.สุนิษา
............................ชีวิตผาสุก(7. สุนิษา)...................
๏ ชีวิตช่างหอมหวาน เหมือนดั่งทานน้ำแข็งใส
มีรักแสนสุขใจ มีเยื่อใยสายสัมพันธ์
๏ ชีวิตช่างรื่นเริง แสนบันเทิงใจสุขสันต์
ความรักไม่แปรผัน ดั่งรางวัลของชีวา
๏ มีรักจากทุกทาง ปูฐานร่างสร้างศรัทธา
ให้รักให้เห็นค่า ให้บูชาในความดี
๏ ชีวิตแสนสบาย ทั้งร่างกายมีราศี
ให้เก่งในทุกที่ ไร้ราคีมีความหวัง
๏ ชีวิตอิ่มไออุ่น แสนละมุนหนุนพลัง
ลดความเกลียดชิงชัง เปรียบเป็นดั่งสายธารเย็น
๏ ชีวิตช่างผาสุก ไร้ความทุกข์ไร้ลำเค็ญ
ไม่มีความยากเข็ญ สุขกระเซ็นเน้นความดี
...........................(7.สุนิษา)....................................
8.ไอลดา
..........................ชีวิตผาสุก(8.ไอลดา)......................
๏ นี่หรือคือชีวิต ทุกคนคิดติดแข่งขัน
ไร้ซึ่งพึ่งแบ่งปัน ทุกคืนวันหมั่นแย่งชิง
๏ เงินทองของนอกกาย ทุกคนหมายได้ในสิ่ง
น้ำใจบ่ใสจริง ล้วนกลอกกลิ้งทิ้งไมตรี
๏ ลองหมุนเวียนเปลี่ยนเถิด จะกำเนิดเลิศสุขี
เปลี่ยนใจให้คิดดี ทิ้งราคีคราบบาปไป
๏ เข้าวัดหัดฟังธรรม สิ่งเลิศล้ำนำผ่องใส
พาตนพ้นชั่วไกล ทุกดวงใจใฝ่ร่มเย็น
๏ พอเพียงเลี้ยงกายตน จะหลุดพ้นทนทุกข์เข็ญ
เก็บหอมรอมริบเป็น อดออมเด่นเป็นสุขนาน
๏ ความสุขคือการให้ ทุกดวงใจรู้ให้ทาน
รู้จักรักผสาน ใจเบิกบานสราญรมย์
๏ ชีวิตจิต “ผาสุก” สิ้นความทุกข์ปลุกสุขสม
ชีวิตใจไม่ตรม ไม่ขื่นขมเพราะทำดี
...........................(8.ไอลดา)....................................
9.พรนภา
.............................ชีวิตผาสุก(9. พรนภา).......................
๏ วิถีแห่งชีวิต พรหมลิขิตหรือกรรมเขียน
หลายคนเดินวนเวียน ในห้วงทุกข์ขาดสุขครอง
๏ บางคนอาจสิ้นหวัง ขาดพลังจิตสนอง
ขาดธรรมเป็นเทียนทอง ส่องสว่างให้ชีวิน
๏ แสงธรรมสินำใจ สุขสดใสเป็นอาจิณ
ชีวิตไม่พังภินท์ เพราะไม่พลาดไม่ขาดธรรม
๏ วัยเยาว์เร่งศึกษา การวิชาพาน้อมนำ
มุ่งเรียนเพียรประจำ จวบสำเร็จเสร็จดังใจ
๏ วิชาคืออาชีพ ดั่งประทีปส่องทางไกล
วัยงานสานสบชัย วัยสร้างตนเป็นคนดี
๏ สุขได้ในสังคม ย่อมอุดมเด่นราศี
ซื่อสัตย์คือวิธี ทำ “ชีวิตผาสุก”เอย
...........................(9.พรนภา)....................................
10.ซุปเปอร์
..........ชาติหน้าขอชีวิตผาสุก(10. ซุปเปอร์)............
๏ จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้าขา โปรดเมตตาเปี่ยมปรานี
ลูกเกิดมาภพนี้ ครองชีวิตติดบ่วงกรรม
๏ อาศัยใต้สะพาน นั่งขอทานพิการซ้ำ
วิโยคโศกกระหน่ำ นำชีวิตมากพิษภัย
๏ เกิดกายภายภาคหน้า วาสนาพาชีพใหม่
บ่วงบาศนิราศไกล ไม่หวนเป็นเช่นผ่านมา
๏ มีข้าวกินทุกมื้อ มีหนังสือสื่อศึกษา
มีบิดรมารดา มีผาสุกทุกคืนวัน
๏ มีบ้านเรียกว่าบ้าน มีการงานสานสุขสันต์
มีตรายศฐานันดร์ มีปัญญาสมค่าคน
๏ มีร่างกายครบส่วน มีรอยสรวลไร้รอยหม่น
มีครอบครัวของตน มีดวงมนไร้หม่นเมา
๏ นี่...คำอธิษฐาน ลูกสื่อสารสู่จันทร์เจ้า
จาบัลย์โปรดบรรเทา คลายเศร้าโศกแห่งโชคชะตา
๏ ลูกจะสะสมบุญ เป็นต้นทุนหนุนชาติหน้า
เพื่อชีวิตมีชีวา พาน้อมนำกอปรกรรมดี
๏ จันทร์เอ๋ยจันทร์เจ้าขา โปรดเมตตาเปี่ยมปรานี
ชาติหน้าหากถ้ามี ขอชีวาผาสุกนิรันดร์
...........................(10. ซุปเปอร์)....................................
11.พรนิภา
.................ชีวิตผาสุก(11. พรนิภา-ส่งครั้งที่1)...................
๏ ครอบครัวจะสุขสันต์ หากยึดมั่นในหน้าที่
รู้ผิดชอบชั่วดี รู้หน้าที่มีวินัย
๏ เข้าใจกันและกัน ทุกชีวินจะสดใส
ความรักความเข้าใจ จะป้องภัยที่รุกราน
๏ ใช้ชีพอย่างพอเพียง เลี่ยงอบายจะสุขศานต์
สุจริตในการงาน จิตเบิกบานเป็นอาจินต์
๏ ความทุกข์จะผ่านพ้น ไม่ขัดสนในทรัพย์สิน
อดออมเพื่อชีวิน เพื่อฝั่งฝันอันยาวไกล
๏ รู้รักสามัคคี ประเทศนี้จะยิ่งใหญ่
ผู้คนมีน้ำใจ เพราะสังคมมีคนดี
๏ ด้วยรักที่ทีให้ ด้วยน้ำใจเราน้องพี่
เกื้อหนุนแผ่นดินนี้ พบความสุขนิจนิรันดร์
...........................(11.พรนิภา)....................................
12.พรนิภา
................ชีวิตผาสุก(12.พรนิภา-ส่งครั้งที่2).......
๏ ครอบครัวจะสุขสันต์ หากยึดมั่นในหน้าที่
รู้ผิดชอบชั่วดี รู้หน้าที่มีวินัย
๏ เข้าใจกันและกัน ทุกชีวันจะสดใส
ความรักความเข้าใจ จะป้องภัยที่รุกราน
๏ ใช้ชีพอย่างพอเพียง เลี่ยงอบายเกษมศานต์
สุจริตในการงาน จิตเบิกบานเป็นอาจินต์
๏ ความทุกข์จะผ่านพ้น ไม่ขัดสนในทรัพย์สิน
อดออมเพื่อชีวิน เพื่อฝั่งฝันอันยาวไกล
๏ รู้รักสามัคคี ประเทศนี้จะยิ่งใหญ่
ผู้คนมีน้ำใจ เพราะสังคมมีคนดี
๏ ด้วยรักที่มอบให้ ทั้งหัวใจเราน้องพี่
เกื้อหนุนแผ่นดินนี้ พบความสุขนิจนิรันดร์
...........................(12.พรนิภา)....................................
13.บุณรอด
.........ชีวิตผาสุก(13.บุณรอด).............
๏ ชีวิตที่เวียนวน ล้วนบางคนอาจครื้นเครง
บางครั้งก็วังเวง และว้าเหว่ในอารมณ์
๏ วิถีแห่งชีวิต หากก้าวผิดอาจขื่นขม
ทางใดใฝ่นิยม ยิ่งต้องย้ำการทำดี
๏ ชีวิตที่พอเพียง กระแสเสียงแห่งราศี
ดำรัสพระภูมี พระมุ่งสุดดับทุกไทย
๏ ดำเนินทางสายกลาง คืนหนทางสว่างใส
ตัดโลภออกจากใจ คือตัดภัยมิพันพัว
๏ ชีวิตที่เรืองรอง ย่อมผุดผ่องมิหมองมัว
มีธรรมกำบังตัว เป็นเกาะแก้วแคล้วอันตราย
๏ ชีวิตย่อมผาสุก เพราะสิ้นทุกข์ถึงที่หมาย
สะอาดทั้งใจกาย สบายจิตนิจนิรันดร์
......................(13.บุณรอด)....................................
14.กาญจนา
.......................ชีวิตผาสุก(14.กาญจนา).........................
๏ ชีวิตจะผาสุก ไร้ความทุกข์มีสุขสันต์
เริ่มจากตัวเราพลัน รู้ขยันมีความเพียร
๏ ตั้งใจหมั่นศึกษา ในวิชาที่ร่ำเรียน
ถึงอาจารย์ตีเฆี่ยน ท่านติเตียนให้จดจำ
๏ ฟังคำพ่อแม่สอน ทุกบทตอนท่านแนะนำ
สิ่งไหนควรกระทำ จำทุกคำปฎิบัติ
๏ ทุกวันทำความดี โดยการมีความซื่อสัตย์
วันพระไปที่วัด ช่วยบำบัดด้านจิตใจ
๏ ยามเลิกเรียนกลับบ้าน มิเกียจคร้านหน้าที่ใด
กวาดบ้านถูบ้านไว้ แม่ภูมิใจยิ้มชื่นชม
๏ กิริยาด้านต่างต่าง วาจาสร้างคำเหมาะสม
มารยาทในสังคม คำอบรมยึดถือมา
๏ ลดโลภ โกรธ และหลง ควรซื่อตรงมีเมตตา
เผยแผ่ศาสนา ไม่อาฆาตหรือคิดร้าย
๏ รู้จักชั่วหรือผิด มีชีวิตที่เรียบง่าย
เพราะว่าชนหญิงชาย ทุกร่างกายวายชีวี
๏ อนาคตยาวไกล ศรัทธาในการทำดี
เริ่มต้นในวันนี้ คือให้ชีวิตรุ่งเรือง
...........................(14. กาญจนา)....................................
15.เกษมณี
.......................ชีวิตผาสุก(15. เกษมณี)...................
๏ ชีวิตแสนผาสุก ห่างความทุกข์มาลำบาก
ทุกวันไม่เหนื่อยยาก แต่สบายทั้งกายใจ
๏ คุณค่าของชีวิต คือความคิดต้องกว้างไกล
จะทุกข์สุขอย่างไร ถ้าคิดได้ก็เพียงพอ
๏ ยิ้มแย้มจิตแจ่มใส เป็นสุขใจไม่ร้องขอ
ทำดีอย่ารีรอ รู้ผิดชอบและชั่วดี
๏ รู้หน้าที่ของตน เกิดเป็นคนต้องมี
ขวนขวายทำสิ่งนี้ จะอยู่ดีสุขทุกวัน
๏ ทำตนเป็นประโยชน์ ไม่มีโทษเดือดร้อนกัน
คิดทำอย่างสร้างสรรค์ คอยช่วยเหลือคนทั่วไป
๏ พูดถ้อยคำไพเราะ ฟังเสนาะประทับใจ
ผู้คนจะรักใคร่ ในหัวใจสุขเหลือล้น
๏ ทำบุญปล่อยนกปลา จะนำพาเกิดกุศล
ผลบุญมากเหลือล้น ทำเหมาะสมสิ่งดีงาม
๏ นี่คือความผาสุก ห่างไกลทุกข์ทุกโมงยาม
สุขมีอย่างล้นหลาม ต้องพยายามหาจนพบ
๏ มีธรรมประจำจิต สิ่งเป็นพิษควรเลี่ยงหลบ
คบเพื่อนที่ควรคบ รู้ผิดชอบผาสุกเอย
...........................(15.เกษมณี)....................................
16.อรนันต์
...............ชีวิตผาสุก(16. อรนันต์)..................
๏ ชีวิตจะผาสุก หากความทุกข์เราไม่มี
ตัวเราจะสุขศรี เป็นคนที่ดูสดใส
๏ เราอยู่อย่างพอเพียง เรื่องชื่อเสียงไม่อวดใคร
เริ่มต้นชีวิตใหม่ ก็สุขใจสิ่งที่มี
๏ เริ่มจากทำตัวเรา ให้หมดเศร้าพบสิ่งดี
ด้วยการมีไมตรี มิกดขี่ข่มเหงกัน
๏ ช่วยเหลือผู้ยากไร้ คือน้ำใจที่คงมั่น
ไม่คิดเรื่องชนชั้น ความผูกพันนั้นตามมา
๏ พูดคำที่ไพเราะ ฟังเสนาะสุขหรรษา
ทำตนให้เริงร่า เติมชีวาให้สุขใจ
๏ เป็นคนมีเมตตา พูดจ๊ะจ๋ากับผู้ใหญ่
ชีวิตก็สดใส ความทุกข์ใดไม่ตามมา
๏ ไม่ก่อเหตุให้ทุกข์ ทำให้เราสุขอุรา
ดีทั้งกายวาจา กริยาน่าชื่นชม
๏ กินอยู่แบบเรียบง่าย จะสบายในอารมณ์
สุขใจไม่ระทม น่าชื่นชมผาสุกจริง
...........................(16. อรนันต์)....................................
17.สุดารัตน์
...................ชีวิตผาสุก(17.สุดารัตน์)....................
๏ การอยู่อย่างเข้าใจ ร่วมมือได้ใช้เสริมสร้าง
ให้เป็นเช่นแนวทาง ห่างจากทุกข์สุขเพิ่มพูน
๏ เร่งเรียนเพียรศึกษา หมั่นไขว่คว้าสุขสมบูรณ์
จะได้ใช่ค้ำคูณ ให้สุขล้นคนก้าวไกล
๏ สังคมที่วุ่นวาย จะสูญหายด้วยจิตใจ
อย่าโกงเร่งแก้ไข ให้ประเทศสิ้นทุกข์พลัน
๏ ตนเองหัดเกรงใจ ให้รู้ไว้ใช้สำคัญ
เพื่อนพ้องต้องรักกัน ผูกสัมพันธ์ปันความดี
๏ กตัญญูต่อพ่อแม่ คอยดูแลไม่หน่ายหนี
ครอบครัวของเรานี้ มีสุขแท้ถ้าสุขใจ
๏ สังคมคุ่คนดี ทุกชีวีจักสดใส
ความสุขสู่คนไทย ให้ชีวิตจิตผาสุก
...........................(17 สุดารัตน์)....................................
18.จีราภรณ์
...............ชีวิตผาสุก(18.จีราภรณ์).................
๏ ชีวิตที่ผาสุก จะมีทุกข์สุขหรือต่าง
อุปสรรคมีทุกทาง อยู่ที่เราพร้อมฝ่าฝัน
๏ ปัญหามีทางแก้ จะจริงแท้มักแปรผัน
ความไม่ไกลนั้น อยู่ที่เราจะฝ่าฟัน
๏ ความรักอยู่คู่กัน ชีวิตนั้นจะสุขสันต์
ความสุขอยู่นิรันดร์ เธอกับฉันเบิกบานใจ
๏ ปัญญาคู่ความคิด จึงเป็นทิศทางสว่างให้
หากมีคู่ตัวไว้ เมื่อป่วยไข้จะสุขพลัน
๏ น้ำใจอีกสำคัญ พึงแบงปันให้แก่กัน
สังคมจะสุขสันต์ ถ้าเรานั้นมีไมตรี
๏ เอื้อเฟื้อด้วยความดี จะเปรมปรีด์ทุกชีวี
ทุกคนทำเช่นนี้ สุนทรีมีสุขจริง
...........................(18.จีราภรณ์)....................................
19.นัฐสิมา
.................ชีวิตผาสุก(19.นัฐสิมา).................
๏ ความสุขนั้นเกิดได้ มีมากมายแค่มองเห็น
มีจิตช่วยบำเพ็ญ ถึงไม่เห็นก็สุขใจ
๏ อากาศบริสุทธิ์ ช่างเป็นสุขที่ยิ่งใหญ่
ชุมชนมีน้ำใจ ช่วยกันได้ช่วยกันไป
๏ เมตตาคือการให้ มีให้ใจต้องหม่นหมอง
พอเพียงที่พ่อสอน ให้กินนอนอย่างเพียงพอ
๏ เงินไม่พอไม่ต้องขอ รู้จักพอเงินของพ่อ
มีรักช่วยถักทอ ช่วยกันต่อให้ยืนนาน
๏ ความสุขอยู่ข้างหน้า ไม่ต้องหาก็มีได้
มีสุขเก็บเอาไว้ อย่าให้มันต้องสูญไป
๏ ชีวิตผาสุขได้ เมื่อใจเรามีแต่ให้
ความสุขอยู่ไม่ไกล อยู่ใกล้ใกล้รอบตัวเรา
...........................(19.นัฐสิมา)....................................
20.อินทุอร
...............ชีวิตผาสุก(20.อินทุอร).....................
๏ ผาสุกคืออะไร คือจิตใจไม่ฟุ้งซ่าน
ทุกวันทำการงาน หาเงินมาเลี้ยงครอบครัว
๏ ผาสุกคืออะไร คือจิตใจไม่คิดชั่ว
ควรทำดีใส่ตัว เว้นความชั่วละออกไป
๏ ผาสุกคืออะไร คือจิตใจคิดทำดี
ตัวอย่างเรานั้นมี คนทำดีมีถมเถ
๏ ผาสุกคืออะไร คือจิตใจไม่โลเล
ไม่ทำตัวแสร้งเส คนเขาเห็นเป็นนินทา
๏ ผาสุกคืออะไร คือจิตใจไม่โลเล
ควรนำแบบอย่างมา พัฒนาตนต่อไป
๏ ผาสุกคือสิ่งดี เราควรมีจดจำไว้
ควรทำควรใส่ใจ จารึกไว้ในกมล
...........................(20.อินทุอร)....................................
21.จิดาภา
..............ชีวิตผาสุก(21. จิดาภา)......................
๏ ชีวิตที่ผาสุก คือไม่ทุกข์สุขสำราญ
หากเราใขเบิกบาน จะพบพานแต่สิ่งดี
๏ ชีวิตที่สุขสันต์ คือรัดกันสามัคคี
ร่วมมือหมั่นทำดี สุดเปรมปรีดิ์ที่มีมิตร
๏ ชีวิตที่สดใส คือห่างไกลยาเสพติด
ของเมาที่มีพิษ ไม่มีสิทธิ์จะทำลาย
๏ ชีวิตที่แสนสุข เที่ยวสนุกที่หาดทราย
พักผ่อนให้ผ่อนคลาย แสนสบายใจเหลือเกิน
๏ ชีวิตที่ประหยัด มัธยัสถ์เก็บออมเงิน
สักวันจะเจริญ คนสรรเสริญมีหน้าตา
๏ ชีวิตเป็นของเรา ไม่ควรเศร้าฤทัยหนา
ทำตามที่กล่าวมา ชีวิตหรรษาผาสุกจริง
...........................(21.จิดาภา)....................................
22.ปวิชญา
.................ชีวิตผาสุก(22.ปวิชญา)...................
๏ ร่ำรวยหรือว่าจน ที่สุขล้นกว่ากัน
ศักดิ์ศรีที่แข่งขัน ใช่หรือนั่นที่ผาสุก
๏ ส่วนที่รักที่หวานหอม ที่หว่านล้อมนันเป็นทุกข์
สิ่งใดที่ผาสุก ระทมทุกข์เฉกเช่นกัน
๏ อันจะเป็นสิ่งใด แค่พอใจก็สุขสันต์
ขึ้นอยู่กับตัวฉัน เพราะสิ่งนั้นฉันเลือกทำ
๏ ฝึกฝนสมาธิ สดทิฐิไม่เป็นกรรม
ชีวิตที่เลิศล้ำ พึ่งพระธรรมนำชีวี
๏ สุขอื่นเหนือสิ่งใด สุขทางใจนั่นแหละดี
ความสุขที่เปรมปรีย์ แสนสุขขีชีวีฉัน
๏ ชีวิตและจิตใจ สงบได้ไม่แปรผัน
พอใจในสิ่งนั้น ที่เรียกกันวัน “ผาสุก”
...........................(22.ปวิชญา)....................................
23.วิภาวรรณ
................ชีวิตผาสุก(23.วิภาวรรณ)...................
๏ ชีวิตที่ผาสุก เป็นตัวปลุกความสบาย
สุขใจและสุขกาย สร้างสังคมที่สมบูรณ์
๏ พอใจในที่มี พอเพียงนี้ต้องเกื้อกูล
ความสุขจะเพิ่มพูน พาดวงใจให้เจริญ
๏ ความดีมีให้ทำ ต้องน้อมนำคนสรรเสริญ
คุณธรรม์นั้นเพลิดเพลิน เพราะสร้างตนเป็นคนดี
๏ ศีลห้าปฏิบัติ ย่อมชี้ชัดแก่ชีวี
นำตนพ้นราคี เพราะธรรมใช้ได้ยินยล
๏ไม่หลงในวัตถุ จึงบรรลุความเป็นคน
ความทุกข์จะหลุดพ้น เพื่อชีวิตที่ก้าวไกล
๏ ผลลัพธ์การทำดี สู่ชีวีที่สดใส
สุขแท้แน่จากใจ สร้างตนให้สุขแท้จริง
...........................(23.วิภาวรรณ)....................................
24.อรรถชัย
....................ชีวิตผาสุก(24.อรรถชัย)......................
๏ ชีวิตที่ก้าวหน้า จะนำพาความสดใส
สุขจริงจากหัวใจ จึงทำให้ใจสุขี
๏ ธรรมะจะนำใจ สร้างสรรค์ให้เป็นคนดี
รู้รักสามัคคี บ้านเมืองนี้จะร่มเย็น
๏ ไม่เล่นการพนัน เพราะสิ่งนั้น ทำทุกข์เข็ญ
ชีวิตใช้ให้เป็น ย่อมเกิดผลได้ยลยิน
๏ พอเพียงเลี้ยงชีพชน สร้างสรรค์คนนั้นไม่สิ้น
พอมีและพอกิน เกื้อประโยชน์ไร้โทษใด
๏ สู่ทางสร้างความสุข นี้คือยุคที่ยิ่งใหญ่
ตัวเราจะก้าวไกล ก็เพราะได้ทำความดี
๏ ชีวิตมีความสุข พ้นจากทุกข์จิตสุขี
ใจเราหมดราคี ทำความดีจิตสุขเอย
...........................(24.อรรถชัย)....................................
25.ธวัชชัย
..................ชีวิตผาสุก(25.ธวัชชัย).....................
๏ ชีวิตที่ยังอยู่ อาจรับรู้ค่าความสุข
วันใดได้เกิดทุกข์ ต้องฮึดสู้ฟันฝ่าไป
๏ ชีวีที่ล้ำเลิศ คุณประเสริฐค่ายิ่งใหญ่
ความดีที่สดใส ควรกระทำย้ำชีพตน
๏ วัยเด็กที่เลยผ่าน ชี้วันวานทุกแห่งหน
วัยรุ่นย่อมสับสน ปะปนอยู่ทุกทุกวัน
๏ ผู้ใหญ่ใช้ความคิด ตรองถูกผิดมีสุขสันต์
สูงขึ้นวัยฉกรรจ์ สร้างชีวิตที่มั่นคง
๏ เข้าสู่วัยชรา หมดปัญหาซึ่งประสงค์
ชีวีที่ธำรง รู้คุณค่าฟันฝ่าไป
๏ ความสุขของชีวิต ผ่านวิกฤตที่ยิ่งใหญ่
คุณงามความสดใส อยู่ที่ใจไตร่ตรองทำ...!
...........................(25.ธวัชชัย)....................................
26.พัชราภรณ์
................ชีวิตผาสุก(26.พัชราภรณ์)........................
๏ ชีวิต...ที่มีสุข จึงไร้ทุกข์มากีดกั้น
ทำดีให้ชีวัน จึงสุขสันต์ไร้พิษภัย
๏ เพียง...เรานั้นต่อสู้ มิอดสูเพราะตั้งใจ
แม้ล้มวันนี้ไป เริ่มต้นใหม่ใครชื่นชม
๏ พอ...แล้วจึงเพียงพอ ไม่ต้องขอให้ชื่นชม
ชีวิตไร้ทุกข์ตรม เพราะพอเพียงเลี้ยงใจเรา
๏ จึง...ต้องปฏิบัติ ให้เคร่งครัดมิอับเฉา
ปรัชญาช่วยแบ่งเบา ให้สุขล้นปนความดี
๏ พอ...รู้ว่าตนผิด จึงควรคิดได้สุขี
ให้ธรรมนำชีวี คือสิ่งที่มีจรรยา
๏ เพียง...เราไม่ฟุ่มเฟือย ยอมแม้เหนื่อยย่อมมีค่า
ชีวิตมีปรัชญา จึงผาสุกทุกทุกวัน
...........................(26.พัชราภรณ์)....................................
27.ศิริโสภา
..........................ชีวิตผาสุก(27.ศิริโสภา)....................
๏ ชีวิตที่มีค่า มีจรรยาพาสุขี
คิดสร้างแต่ความดี ทุกชีวีจึงสุขใจ
๏ มิควรหลงเมามัว คิดทำชั่วมิสดใส
ทำดีสิ้นพิษภัย จึงพบชัยอันสวยงาม
๏ คิดดีพาสุขสม มิล่มจมทั่วสยาม
ไร้ทุกข์ทั่วเขตคาม มิเลวทรามน่ายลยิน
๏ ธรรมะส่องนำจิต ผ่านวิกฤตจนหมดสิ้น
ทุกข์สุขคู่ชีวิน เป็นอาจิณอยู่ทุกวัน
๏ วันนี้มีน้ำตา แต่วันหน้ต้องถึงฝัน
ความดีที่สร้างนั้น พาสุขสันต์มีคนคบ
๏ ชีวิตผ่านร้อนหนาว ทุกครั้งคราวไร้จุดจบ
ดีร้ายต้องสู้รบ จึงค้นพบสุขแท้จริง
...........................(27.ศิริโสภา)....................................
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
28.พัชรินทร์
..........................ชีวิตผาสุก(28.พัชรินทร์)...................
๏ ชีวิต...ที่สุขสันต์ คือแบ่งปันจิตแจ่มใส
ทำดีอยู่ร่ำไป เพื่อจะได้สุขชีวา
๏ ชีวิตที่...ดีงาม คือทุกยามต้องมีค่า
ทำตัวมีจรรยา มิพึ่งพาแต่ผู้คน
๏ ชีวิตที่...สุขใจ มิมีภัยทุกแห่งหน
มองเห็นเงาของตน จะรวยจนมิกลัวเกรง
๏ ชีวิตที่...แกร่งกล้า มิได้มาจากข่มเหง
ทำตัวเป็นกันเอง ร่วมกันช่วยผู้อ่อนแอ
๏ ชีวิตที่...ผาสุก แต่ละยุคมิย่ำแย่
ช่วยกันร่วมแยแส เฝ้าดูแลกันและกัน
...........................(28. พัชรินทร์)....................................
29.ณิภารัตน์
...................ชีวิตผาสุก(29. ณิภารัตน์-ส่งครั้งที่ 2)........
กลิ่นข้าวหอมโรยริน ดั่งเสียงพิณเปล่งสำเนียง
ข้าวปลามาเทียบเรียง พร้อมลูกเนียงเคียงสะตอ
ทานเสร็จดูละคร แล้วก็นอนหนุนตักพ่อ
แม่กล่อมไม่รีรอ ข้านี้หนอมีสุขจริง
ตื่นเช้าเข้าโรงเรียน นั่งอ่านเขียนไม่ประวิง
ความรู้นั้นเป็นสิ่ง แผ่ก้านกิ่งยิ่งแตกฉาน
เรียนเสร็จนั่งพักผ่อน อย่ารีบร้อนเร่งกลับบ้าน
หายเหนื่อยกลับวิมาน คือสถานพักผ่อนใจ
เปลี่ยนชุดเล่นกีฬา เพิ่มความฮาความรักใคร ่
เพิ่มรักถักสายใย พร้อมการให้ใจเบิกบาน
เล่นเสร็จเปิดตำรา ให้สายตาได้ฝึกอ่าน
ชีวาข้าสำราญ แสนชื่นบานผาสุกจริง
...........................(29. ณิภารัตน์)....................................