ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป (โคลงสี่สุภาพ) : หัวข้อ “ทึ่ง”
(รวม 74 ชิ้น)
1. ประสงค์
ทึ่งพระปรีชาไท้ มากพ้นรำพัน (1.ประสงค์)
๏ ยามเด็กตัวเล็กไร้ เดียงสา
พ่อแม่ผู้ใหญ่พา จากบ้าน
ท่องเที่ยวทึ่งนักหนา เมืองใหญ่
ตระหนกอกสะท้าน ตื่นเต้นแปลกใจ
๏ เจริญวัยอายุเข้า สิบปี
สิ่งแปลกประหลาดมี มากแท้
ตะลึงทึ่งเต็มที เห็นเครื่อง บินนา
ลำใหญ่เหาะได้แม้ ฟากฟ้าบินถึง
๏ วันหนึ่งเรียนจบแล้ว ทำงาน
ปฏิบัติตามปณิธาน ตั้งไว้
ตามรอยบาทบทมาลย์ ทรงเริ่ม ไว้นา
ทึ่งพระปรีชาไท้ มากพ้นรำพัน
๏ ถิ่นกันดารขาดน้ำ ห่างไกล
ทรงเสด็จดั้นด้นไป เพื่อสร้าง
เขื่อนชลประทานใน ดงป่า
อ่างเก็บน้ำใหญ่กว้าง หมดสิ้นปัญหา
๏ คราใดน้ำท่วมท้น แผ่นดิน
ทวยราษฎร์น้ำตาริน เดือดร้อน
ที่อยู่ที่ทำกิน ท่วมหมด
ให้ขุดทางน้ำย้อน เก็บไว้แก้มลิง
๏ การเกษตรสิ่งซึ่งไร้ ผลิตผล
ทรงวิเคราะห์เหตุจน ล่วงรู้
ปลูกหญ้าแฝกกันฝน กัดเซาะ
ทรงคิดแกล้งดินสู้ เพื่อให้ดินดี
๏ เมื่อมีภัยจากแล้ง กันดาร
น้ำเหือดแห้งแหล่งธาร ทั่วพื้น
ทรงโปรดพระราชทาน ฝนหลั่ง
ก่อเมฆจากความชื้น เพื่อสร้างฝนเทียม
๏ ทรงเตรียมการคิดแก้ ปัญหา
ขาดแหล่งพลังงานพา ยากไร้
พลังงานจากพืชมา แทนทด
ทรงผลิตทดลองใช้ เนิ่นช้านานปี
๏ ดนตรีไพเราะแม้น ต้องมนต์
เพลงพระราชนิพนธ์ เพริศแพร้ว
วรรณกรรมเพื่อปวงชน ทรงแต่ง
เป็นหนึ่งนักปราชญ์แก้ว ยากแท้ใครทัน
๏ อันพระราชกิจนั้น มากมาย
น่าทึ่งเกินบรรยาย ที่นี้
ทั่วโลกต่างน้อมถวาย พระเกียรติ
ยกย่องที่ทรงชี้ โลกรู้พอเพียง
..................................... (1.ประสงค์)......................................
2. วิราวรรณ
ทอรักถักรุ้ง (2. วิราวรรณ)
๏ ปลูกต้นรักรดน้ำ พรวนดิน
ปลูกรักฝากถวิล เวี่ยไว้
ปลูกมิตรมิ่งมิตรยิน- ดีเถิด แม่เอย
ปลูกจิตฝากจิตให้ นุชเนื้อนวลถนอม
๏ รักหลอมล้อมรักด้วย ความดี
รักยิ่งมิ่งภูมี กษัตริย์แก้ว
รักพ่อแม่เป็นศรี สุขสวัสดิ์
รักศาสน์ศรัทธาแผ้ว- ผ่องพร้อมเพ็ญกุศล
๏ ทอรักดลรักเกื้อ- กูลกัน
ทอซึ่งบุพเพสัน- นิวาสสร้าง
ทอแสงแห่งสัมพันธ์ พูนเพิ่ม
ทอรักฝากรักอ้าง เอ่ยเอื้อครองขวัญ
๏ รักสรรค์พิสุทธิ์เรื้อง ราวมณี
รักพิสุทธิ์แจ่มศรี สถิตค้ำ
รักพิสุทธิ์เสริมชี- วิตชื่น
รักพิสุทธิ์สุขล้ำ โลกรู้ตรูใจ
๏ ถักใยไหมแจ่มรุ้ง เรืองนภา
ถักจิตแจ่มหรรษา สุขพร้อม
ถักใจแจ่มจรรยา งามยิ่ง
ถักชีพแจ่มชีพล้อม รักพริ้งพราวพราย
๏ รุ้งรายริมขอบฟ้า ฝากนาม
รุ้งเลิศริ้วรุ้งงาม อะเคื้อ
รุ้งเลื่อมประภัสร์ยาม ยลเยี่ยม
รุ้งรักถักรุ้งเอื้อ อะคร้าวพราวสวรรค์
..................................... (2. วิราวรรณ)......................................
3. (ณ เณร)
ทึ่ง (3. ณ เณร)
สรรพทานัง ธรรมะทานัง ชินาติ ๏ ธรรมจักรเริ่มเคลื่อนครั้ง พุทธกาล
โลกทึ่งทรงทิพย์ญาณ แจ่มจ้า
พุทธพจน์เพิ่มพิศาล ธรรมถ่อง แท้นอ
พุทธศาสน์พิศุทธิ์หล้า ทั่วทั้งไผทสวรรค์
การให้ธรรมมะเป็นทาน ชนะการทั้งปวง ๏ เชื่อมั่นเตือนสติได้ เจริญธรรม
ละเลี่ยงบาปเวรกรรม สิ่งร้าย
กรรมดีประพฤตินำ บ่มชีพ ไว้นา
พ่อแม่สอนลูกคล้าย บ่งชี้ทางเจริญ
เตือนสติ ใฝ่ธรรม สุขล้ำจิตใจ ๏ ผู้เดินหลงผิดแล้ว กลับตน
กรรมชั่วคงส่งผล อยู่บ้าง
กรรมดีเพิ่มมงคล ชีวิต เสมอเฮย
ดีชั่วกรรมก่อนสร้าง สติต้องตรองผล
พอเพียงเลี่ยงกิเลส ๏ บางคนกิเลสร้าย โลภสยอง
ลวงชาติชนทั้งผอง ยากไร้
ผู้รู้ทึ่งมิครอง สติข่ม
รู้จัก “พอเพียง”ได้ รอดพ้นบ่วงกรรม
เผาเมืองรุ่มร้อน สะท้อนใจมาร ๏ ธรรมมะเพียงหลอกไว้ ลวงตา
“ทำม๊อบ” วิกฤติพา ป่นปี้
อาวุธระเบิดมา ป่วนชาติ
ไฟจุดเผาบ่งชี้ รุ่มร้อนจิตมาร
ขายชาติ ขายแผ่นดิน สูญสิ้นกตัญญู ๏ คมขวานใกล้แหว่งแล้ว ใจสลาย
คนโฉดชั่วมุ่งขาย หมดสิ้น
ทึ่งความกตัญญูตาย จากจิต
เงินหว่านเล่ห์ลวงลิ้น ร่วมต้านภัยอสูร
มิ่งขวัญไผทไทย ป้องภัยมารเมือง ๏ พอกพูนกิเลสแล้ว ลืมตน
ไทยเทิดมิ่งมงคล กษัตริย์เจ้า
พวกวิปริตสับสน ลบหลู่
หลงอัตตายั่วเย้า ทึ่งแท้ “มารเมือง”
เปิดหู ตาพา ชาติพ้นภัย ๏ “ท่อน้ำ” เปลืองหล่อเลี้ยง บริวาร
ปลุกปั่นเพื่อก่อการ ชั่วร้าย
วอนไทยทั่วถิ่นฐาน สงบเหตุ
ยึดติดมิหยุดคล้าย บอดใบ้ในสมอง
บริสุทธิ์ดั่งบัวบาน สืบสานสิ่งดี ๏ แดดส่องโกมุทเช้า งดงาม
ดอกที่โผล่พ้นตาม ใช่น้อย
บัวสี่เหล่าชี้ความ แตกต่าง
พึงบ่มจิตร่วมร้อย แต่งแต้มเติมศรี
ทึ่งใดให้เลือกเฟ้น มุ่งเน้นความดี ๏ ทึ่งสิ่งดีกราบไหว้ สรรเสริญ
ทึ่งสิ่งชั่วจงเห็นเหิน ห่างไว้
พิเคราะห์เพื่อมุ่งเดิน ทางถูก ต้องเทอญ
ครองสติจักมิไร้ จิตสร้างทางเกษม
..................................... (3. ณ เณร)......................................
4. (เวลา)
ทอรักถักรุ้ง (4. เวลา)
๏ ทอรักร้อยถักรุ้ง เป็นสาย
เพียงแค่เว้นวางวาย สิ่งเศร้า
ยามใดที่ร้อนกาย ควรคิด
ควรดับในสิ่งเร้า จิตนี้ด้วยธรรม
๏ ธรรมใดเรียงถักร้อย งามงด
แน่วแน่ช่างสวยสด คู่ไว้
ลบล้างดับไฟหมด ความชั่ว
คงคู่ดวงจิตให้ แน่แท้งามจริง
๏ ทอรักรักถักร้อย คมคำ
เพียงพูดให้คมขำ ห่างร้าย
คำใดที่เกิดนำ ความโกรธ
จงลบให้หมดหาย แค่นี้ดีจริง
๏ ทอรักถักคิดกล้า ความดี
อย่าคิดแล้วรอรี รีบไว้
งานนั้นจักคงมี ขึ้นแน่
เมื่อคิดสิ่งใดได้ เร่งจำทำพลัน
๏ ทอรักรักถักสาย เมตตา
คงเกิดความกรุณา อุ่นหล้า
ปราณีที่ตามมา เกิดรัก
เป็นสิ่งดับความล้า อ่อนแรงหมดไป
๏ ทอรักด้วยรักนี้ มีคุณ
หนแห่งใดใจอุ่น รักแท้
มอบรักรักหอมกรุ่น ในจิต
ความรักนั้นเกิดแหน้ แค่นี้โลกงาม
..................................... (4. เวลา)......................................
5. (ธีรัตนชาติ)
ประเทศไทยมีอะไรให้ “ทึ่ง” (5. ธีรัตนชาติ)
ประเทศไทยมีอะไรให้ทึ่งมากมาย แต่ผู้แต่งขอหยิบยกบางเรื่องราวที่ผู้แต่งรู้สึกทึ่ง และอยากให้นำเสนอ ออกมาเป็นบทกวี “ไทย ทึ่ง ไทย”
๏ ปัญญาหนึ่งทึ่งแท้ ตั้งแต่ กรุงศรี
นั่งทับ จับเส้นแน่ แซ่ซ้อง
รูปสลักเก่าแก่ รอยร่อง จารึก
ศิลปกรรมล้ำ วัฒนธรรมเลอค่า
๏ ชาวโลกต่างทึ่งแท้ ทั่วหล้า
ลายลักษณ์อักษรา ย่างก้าว
มรดกเด่นสง่า ท่วงท่า นวดเน้น
กดจุดหัวจรดเท้า สุขสราญวัดโพธิ์
๏ ทึ่งโบราณสถาน ปราสาท โลหะ
องค์กษัตริย์จอมปราชญ์ ก่อเกื้อ
ยอดบรรจุพระธาตุ สวรรค์ ชั้นเจ็ด
นับว่าเป็นหน่อเนื้อ นาบุญแท้เฮย
๏ เทิดคุณ พระนั่งเกล้า เจ้าอยู่ หัวไทย
ช่างประดิษฐ์เรียนรู้ สรรค์สร้าง
รูปแบบลังกาชู สามสิบ ยอดฟ้า
หนึ่งเดียวบ่อแรมร้าง กึกก้องโลกา
๏ ทึ่งผองเหล่าประชา หลากสี
รุกไล่ ปฐพี เร่าร้อน
แดง เขียว เหลือง ขาว มี หลายหมู่ กลุ่มชน
โปรดคิดทบทวนย้อน ศักดิ์ศรีชาติเชื้อ
๏ ทำดีเพื่อพ่อหลวง เทิดไท้ ราชัน
สยามยังยิ้มได้ แน่แท้
น้ำอย่าเอารดไฟ ให้มอด ไหม้เลย
สมานฉันท์อภัย สุขใจสุขจริง
..................................... (5. ธีรัตนชาติ)......................................
6. ภัทราจิตร
“ทึ่ง” (6. ภัทราจิตร)
๏ ปองหวังรินกลั่นถ้อย เจตนา
เวียนวาดอักขรา ร่ายบ้าง
จดจินต์ค่อยคลำพา พจนารถ
มุ่งมั่นงามสล้าง บ่ท้อถอยหนี
๏ นึกนั้นดุจนกน้อย นั่นเชียว
ฝนฝึกบินหวาดเสียว หวาดไส้
ปีกบางอ่อนบางเจียว จำหัด
หาญแค่เพียงเหินใกล้ วิดพื้นหวิดไถล
๏ ลองถูกลองผิดทั้ง พยายาม
ไรเล่าจักครั่นคร้าม คึกสู้
งามโพ้นฟากฟ้างาม เพ็ญภาพ
ฉวัดเฉี่ยวเฉวียนรู้ แลกด้วยประสบการณ์
๏ อินทรีผงาดแม้น มั่นคง
ฉีกปีกสามารถทรง สง่านี้
ไปข้ามเขตแดนดง ป่าดิบ
เกินหมื่นพันพันลี้ เรียกร้องร่ำถวิล
๏ ฝันหวานวิหคเร้า รำพึง
บินจรดฟ้าถึง ฝั่งฟ้า
ปีกแข็งขยับจึง พอปีก
เริ่มแกร่งก็ก้าวกล้า ก่อเกื้อกูลผล
๏ โตเต็มขยับต้อง ตั้งตน
ทรหดอีกอดทน อึดไว้
ไม่ยอมหยุดจำนน อุปสรรค
ข้างฝั่งทะเลได้ ทึ่งซึ้งหรรษา
๏ เหินลมบนติดแล้ว ลักขณา
ท่องเที่ยวทะยานท้า โลกกว้าง
ลอยหนล่องถลา ไม่ถลอก
จากจิตแสวงสร้าง ใช่ด้วยพรสวรรค์
..................................... (6. ภัทราจิตร)......................................
(7. ภัทราจิตร แก้ไขครั้งที่ 1)
“ทึ่ง” (7. ภัทราจิตร แก้ไขครั้งที่ 1)
๏ ปองหวังรินกลั่นถ้อย เจตนา
เวียนวาดอักขรา ร่ายบ้าง
จดจินต์ค่อยคลำพา พจนารถ
มุ่งมั่นงามสล้าง บ่ท้อถอยหนี
๏ นึกนั้นดุจนกน้อย นั่นเชียว
ฝนฝึกบินหวาดเสียว หวาดไส้
ปีกบางอ่อนบางเจียว จำหัด
หาญแค่เพียงเหินใกล้ วิดพื้นหวิดไถล
๏ ลองถูกลองผิดทั้ง พยายาม
ไรเล่าจักครั่นคร้าม คึกสู้
งามโพ้นฟากฟ้างาม เพ็ญภาพ
ฉวัดเฉี่ยวเฉวียนรู้ แลกด้วยประสบการณ์
๏ อินทรีผงาดแม้น มั่นคง
ฉีกปีกสามารถทรง สง่านี้
ไปข้ามเขตแดนดง ป่าดิบ
เกินหมื่นพันพันลี้ เรียกร้องร่ำถวิล
๏ ฝันหวานวิหคเร้า รำพึง
บินจรดฟ้าถึง ฝั่งฟ้า
ปีกแข็งขยับจึง พอปีก
เริ่มแกร่งก็ก้าวกล้า ก่อเกื้อกูลผล
๏ โตเต็มขยับต้อง ตั้งตน
ทรหดอีกอดทน อึดไว้
ไม่ยอมหยุดจำนน อุปสรรค
ข้ามฝั่งทะเลได้ ทึ่งซึ้งหรรษา
๏ เหินลมบนติดแล้ว ลักขณา
ท่องเที่ยวทะยานท้า โลกกว้าง
ลอยหนล่องถลา ไม่ถลอก
จากจิตแสวงสร้าง ใช่ด้วยพรสวรรค์
..................................... (7. ภัทราจิตร แก้ไขครั้งที่ 1)......................................
8. ภัทราจิตร แก้ไขครั้งที่ 2
“ทึ่ง” (8. ภัทราจิตร แก้ไขครั้งที่ 2)
๏ ปองหวังรินกลั่นถ้อย เจตนา
เวียนวาดอักขรา ร่ายบ้าง
จดจินต์ค่อยคลำพา พจนารถ
มุ่งมั่นงามสล้าง บ่ท้อถอยหนี
๏ นึกนั้นดุจนกน้อย นั่นเชียว
ฝนฝึกบินหวาดเสียว หวาดไส้
ปีกบางอ่อนบางเจียว จำหัด
หาญแค่เพียงเหินใกล้ วิดพื้นหวิดไถล
๏ ลองถูกลองผิดทั้ง พยายาม
ไรเล่าจักครั่นคร้าม คึกสู้
งามโพ้นฟากฟ้างาม เพ็ญภาพ
ฉวัดเฉี่ยวเฉวียนรู้ แลกด้วยประสบการณ์
๏ อินทรีผงาดแม้น มั่นคง
ฉีกปีกสามารถทรง สง่านี้
ไปข้ามเขตแดนดง ป่าดิบ
เกินหมื่นพันพันลี้ เรียกร้องร่ำถวิล
๏ ฝันหวานวิหคเร้า รำพึง
บินจรดฟ้าถึง ฝั่งฟ้า
ปีกแข็งขยับจึง พอปีก
เริ่มแกร่งก็ก้าวกล้า ก่อเกื้อกูลผล
๏ โตเต็มขยับต้อง ตั้งตน
ทรหดอีกอดทน อึดไว้
ไม่ยอมหยุดจำนน อุปสรรค
ข้ามฝั่งทะเลได้ ทึ่งซึ้งหรรษา
๏ เหินลมบนติดแล้ว ลักขณา
ท่องเที่ยวทะยานท้า โลกกว้าง
ลอยหนล่องถลา ไม่ถลอก
จากจิตแสวงสร้าง ใช่ด้วยพรสวรรค์
..................................... (8. ภัทราจิตร แก้ไขครั้งที่ 2)......................................
9. (ไวกูณฐ์)
เพียงเสี้ยวผกาแย้ม (9.ไวกูณฐ์)
๏ โหยอำมฤตน้ำ บึงสวรรค์
หวังเสพทิพย์มณีอัน ลึกหล้า
โหยอักขระฉกรรจ์ ปูชิต
หวังเสพเวทกถากล้า ลึกล้ำสถิตกาย
๏ โหมอัคคีคุเชื้อ ปิดควัน
เสกโบกขรพรรษ์ ปิดฟ้า
ดอมปาริชาตสวรรค์ ปิดป่า
ซบธรณีหล้า ปิดพื้นปูพรม
๏ โคลงโลกนิตินี้ คือไฉน
ตติยภูมิกระไร ร่วงจ้าว
สุภาษิตสอนใคร หญิงเอ่ย
เมินเทศน์ห่วงเหน็บร้าว หัตถ์ไหว้กระดิกตีน
๏ ประวัติศาสตร์วาดเส้น ท่านทแยง
ปราชญ์กล่าวปัญญาแจง ท่านหว้า
ศิลปศาสตร์แสดง ท่านฉีก
จารึกบัญญัติหน้า ท่านล้างลมเขียน
๏ หวังอะไรในชีพนี้ วงจร
หวังเสพทินกร โชติฟ้า
หวังหยัดนิรันดร แหล่งโลก
โหม-เสก-ดอม-ซบ ล้า สั่นเนื้อตะแบงตัว
๏ ผาสูงลมโกรกเกรี้ยว ผกาบาน
ล่วงลึกสุดบาดาล สัตว์หว้าย
ทรายแล้งทึ่งรอยคลาน ปรากฏ
สองหัตถ์สองบาทผ้าย จิตแจ้งธรรมเดียว
๏ กะลาอาจครอบซ้อน กะลา
หากสู่พสุธา ช่วงแฉล้ม
อำมฤตแห่งชีวา ท่านเสาะ นั่นฤๅ
เพียงเซี่ยวผกาแย้ม ท่านร้องอัศจรรย์
........................... (9.ไวกูณฐ์)......................................
10. สิทธิเดช
วันแสงเทียนมอดดับ (10. สิทธิเดช)
๏ โรงเรียนคือแหล่งสร้าง ปัญญา
ครูสั่งสอนวิชา ปลูกปั้น
ด้วยใจรักศรัทธา เสริมส่ง
แม้อุปสรรคขวางกั้น มิรู้หวาดกลัว
๏ ตัวครูคือโล่ป้อง ภัยพาล
สอนเด็กให้รักการ- ไขว่คว้า
กล่อมเกลาจิตวิญญาณ ผองศิษย์
ให้งดงามหาญกล้า ต่อสู้ทุรชน
๏ สู้ทนอยู่ทุ่งแล้ง ดอยดง
บ้างอยู่กลางไพรพง ลุ่มน้ำ
บ้างวิตก – พะวง การฆ่าเข่น
หลากทุกข์ภัยกรายกล้ำ มิเลิกล้มอุดมการณ์
๏ ทำงานสอนปลูกปั้น เยาวชน
ให้หยัดกล้าสู้ทน รอบรู้
ร่ำเรียนเร่งฝึกฝน เขียนอ่าน
เป็นนักคิดนักสู้ นักสร้างทางไทย
๏ งามจิตใจพรั่งพร้อม วิทยา
รู้เผื่อแผ่เมตตา โอบเอื้อ
สู้มุ่งมั่นอาสา เสียสละ
สอนสั่งและหนุนเกื้อ ลูกศิษย์ให้เรียนรู้ความ
๏ งดงามพราวเพริศแพร้ว วิจิตรา
ใจรักมั่นศรัทธา ต่อสู้
เป็นเทียนส่องปัญญา ไพจิตร
ทั่วโลกล้วนรับรู้ กราบไหว้บูชา
๏ ใครเล่ากล้าเคียดแค้น ฆ่าครู
ใครเล่าเป็นศัตรู ชั่วช้า
เห็นกงจักรเป็นบัวชู ก้านดอก
เหมือนดับฝันเจิดจ้า มืดทั้งปัถพี
๏ ไม่มีครูคอยแนะชี้ แนวทาง
ทุกย่างก้าวล้วนหลุมพราง บอดบ้า
ความฝันเริ่มเลือนราง มอดดับ
ข้าสุดทึ่งคนชั่วช้า ฆ่าได้กระทั่งครู
..................................... (10. สิทธิเดช)......................................
11. สิทธิเดช แก้ไขครั้งที่ 1
วันแสงเทียนมอดดับ (11. สิทธิเดช แก้ไขครั้งที่ 1)
๏ โรงเรียนคือแหล่งสร้าง ปัญญา
ครูสั่งสอนวิชา ปลูกปั้น
ด้วยใจรักศรัทธา เสริมส่ง
แม้อุปสรรคขวางกั้น มิรู้หวาดกลัว
๏ ตัวครูคือโล่ป้อง ภัยพาล
สอนเด็กให้รักการ- ไขว่คว้า
กล่อมเกลาจิตวิญญาณ ผองศิษย์
ให้งดงามหาญกล้า ต่อสู้ทุรชน
๏ สู้ทนกลางทุ่งแล้ง ดอยดง
สอนอยู่ท่ามไพรพง ลุ่มน้ำ
บ้างวิตก – พะวง การฆ่าเข่น
หลากทุกข์ภัยกรายกล้ำ มิเลิกล้มอุดมการณ์
๏ ทำงานสอนปลูกปั้น เยาวชน
ให้หยัดกล้าสู้ทน รอบรู้
เล่าเรียนเร่งฝึกฝน เขียนอ่าน
เป็นนักคิดนักสู้ นักสร้างทางไทย
๏ งามจิตใจพรั่งพร้อม วิทยา
รู้เผื่อแผ่เมตตา โอบเอื้อ
สู้มุ่งมั่น อาสา เสียสละ
สอนสั่งและหนุนเกื้อ ลูกศิษย์ให้เรียนรู้ความ
๏ งดงามพราวเพริศแพร้ว วิจิตรา
ใจรักมั่นศรัทธา ต่อสู้
เป็นเทียนส่องปัญญา ไพจิตร
ทั่วถิ่นล้วนรับรู้ กราบไหว้บูชา
๏ ใครเล่ากล้ามุ่งร้าย ฆ่าครู
ใครเล่าเป็นศัตรู ชั่วช้า
เห็นกงจักรเป็นบัวชู ก้านดอก
สติปัญญาบอดบ้า มิรู้ค่าความงาม
๏ หนึ่งนามครูมอดม้วย ลับลา
อีกหมื่นครูจักมา กอบกู้
ประกาศเกียรติวิญญาณ์ แจ้งประจักษ์
ให้โลกทึ่งและรับรู้ นักสู้แห่งเมืองไทย
๏ รวมจิตใจเพื่อต่อต้าน ทุรชน
ยึดมั่นสู้ฝึกฝน สิ่งรู้
ทางเดินอาจมืดมน สุ่มเสี่ยง
แต่เพราะรักจึงทนสู้ มุ่งสร้างชีวิตงาม
..................................... (11. สิทธิเดช แก้ไขครั้งที่ 1)......................................
12. (จรดจันทร์)
“ทึ่งภาษา : กวีไทย” (12. จรดจันทร์)
๏ ก่อนลิขิตจิตตั้ง พนมมือ
คุณแห่งครูศิษย์ถือ นอบน้อม
ครูเพียรบ่มฝึกปรือ คุณค่า ภาษาเฮย
ครูกลั่นเกลาเบ้าหลอม เรื่องร้อยถ้อยกวินทร์
๏ ทึ่งปราชญ์วิจิตรสร้าง วรรณศิลป์
คำสื่อศาสตร์ศิลปิน เพราะพริ้ง
กลอนกรองกลั่นถ้อยริน รสดั่ง โอสถนา
กานท์ส่งสารสืบสิ่ง ส่องสร้างภาษาไทย
๏ ทึ่งกวีร่ำร้อย สื่อใจ
ปราชญ์ร่ายวจีใส แช่มช้อย
อารมณ์พร่ำย้ำใน ฤทัยฉ่ำ ชื่นแฮ
ศิลป์ดั่งมาลัยร้อย เด่นถ้อยคำคม
๏ ทึ่งมนต์เสน่ห์เจ้า คารม
ความพร่ำสรรค์สวยสม ออดอ้อน
งามคำกล่อมสังคม เกิดก่อ กวีเฮย
ภาษาช่วยเคลิ้มคล้อย ฉ่ำชื้นจรุงใจ
๏ ทึ่งคำสอนช่วยชี้ สมบัติไทย
ภูมิแห่งภาษิตไข ค่าล้ำ
ปัญญาหล่อหลอมใจ ถอดถ่าย คติแฮ
ไทยเด่นลีลาคำ สื่อซึ้งอักษร
๏ ทึ่งภาษาดั่งผ้า อาภรณ์
บทเอ่ยงามวรรคตอน เด่นคล้อง
กวีเติมเพิ่มสะท้อน เทิดชื่อ ชาติเฮย
ไทยรุ่งโรจน์พจน์พ้อง เปี่ยมปลื้มศักดิ์ศรี
๏ งดสำนวนเข่นล้าง ไมตรี
งดลั่นคำเสียดสี เยาะเย้ย
งดคำหมิ่นย่ำยี ลดค่า กันนา
งดกล่าวคำหยาบเผย- แพร่ให้เด็กฟัง
๏ งามลายสือสื่อถ้อย ร้อยพลัง
งามค่าภาษาสั่ง สิ่งรู้
งามคำปู่ย่าหวัง สืบสู่ หลานเฮย
งามเยี่ยงเพชรรุ้งคู่ เก็จแก้วพจนา
๏ คำชี้แยกแบ่งชั้น เจรจา
คำใคร่ไขกริยา ย่อมฟ้อง
คำควรมุ่งนำพา รักร่วม ใจนา
คำเอ่ยเอื้อพี่น้อง อย่าให้ชังกัน
..................................... (12. จรดจันทร์)......................................
13. (ขอไข่ หัดเขียน)
ทึ่งในหทัยราษฎร์ (13.ขอไข่ หัดเขียน)
๏ แดนใดในแผ่นพื้น ปัถพี
ฤาสุขเท่าสยามมี ก่อนนั้น
แนวเนินป่าพนาสี- ใสสุด
ผลหมากมีมากปั้น แหล่ล้วนอาหาร
๏ เรือนชานดาลสุขแท้ เผดียงไทย
แขกฝรั่งฝังจิตใจ จ่อจ้อง
จีนมอญแขกอาศัย เป็นสุข สบายเฮย
มีแต่ไทยแหละฟ้อง ว่าแค้นขัดสน
๏ ชาวชนประเทศนี้ นานมา
มีแต่องค์กษัตรา ปกป้อง
ยามชาติขาดผลผลา- หารอด
ธ เสด็จสดับฟ้อง ไพร่ฟ้าคืนขวัญ
๏ สรวงสวรรค์สรรเสกสร้าง ของจริง
ผืนป่าภูผาอิง พึ่งได้
ปลาผักก่อไฟผิง เผาย่าง กินเฮย
คืออยู่อย่างไทยไท้ ทึ่งแท้ภูมิธรรม
๏ เกมกรรมนำสื่อร้าย กระพือ
คุดั่งโคกระบือ บอดบ้า
เสียงศัพท์จ่อมือถือ โดนดูด เงินแฮ
คนแก่แลเด็กล้า เสร็จแล้วเป็นศูนย์
๏ เคยกูลเคยก่อเกื้อ กันมา ท่านเอย
พืชผักและปูปลา แต่นั้น
โกยเก็บโก่งเป็นตรา เกินต่อ
เสกสิ่งเป็นสินปั้น ปกไว้เพียงตน
๏ ภูมิพลดลจิตให้ เห็นงาม
เห็นเหตุเขตเกิดความ ยากไร้
ความยากแห่งสยาม ที่เกิด ขึ้นนา
มาแต่คนกักไว้ ก่อสร้างสวรรค์ลวง
๏ ดวงหทัยไทยเบิกฟ้า บันดล แท้นอ
ธ ตรัสใส่กมล แห่งข้า
ปวงไทยใฝ่กุศล ธ ส่ง เสริมแฮ
สุดทึ่งทุกเขตฟ้า ที่พร้อมพอเพียง
..................................... (13. ขอไข่ หัดเขียน)......................................
14. (ปานสายน้ำไหล)
ทึ่ง (14. ปานสายน้ำไหล)
๏ ทึ่ง คืนวันเปลี่ยนสิ้น เลยไป ไม่กลับ
หาใช่จับผลักไส ดั่งสร้าง
ฝืนดึงถ่วงหยุดไหว ใช่ที่ ควรทำ
จงปล่อยเลยมิอ้าง ขู่ห้ามเกินจริง
๏ ทึ่ง เอาอิงสิ่งเร้น เหนือคำ พรรณนา
ผุดพุ่งพาชักนำ เหล่าล้วน
หลงเห็นค่าจดจำ บอกต่อ กันไป
เลยแห่กันกราบไหว้ ก่อสร้างสถิตนาน
๏ ทึ่ง บนบานมิ่งด้วย แพรสี สารพัน
รวมเร่งอันของดี ส่งให้
จุดธูปพร่างควันมี มากท่วม มัวตา
หวังแห่งโดยลาภแท้ ยิ่งตั้งใจจง
๏ ทึ่ง ประสงค์กล่าวอ้าง ขอผล สัมฤทธิ์
ลุแก่สิทธิ์บัดดล ดั่งนั้น
ครบหมดซึ่งครองยล มิใช่ เคยมี
หากไม่ทำเองบ้าง อย่าตั้งหวังไกล
๏ ทึ่ง เป็นไฉนเพ่งด้วย ตาตาม ขูดถู
ศูนย์หนึ่งพรูสองสาม สี่ห้า
หกเจ็ดเล่าขานความ แปดต่อ โดยพลัน
จับเล่นเรียงเห็นเก้า เก่งแท้จำยอม
๏ ทึ่ง เมามอมพร่าเพี้ยน ภัยพนัน มากมี
ผสมแต่งตีพัลวัน ต่างผู้
แลเห็นสุ่มแปลกัน เลยล่วง แรมนาน
รอท่าวันคอยลุ้น ช่วงใกล้กลางปลาย
๏ ทึ่ง เห็นกลายเปลี่ยนกล้วย แทงผิด ที่ออก
เห็นช่อดอกหมากติด ร่างเพี้ยน
เห็นสัตว์พ่วงเขาขวิด เกินกว่า ธรรมดา
รุมร่วมตีความถ้วน วุ่นแท้เลขแทง
๏ ทึ่ง วันแจงสี่เบี้ย หวยออก วงล้อ
ใจจ่อจดหวังรวย แน่เน้น
เตรียมตกแต่งตัวสวย รอช่วง กำชัย
หากแต่ผิดคาดล้วน จ่ายสิ้นอนิจจา
..................................... (14. ปานสายน้ำไหล)......................................
15. (ลูกดาว)
ทึ่งไม้แก่มุ่งกระแสคุณธรรม (15. ลูกดาว)
เกมส์กลผลประโยชน์เป็นโทษต่อบ้านเมือง ๏ “ปรองดอง”กับ”ขัดแย้ง” โยงใย
ทึ่งระเบิดป่วนไทย รุ่มร้อน
“นิรโทษกรรม”ใคร พ้นผิด บ้างเฮย
ผลประโยชน์ทับซ้อน รอดพ้นผิดไฉน
ถูกเชิดพันพัวหมองมัวสกุลวงศ์ ๏ คนไกลเชิดหุ่นพร้อม หลายตัว
ถูกเชิดอาจพันพัว เรื่องร้าย
บ้างหวาดหวั่นเกรงกลัว เสื่อมชื่อ สกุลเฮย
ยิ่งใหญ่ยังยักย้าย ปราศบ้านทรวงผวา
สีปีรวมพลหลุดพ้นอำนาจ ๏ กันยา ที่สิบเก้า ห้าสาม
ครบสี่ปีสยบความ ชั่วไว้
ก่อรัฐประหารปราม ปราบเสี้ยน ไผทแฮ
หยุดส่งเสริมอสูรได้ ปลดเปลื้องภัยเมือง
พรรคพิษอย่าเลือกให้เข้าสภา ๏ ขุ่นเคือง”พรรค”ป่วนปล้น “เผาไทย”
พรรคซ่อนพิษแฝงภัย ท่วมท้น
“ความสุขที่หายไป” พล่ามพูด จริงนอ
แท้ที่จริงหลุดพ้น จากห้วงบ่วงมาร
คนไกลกลับบ้านร้าวฉานทั่วไทย ๏ ร้าวฉานลุ่มลึกร้าว ดวงจิต
ประเทศยังวิกฤติ ซ่อนเร้น
ตราบใดพรรคอำมหิต ยังอยู่ สยองนา
“นายใหญ่”คงมิเว้น คั่งแค้นเคืองมหันต์
กงจักรใช่ดอกบัวตรองถ้วนทั่วการกระทำ ๏ “สมานฉันท์”ลวงหลอกไร้ กตัญญู
มองชาติเป็นศัตรู มุ่งร้าย
ผู้ใดภักดิ์เชิดชู ตาสว่าง เถิดนา
“กงจักร-ดอกบัว”คล้าย จิตต้องตรองผสม
ศีลธรรมอมตะสรรสารเพื่อสังคม ๏ ชื่นชมคุรุพร้อม เพียรสอน
“จริยธรรม”ดุจพร พรั่งพร้อม
“ศีลธรรม”สิ่งดีอมร มุ่งมั่น เสมอเทอญ
เติบใหญ่จิตโอบอ้อม อุ่นเอื้อไผทขวัญ
มีสติป้องตนหลีกพ้นทางอบาย ๏ ป้องกันตนอย่าให้ หมองศรี
“อบายมุข”มารวิถี ถี่ถ้วน
“เหล้าปั่น”สิ่งอัปรีย์ รู้เท่า-ทันนา
ครองสติรุ่งโรจน์ล้วน เลือกสร้างทางเจริญ
มรดกแห่งความดีมอบเป็นศรีแก่ลูกหลาน ๏ เมื่อเดินทางถูกแล้ว ควรสนอง
เสริมสิ่งดีทั้งผอง ผ่องแผ้ว
สอนสั่งลูกหลานครอง สติก่อ บุญแฮ
เสมือนโซ่วิสุทธิ์แพร้ว เพียบพร้อมเพรียงผสาน
ตาในใฝ่ธรรมน้อมนำความดี ๏ ดวงมานพิเคราะห์ได้ โดยธรรม
ดวงจากบุญน้อมนำ เหนี่ยวรั้ง
ดวงกมลมุ่งจดจำ จรัสรุ่ง-เรืองเทอญ
ดวงเนตรในจิตตั้ง แต่งแต้มเตือนขวัญ
..................................... (15. ลูกดาว)......................................
16. (ต้นอ้อ กัลยา)
ปรากฏการณ์ (16. ต้นอ้อ กัลยา)
๏ ยถากรรมก่อสร้าง ปางไหน
ลิขิตชีวิตไป อย่างนั้น
ดีเลวส่งผลไว คงแน่
ทำชั่วจงรีบแก้ นิ่งช้าไฉน
๏ เกิดเป็นคนอย่าได้ หลงทาง
ตามปราชญ์เคยแผ้วถาง ลู่ไว้
ทำดีอย่าลาร้าง ใจฝ่อ
ทำจิตอย่าคิดท้อ ก่อสร้างทางสวรรค์
๏ เกิดแก่เจ็บมอดม้วย มรณา
ไม่แน่หนอเวลา มอดไหม้
มัวงมเรื่องผ่านมา วันเก่า
ถมทับตัวเองเข้า สู่ผู้ปราชัย
๏ ยิ่งคิดยิ่งทุกข์ท้น หัวใจ
ควรเพิ่มเติมแรงไฟ แก้กล้า
แปลงโฉมเปลี่ยนตัวให้ ดีเด่น
มุ่งมั่นจะไต่เต้น สู่ฟ้าชนะใจ
๏ นักมวยยังฝึกซ้อม ฝีมือ
เรานี่เป็นคนหรือ นิ่งได้
เติมฝันซ่อมใจถือ ฝันใฝ่
เขียนขีดฝากฝังไว้ เผื่อผู้อยากชม
๏ ชนะอื่นทั้งหมดล้วน อจีรัง
ชนะจิตตัวเองยัง ค่าไว้
ชนะตนนี่คือพลัง ใหญ่แท้
คนต่างนพแซ่ซ้อง หนึ่งผู้ธีรชน
..................................... (16. ต้นอ้อ กัลยา)......................................
17. ภัทราจิตร
ทึ่งสุริยัน (17. ภัทราจิตร)
๏ สุริยันยังเยี่ยงนี้ ยืนนาน
อัมตะตลอดกาล ผ่านฟ้า
วงสุริยะจักรวาล ดึงดูด รวมแฮ
แสงส่องรังสีกล้า ก่อเกื้อทุกสมัย
๏ เรืองเหลืองเรืองเรื่อส้ม แดงสวย
ชุบชีพชนม์อำนวย รื่นแล้ว
ลำแสงพุ่งเป็นพวย สาดส่อง ทอเอย
เพลินชื่นชมแว่นแก้ว อิ่มยิ้มเชิญชม
๏ ยามยลชวนทึ่งซึ้ง ทรวงแสน
ใสสดสว่างแดน ส่องล้ำ
เทียมภาพพิมานแมน เทียบดั่ง เดียวนา
ไออุ่นอรุณค้ำ เคลิบเคลิ้มรมณี
๏ พระคุณเหนือขนาดให้ อนันต์คุณ
เวียนรอบวัฏฏะหมุน จักเอื้อ
เป็นบุญเนื่องนาบุญ จึงเกิด
แดนโลกแลอะเคื้อ เนื่องด้วยสุริโย
๏ ตะวันออกช่วงเช้า ฉายฉาน
วันใหม่ฤดีบาน- เบิกไซร้
ตะวันตกคืนกาล แดงดับ แลแม่
หมุนส่องอีกข้างให้ เจิดจ้าสลับกลาย
๏ สวยใสสว่างแจ้ง จึงเห็น
หมุนสู่ชีวิตเป็น ชนิดนั้น
พลังแสงส่งแรงเข็น ขับเคลื่อน นานา
บรรจบวงรอบครั้น เล่าครั้งกัปกาล
๏ ใครไหนใครอยู่ค้ำ ตะวันนา
คงดับไปก่อนหา ห่อนได้
ลำพังแต่เพียงพา เสพสุข พอฤๅ
หวนว่าคะนึงให้ จักรู้บุญคุณ
๏ ทำดีก่อนหมดเส้น สัญจร
ขออุ่นพึงอาทร เพื่อนพ้อง
รังสรรค์สโมสร โลกสงบ
คิดใหม่ใจขุ่นข้อง ขัดข้อควรไข
๏ แดงแสงประโยชน์เอื้อ ดังตะวัน
เหลืองอร่ามงามเฉิดฉัน อ่อนช้อย
ใยในเชื่อมสัมพันธ์ ใจกอด กันนา
รายรอบงามเรียบร้อย แม่ปลื้มเป็นไฉน
..................................... (17. ภัทราจิตร)......................................
18. (มนุษล้อ)
สุดจะทึ่ง (18. มนุษล้อ)
๏ สาวสวยสวยยุคนี้ แก่นแท้ น่าทึ่ง
รูปร่างสมส่วนดี สุดซึ้ง
แต่เติมแต่งแสงสี เสริมใส่ สอดไส้
ยอมเพื่อคนเห็นอึ้ง ต่อแต้มคำชม
๏ นิยมอดกิ่วไส้ อิ่มใจ แท้น้อ
เงินที่หมดเท่าใด ไม่รู้
เงินนิดหน่อยหาใหม่ แค่นี้
กายเหนื่อยยังยอมสู้ พรั่งพร้อมยิ้มแย้ม
๏ โฉมแฉล้มจึงแจ่มไว้ คนมอง เชิดหน้า
ครบเครื่องงามผุดผ่อง ดั่งปั้น
พินิจว่าอาจต้อง เติมแต่ง สงสัย
ยกกระบวนงามนั้น ใคร่รู้ความจริง
๏ สิ่งปรับปรุงแต่งแต้ม สรรหา มาเสริม
แฟชั่นชุดตรึงตา หลากล้ำ
สั้นสั้นนุ่งน้อยผ้า ขาอ่อน ถึงไหน
สายเดี่ยวช่วยตอกย้ำ แน่งน้อยมีดี
๏ ที่ตูมคามเต่งตั้ง ภูเขา ชายชอบ
อวบอิ่มยามเคียงเคล้า คู่ค้าง
สุขอยู่ที่ใจเรา รับได้
สุที่จะเอ่ยอ้าง แค่นั้นพอดี
๏ มีของดีอวดอ้าง เพศภัย ระวัง
ยิ่งข่าวเห็นทุกวัย ไม่เว้น
รู้หน้าแต่ยากใจ เสาะสู่ เข้าถึง
หน้ากากช่วยซ่อนเร้น ร่างแท้ทรชน
..................................... (18. มนุษล้อ)......................................
19. (ก.ไกรศิรกานท์)
พุทโธ่...(แม่ง) น่าทึ่ง (19. ก.ไกรศิรกานท์)
๏ ทึ่งแท้!! ท่านพี่น้อง ทวยสภา
ปากเปล่งสัจวาจา แม่นหมั้น
ลมปากมากราคา อวดเบ่ง
น้ำเน่าเอามาปั้น โอ่อ้างคุณตัว
๏ ทึ่งแท้!! นาฏแน่งน้อย นวลนาง
อวดอิ่มอกขาวบาง บ่เร้น
เปลือยเปล่งเปล่าเนินปราง ปกไป่ มีนา
คนใคร่เคลียคลึงเค้น ใคร่ล้ำเกินเลย
๏ ทึ่งแท้!!ชาติชั่วช้า ฆาตกร
ฆ่าหั่นศพ-ตัดตอน ไม่เว้น
สับศพหลั่งเลือดนอน เปลือยร่าง
มันฆ่าข่มขืนเหล้น ชั่วข้ามคืนเดียว
๏ ทึ่งแท้!! ลูกท่านไท้ เทวดา
พ่อแม่เลี้ยงเจ้ามา ไม่หง้าย
บุญคุณไม่นำพา ผ่านซ่าน ใจเฮย
เติบใหญ่ย่องแยกย้าย หลีกเร้นแทนคุณ
๏ ทึ่งแท้!!หลวงพี่น้อง อาตมา
เมามั่วคั่วสีกา ค่ำเช้า
ตกดึกร่ำสุรา เป็นกิจ นิตย์เฮย
หากแต่คนเวียนเข้า กราบไหว้บูชา
๏ โธ่เอ๊ย!!พวกต่ำน้อย ปัญญา
คลั่งเคร่งศีลสมา- ธิหมั้น
กาเมไม่นำพา เหล้าเลี่ยง ไกลเฮย
เสพชีพที่สุดสั้น ไป่คุ้มคำ “คน”
..................................... (19. ก.ไกรศิรกานท์).....................................
20. (ปัญจาลนคร)
เมืองเนรมิต (20. ปัญจาลนคร)
๏ กรุงเทพ เนรมิตแม้น เมืองสวรรค์
ระยับวับแววสุวรรณ สว่างหล้า
ลายจำหลักสลักพัน พาดเกี่ยว กันแล
กำเนิดเกิดเมืองฟ้า เฟื่องฟุ้งกรุงสยาม
๏ ยอดปราสาทยั่วเย้ย คคนางค์
บ้างชัดบ้างอำพราง แทรกซ้อน
กระจกเกรียบกรุกลาง กระหนกแบบ แนบนา
กระแหนะรักเร่าร้อน รดน้ำประจำลาย
๏ อารามอร่ามสร้าง สง่าเผย
ลดหลั่นหลังคาเกย หลากขั้น
ระกาล่วงหลงเลย เรียงตับ
รอรับขับเชิงชั้น ช่อฟ้าหางหงส์
๏ องค์พระคละใหญ่น้อย รายแถว
มวยเกศโมลีแวว หล่อไว้
ทรงเครื่องกษัตริย์แพรว ผุดผ่อง สุพรรณเอย
เป็นมิ่งขวัญเมืองไซร้ แซ่ซ้องศาสนา
๏ ลำคลองลองขุดข้าม แผ่นดิน
ลมเอื่อยโชยโรยริน ฝั่งน้ำ
นาวาล่องเลียบสินธุ์ รอท่า เทียบแฮ
เด็กกระโจนจ้วงจ้ำ จากแจ้งจนสาย
๏ แม่ค้าคว้ากระด้ง กระจาดเรียง
พืชผักมัดพันเคียง เพื่อค้า
กระเฉดกระถินเนียง เถาหน่อ ไม้แล
ล้วนระรื่นลอยหน้า เรียกร้องตะโกนขาย
๏ ครั้นสุรีย์ลับฟ้า เฟือนแรง
ริบหรี่ลำพูแสง หิ่งห้อย
สะท้อนพร่างพราวแสดง ดุจดั่ง ดาวเอย
แลรากไทรไหวย้อย เรี่ยน้ำเคียงดิน
๏ เพ็ญวันอันแจ่มจ้า จันทร์ฉาย
กระทบยอดเจดีย์ราย เหลื่อมล้ำ
สุกปลั่งเปล่งประกาย ปรากฏ อยู่นา
วาบวับจับแผ่นน้ำ ระลอกพลิ้วพรายสลาย
๏ โอ้กรุงเทพ เทพสร้าง แสนวิจิตร
แม้นหมู่มารหมายคิด อวดอ้าง
เผาผลาญเพื่อพิชิต ชิงพระ นครเฮย
จักปลาตชีพร้าง สุขสิ้นโศกนาน
..................................... (20. ปัญจาลนคร).....................................
21. เชษฐภัทร
งึด (21. เชษฐภัทร)
๏ มืดมิดสรรพสัตว์ฮ้อง โหยหวน
กลางป่าดึกดื่นทวน จิตตั้ง
กลางกรดปฏิบัติครวญ คร่ำเคร่ง
พระเฒ่าเข้าฌานยั้ง กิเลสด้วยพุทโธ
๏ โทสะในจิตล้วน แลเห็น
พองยุบพองฮ้อนเย็น อย่างนั้น
ขณะเพ่งภาพประเด็น ดูปัจ-จัยเนอ
“งึด” ภาพอเนจอนาถกระชั้น กระชากชี้สีเพลิง
-------------------------
ฝันชั้นที่หนึ่ง
๏ เปิงเปิดสะเดิดเฒ่าสะดุ้ง เสียงกระสุน
“งึด” ตระหนกตระหนักหมุน เหมิดฟ้า
ขิวกลิ่นกระแทกกระทั้นฉุน ช้ำจมูก ขนาดเนอ
คอนกรีตกรุงสะดีดบ้า บิดพื้นเป็นผง
๏ ฟ่งมวลควันลุกดื้อ ดึงดัน
แม้นพ่อเฒ่าเสียขวัญ เดือดฮ้อน
บั้งไฟเพิ่นเล็งหัน หาจุด ยิงเนอ
ระหว่างเล็งห่ากระสุนย้อน ถล่มข้อขาแขน
๏ แน่นแฟ้นเพลิงกระหวัดฮ้อน ฮูปนาม
ขณะเฒ่าสลบเหมือดตาม เพ่งฮู้
ซ้อนฝันเกิดจิตนิยาม ย้อนอดีต
ซาวกว่าปีก่อนสู้ ชีพใช้แฮงงาน
-----------------------------
ฝันชั้นที่สอง
๏ เชี่ยวชาญการก่อสร้าง บ้านเฮือน
อยู่ต่างประเทศเหมือน อยู่ใกล้
“งึด” ยามส่งเงินเดือน ให้แม่
ซาอุจากบ้านได้ ผ่อนหนี้นาเฮา
๏ เว้าไปแฮงม่วนย้อน ย้ำถาม
เคยเบิ่งศึกสงคราม คึกแท้
ขีปนาวุธ “สกั๊ด” ตาม ยิงตลอด
“แพทริอ็อต” ดักสกั๊ดแก้ จุดได้ดีไฉน
๏ ไผพบเหตุอย่างข้อย คงขำ
“งึด” เรื่องฆ่าแกงประจำ ตลอดย้อน
ตูมตามหวีดหวีดตำ ตาอยู่
อิรักมะริกันซ้อน แทรกทั้งประเทศไทย
------------------------------------
๏ ใกล้ดวงจิตประสิทธิ์สร้าง ปัญญา
ฝันกี่ชั้นชั้นตรา สติไว้
ซ้อนฝันจับละเอียดหา วงเหตุ
สะดุ้งสะเดิดสดับสะดุดได้ ดักฮู้ให้ทัน
๏ กระชั้นกระชากเปรตป่าฮ้อง โหยหวน
“งึด” สติพระเฒ่าทวน ทบซ้ำ
สรรเสริญสรรพสัตว์สรวล ยกย่อง
นรกโลกถึงสวรรค์ย้ำ อยู่ซึ้งศึกษา
..................................... (21. เชษฐภัทร).....................................
22. ปริวัฒน์
ทึ่ง ! ไทย (22. ปริวัฒน์)
๏ ทึ่ง ! ไทยในขณะนี้ ยืนยง
เอกราชชาติธำรง ฝากไว้
เพราะ ธ ทุกพระองค์ บริรักษ์ ราษฎร์เอย
มีออกตกเหนือใต้ เปี่ยมด้วยพระกรุณา
๏ ทึ่ง ! นคราที่สร้าง เสกสรร
คุณค่าอเนกอนันต์ เลิศแล้ว
ทุกสิ่งยิ่งยืนยัน ปรากฏ
ดังสุวรรณรวมแก้ว ร่วมรุ้งรุ่งเรือง
๏ ทึ่ง! ประเทืองทุกด้าน ได้ชม
อาทิปราสาทนิยม นับร้อย
จากอดีตที่ประสม มาเมื่อ- นี้นา
ราชวังไม่น้อย ซึ่งก้าวสี่สมัย
๏ ทึ่ง ! วัดในถิ่นด้าว แดนไทย
หลายหลากล้วนวิไล อะคร้าว
พิจิตรพิสิฐนัยน์ น่าทัศน์ สถานที่ดับรอยร้าว ร่วมร้อยจิตผสาน
๏ ทึ่ง! ภาษาสารสื่อถ้อย ประดิษฐ์ความ วรรณกรรมทุกยาม เพริศแพร้ว
ภาพพจน์รสน่าตาม ติดต่อ
โวหารอักษรมิแคล้ว คลุกเคล้าสำนวน
๏ ทึ่ง ! ประมวลตึกมากล้น รวมกัน
ไอทีสื่อเร็วพลัน พรั่งพร้อม
พาหนะซึ่งรังสรรค์ ขนส่ง
ความสะดวกห้อมล้อม ทุกผู้บันเทิง
๏ ทึ่ง! รื่นเริงสุขถ้วน หรรษา
ผาสุกทุกทิวา ว่างเว้น
ทุกข์ท่วมก่อกลับมา แก่พสก
สามัคคีที่เน้น นับน้อยในไทย
๏ ทึ่ง! สิ่งใดใช้แบ่ง เกี่ยวดอง
สัญลักษณ์สีหรือตรอง ถี่ถ้วน
ใช่กีฬาแข่งมีสอง- ฝ่ายเล่น ชิงฤา
ผลพ่ายแพ้แน่ล้วน โจทย์ตั้งคลายปม
๏ ทึ่ง! สั่งสมจักแก้ อย่างไร
ไทยจะต้องช่วยไทย ผ่านพ้น
ร่วมรักร่วมร้อยใจ บังเกิด
พิพัฒน์ชาติจรัสล้น เนื่องด้วยชนไทย
..................................... (22. ปริวัฒน์).....................................
23. (แก้วประภัสสร)
ทึ่ง (23. แก้วประภัสสร)
๏ เสียงพระธรรมลึกซึ้ง ตรึงกมล
ฆ้องลั่นกังวานดล จิตแผ้ว
ผ่านโสตประสาทยล ทบอก นี่เเฮย
พลันปลอดโปร่งโล่งแล้ว เจิดแจ้งเห็นจริง
๏ ทึ่งในรสกลิ่นน้อม ธรรมมา
องค์พระพุทธศาสนา วัตรแท้
ดึงหลักปักนำพา พ้นหลุด ทุกข์นอ
เห็นประจักษ์หลักแก้ ผ่านพ้นทางตัน
๏ โลกมนุษย์แปดเปื้อน ปุ่มปม
บางสุขบ้างโศกตรม หม่นไหม้
กิเลสคลอบคลุมจม สติเลื่อน ลอยนา
ลาภทรัพย์แทรกเสื่อมไขว้ ไขว่คว้าฤาหลง
๏ สรรเสริญผันผ่านพ้น เร็ววัน
สรรพสิ่งย่อมแปรผัน สลับได้
เสริมส่งสร้างผลักดัน รวมหนึ่ง ใจเฮย
มีสติทุกข์ใกล้ ยับยั้งโดยพลัน
๏ สวดมนต์ดับแผดร้อน ผ่อนเย็น
กาลผ่านวันได้เห็น ขื่นคล้อย
หายไปจากที่เป็น สงบกลบ จิตนา
เสียงเปล่งสวดคำร้อย หยุ่งยั้งพลังผลาญ
๏ ทึ่งถ่องแท้รสล้ำ ธรรมมา
พ้นหลุดทุกข์ทุกครา ชัดแจ้ง
พันปีผ่านพ้นมา หาเสื่อม คลายเอย
คนเด่นไม่แห้งแล้ง หากซึ้งถึงธรรม
..................................... (23. แก้วประภัสสร).....................................
24. แก้วประภัสสร แก้ไขครั้งที่ 1
ทึ่ง (แก้วประภัสสร แก้ไขครั้งที่ 1)
๏ เสียงพระธรรมลึกซึ้ง ตรึงกมล
ฆ้องลั่นกังวานดล จิตแผ้ว
ผ่านโสตประสาทยล ทบอก นี่เเฮย
พลันปลอดโปร่งโล่งแล้ว เจิดแจ้งเห็นจริง
๏ ทึ่งในรสกลิ่นน้อม ธรรมมา
องค์พระพุทธศาสนา วัตรแท้
ดึงหลักปักนำพา พ้นหลุด ทุกข์นอ
เห็นประจักษ์หลักแก้ ผ่านพ้นทางตัน
๏ โลกมนุษย์แปดเปื้อน ปุ่มปม
บางสุขบ้างโศกตรม หม่นไหม้
กิเลสคลอบคลุมจม สติเลื่อน ลอยนา
ลาภทรัพย์แทรกเสื่อมไขว้ ไขว่คว้าฤาหลง
๏ สรรเสริญผันผ่านพ้น เร็ววัน
สรรพสิ่งย่อมแปรผัน สลับได้
เสริมส่งสร้างผลักดัน รวมหนึ่ง ใจเฮย
มีสติทุกข์ใกล้ ยับยั้งโดยพลัน
๏ สวดมนต์ดับแผดร้อน ผ่อนคลาย
กาลผ่านวันเห็นหาย ขื่นคล้อย
วับพรากจากจอดวาย สงบว่าง จิตนา
เสียงเปล่งสวดคำร้อย ผ่อนยั้งพลังผลาญ
๏ ทึ่งถ่องแท้รสล้ำ ธรรมมา
พ้นหลุดทุกข์ทุกครา ชัดแจ้ง
พันปีผ่านพ้นมา หาเสื่อม คลายเอย
คนเด่นไม่แห้งแล้ง หากซึ้งถึงธรรม
..................................... (24. แก้วประภัสสร แก้ไขครั้งที่ 1).....................................
25. นายสมศักดิ์
ทึ่ง (25. สมศักดิ์)
๏ มหัศจรรย์ทึ่งแท้ คนคิด ค้นนอ
กลจักรผลักชีวิต เจิดจ้า
ทดลองกอปรการกิจ สรรค์เสก สร้างนอ
มนุษย์คิดค้นคว้า เสร็จสิ้นดังใจ
๏ ท่องไปอวกาศก้อง กับยาน
โลกพระจันทร์อังคาร ถี่ถ้วน
ยานจักรท่องจักรวาล อวกาศ
สำเร็จสำรวจล้วน เลิศล้ำเปรมปรีดิ์
๏ มีเครื่องบินทั่วท้อง นภา
คนคิดประดิษฐ์พา ก่อเกื้อ
ประหยัดย่อเวลา ย่อโลก
ธุรกิจในนอกเอื้อ เสร็จสิ้นจินตนา
๏ รถไฟฟ้าเด่นด้วย กลไก
เพียงชั่วลมหายใจ จวบแล้ว
มนุษย์ก่อการใด แสนสุด ทึ่งนอ
สมองมนุษย์ผ่องแผ้ว เลิศล้นคุณอนันต์
๏ สารพันการแพทย์ล้ำ นำสมัย
อวัยวะภายนอกใน เปลี่ยนได้
ชุบชนชีพปลอดภัย พบสุข สวัสดิ์แฮ
มนุษย์ประเสริฐไซร้ เพียบพร้อมปัญญา
๏ เลิศลอยวัตถุถ้วน เทียบสวรรค์
เมืองมนุษย์ตึกสูงสรรค์ เสียดฟ้า
ยามค่ำคืนโคมประชัน แสงส่อง
จรัสแจ่มเจิดจ้า ทึ่งแท้มันสมอง
..................................... (25. สมศักดิ์).....................................
26. สมศักดิ์ แก้ไขครั้งที่ 1
ทึ่ง (26. สมศักดิ์ แก้ไขครั้งที่ 1)
๏ มหัศจรรย์ทึ่งแท้ คนคิด ค้นนอ
กลจักรผลักชีวิต เจิดจ้า
ทดลองกอปรการกิจ สรรค์เสก สร้างนอ
มนุษย์คิดค้นคว้า เสร็จสิ้นดังใจ
๏ ท่องไปอวกาศก้อง กับยาน
โลกพระจันทร์อังคาร ถี่ถ้วน
ยานจักรท่องจักรวาล อวกาศ
สำเร็จสำรวจล้วน เลิศล้ำเปรมปรีดิ์
๏ มีเครื่องบินทั่วท้อง นภา
คนคิดประดิษฐ์พา ก่อเกื้อ
ประหยัดย่อเวลา ย่อโลก
ธุรกิจในนอกเอื้อ เสร็จสิ้นจินตนา
๏ รถไฟฟ้าเด่นด้วย กลไก
เพียงชั่วลมหายใจ จวบแล้ว
มนุษย์ก่อการใด แสนสุด ทึ่งนอ
สมองมนุษย์ผ่องแผ้ว เลิศล้นคุณอนันต์
๏ สารพันการแพทย์ล้ำ นำสมัย
อวัยวะภายนอกใน เปลี่ยนได้
ชุบชนชีพปลอดภัย พบสุข สวัสดิ์แฮ
มนุษย์ประเสริฐไซร้ เพียบพร้อมปัญญา
๏ นคราวัตถุถ้วน เทียบสวรรค์
เมืองมนุษย์ตึกสูงสรรค์ เสียดฟ้า
ยามคืนค่ำโคมประชัน แสงส่อง
จรัสแจ่มเจิดจ้า ทึ่งแท้มันสมอง
..................................... (26. สมศักดิ์ แก้ไขครั้งที่ 1).....................................
27. สมศักดิ์ แก้ไขครั้งที่ 2
ทึ่ง (27. สมศักดิ์ แก้ไขครั้งที่ 2)
๏ มหัศจรรย์ทึ่งแท้ คนคิด ค้นนอ
กลจักรผลักชีวิต เจิดจ้า
ทดลองกอปรการกิจ สรรค์เสก สร้างนอ
มนุษย์คิดค้นคว้า เสร็จสิ้นดังใจ
๏ ท่องไปอวกาศก้อง กับยาน
โลกพระจันทร์อังคาร ถี่ถ้วน
ยานจักรท่องจักรวาล อวกาศ
สำเร็จสำรวจล้วน เลิศล้ำเปรมปรีดิ์
๏ มีเครื่องบินทั่วท้อง นภา
คนคิดประดิษฐ์หา ก่อเกื้อ
ประหยัดย่อเวลา ย่อโลก
ธุรกิจในนอกเอื้อ เสร็จสิ้นจินตนา
๏ รถไฟฟ้าเด่นด้วย กลไก
เพียงชั่วลมหายใจ จวบแล้ว
มนุษย์ก่อการใด แสนสุด ทึ่งนอ
สมองมนุษย์ผ่องแผ้ว เลิศล้นคุณอนันต์
๏ สารพันการแพทย์ล้ำ นำสมัย
อวัยวะภายนอกใน เปลี่ยนได้
ชุบชนชีพปลอดภัย พบสุข สวัสดิ์แฮ
มนุษย์ประเสริฐไซร้ เพียบพร้อมปัญญา
๏ นคราวัตถุถ้วน เทียบสวรรค์
เมืองมนุษย์ตึกสูงสรรค์ เสียดฟ้า
ยามคืนค่ำโคมประชัน แสงส่อง
จรัสแจ่มเจิดจ้า ทึ่งแท้มันสมอง
..................................... (27. สมศักดิ์ แก้ไขครั้งที่ 2).....................................
28. (กิ่งโศก)
ทึ่ง...มนตรา น้ำค้าง (28. กิ่งโศก)
๏ ม่านนวลขาวหมอกคล้าย แพรคลุม
ดื่นดั่งปุยฝ้ายสุม ค่ำนี้
แขขับระยับรุม โลมมืด คลายนอ
ทั่วชัฏจำรัสชี้ สว่างแพร้วทอผืน
๏ ดึกดื่นชื้นชุ่มเปื้อน ปรกใบ
เก็จหยาดกลั่นแยงใส ส่องย้อน
กลิ้งเกลื่อนเลื่อนแล่นไหล ลมล่วง ต้องแฮ
ครั้นหลุดร่วงละก้อน กลีบหญ้าพึงเผยอ
๏ จันทร์เผลอจรผลุบคล้อย คีรี เคียงแฮ
พยับหมอกพอกวิถี หยดย้ำ
บุหรงร่ำราตรี หลงขับ ครางนา
คลอคู่เคียงเสียงน้ำ - หล่นต้องร้องตาม
๏ สงัดท่ามเพชรรุ้งร่วง หล่นพรู
เสียงเซาะสั่นลั่นหู ลุห้วง
ดินจับรับฤดู ยะเยือก ยิ่งเฮย
ฤาจักทานทัดท้วง เม็ดฟ้าม่านโปรย
๏ อุษาโชยย่ำเช้า แสงทอง
ทาทาบจับน้ำนอง จ่างนั้น
มลายผละลำพอง ใบเหือด แห้งรา
สิ้นวิหกกระชั้น แทรกเร้นลี้รอย
๏ พลอยหยาดเพชรย่ำเพี้ยง พลบกาล
ฤาชื่นรื่นสราญ สบแล้
ทิวาย่ำเยือนขาน ใยลับ หายนา
หยดหนึ่งทึ่งยิ่งแท้ จวบเช้าก้าวหนี
๏ สุรีย์ขับเก็จก้อน แปรกลาย
สิ้นครู่ชั่วขอดหาย ทึ่งแล้ว
ค่ำคืนกลับดื่นพราย ระยิบ พร่างเฮย
เทพเสกประสิทธิ์แก้ว เกิดนั้นเกยสนาน
..................................... (28. กิ่งโศก).....................................
29. (ติยะ)
ทึ่ง (29. ติยะ)
๏ ทึ่งในประเทศนี้ ตรงไหน
เป็นประชาธิปไตย แบบอ้าง
หาสามัคคีไป ทุกที่ แม่เฮย
ยิ้มสยามใครสร้าง แสยะยิ้มใดกัน
๏ ทึ่งสีสันส่อป้าย แปรงสี
ทาทาบอาบฤดี ทั่วด้าว
ยิ่งรุ้งยิ่งมณี มานะ ยิ่งแฮ
หนึ่งก่ออีกหนึ่งกร้าว เก่งสร้างกระแส
๏ ทึ่งแท้ประเทศล้วน รวมศาสน์
รวมเผ่ารวมพันธุ์ชาติ ทุกชั้น
จงรักภักดีราช จิตร่วม
รวมอยู่เป็นไทยนั้น เนิ่นนี้อย่างไร
๏ ทึ่งในประเทศนี้ ตรงไหน
รู้รักจักอภัย พลาดพลั้ง
นิรโทษสงสัย สุจริต นาพ่อ
ปากบอกปรองดองตั้ง แต่นี้ยังงง
๏ ทึ่งตรงยังอยุ่ได้ นมนาน
ยอมจริตจิตเบิกบาน ยิ่งแล้ว
ยอมทนมหาศาล สงบ
ยอมสยบย่อมแคล้ว คลาดร้ายกลายดี
๏ วาดกวีว่าทึ่งแท้ แก่ใจ
เป็นแบบเป็นแผนไทย สุดถึ้ง
ยากที่ประเทศใด เลียนแบบ แม่เฮย
มิใช่ไทยไม่ซึ้ง สุดซึ้งถึงทรวง
..................................... (29. ติยะ).....................................
30. วันชัย
ทึ่ง (30. วันชัย)
๏ ฝีมือคนทึ่งแท้ อัศจรรย์ จริงแฮ
เป็นเอกอเนกอนันต์ เดชสร้าง
พลังสมองสิ่งสร้างสรรค์ เหลือที่ กล่าวแล
สืบโสตถิ์จรัสคุณอ้าง อิ่มก้องจักรวาล
๏ ทุกสถานแลเลิศล้ำ กำจร
สูงตึกเป็นนาคร ก่องแก้ว
ยุคไฮเทคแน่นอน เจิดประจักษ์ แจ้งนา
เลิศสื่อออนไลน์แล้ว มากด้วยกลไก
๏ไวอินเทอร์เน็ตรอบรู้ สรรพางค์
ทุกอย่างเหมือนจับวาง กอดใกล้
นอก-ในโลกมีทาง ไปสู่ กันเอย
จรวดดาวเทียมใช้ รุ่งฟ้าผลงาน
๏ การแพทย์เจริญรุดหน้า พัฒนา
สับเปลี่ยนอวัยวะพา รอดม้วย
ยอดมนุษย์ก่อปัญญา ฟูเฟื่อง จริงแฮ
โดดเด่นตะลึงด้วย เปี่ยมปลื้มในคน
๏ ยลวัตถุเกินกล่าวถ้อย เกริกไกร
สร้างชื่อลือกระฉ่อนไป ทั่วหล้า
ยลจิตต่ำเกินใคร กำหนด ได้ฤา
ศีลศาสน์ขาดพัฒน์จ้า แจ่มด้วยทิพย์คุณ
๏ ล้านบุญกอปรก่อเกื้อ สุขทวี
วอนตระหนักสามัคคี แผ่ถ้วน
คุณธรรมส่งเสริมชี- วิตผ่อง เสมอเฮย
เป็นหนึ่งพิศุทธ์พิเศษล้วน ดับร้อนสุขเกษม
..................................... (30. วันชัย).....................................
31. จุฑามาศ
ภาษาที่น่าทึ่ง (31. จุฑามาศ)
๏ ภาษาคือสื่อใช้ แทนใจ ถึงใจ
สะท้อนส่องความใน ล่วงรู้
ต่างถิ่นแตกต่างไป บอกบ่ง ชาติพันธุ์
ยืนหยัดยงอยู่สู่ เนื่องด้วยภาษา
๏ ชนชาติไทยร่วมสร้าง สมญา
นับเนื่องนานเนานา เนิ่นแล้ว
อ่านเขียนพูดฟังพา คุณค่า คุณคำ
เสน่ห์แพรวพราวแพร้ว เพริศพริ้งพิสมัย
๏ วรรณยุกต์เปรียบดั่งโน้ต ดนตรี
ทำนองต่ำสูงตี ไล่ได้
ดีดี่ดี้ดี๊ดี๋ ผันเล่น เป็นเพลง
บรรเลงบรรเจิดไซร้ ใส่สร้างสรรค์สวย
๏ ควบกล้ำยิ่งยวดย้ำ อักษรา
ควรความคร่ำเคร่งครา เครื่องคล้อง
ปราดเปรื่องเปล่งปลั่งปรา- รมภ์รื่น-รมย์เรือง
พลาดเพลี่ยงพล้ำพร่องพร้อง กร่อนเกลี้ยงความหมาย
๏ คำพ้องรูปร่วมพ้อง เสียงพา ฉงนงัน
คือความเหมือนอีกครา ขัดไขว้
“กา” “งา” “ตา” “ชา” “ลา” คำหนึ่ง หลายความ
มวนมวลมั่นหมั่นไหม้ ไม่รู้จากเสียง
๏ กาพย์โคลงฉันท์ร่ายร้อย กรองกช งดงาม
ละเอียดลออลิ้มรส อิ่มถ้อย
สัมผัสเชื่อมจับจด จับจ่อ จับจิต
ชนชื่นชมแช่มช้อย ไป่แล้งกวีสยาม
๏ อื่นเอ่ยอีกอาจอึ้ง อนันต์นา
ภาษาไทยเปี่ยมคุณา กว่าอ้าง
สมบัติยิ่งพสุธา ผองเผ่า พงศ์ไทย
ริเริ่มรักษ์สรรค์สร้าง เชิดชั้นชนสยาม
..................................... (31. จุฑามาศ).....................................
32. จุฑามาศ แก้ไขครั้งที่ 1
ภาษาที่น่าทึ่ง (32. จุฑามาศ แก้ไขครั้งที่ 1)
๏ ภาษาคือสื่อใช้ แทนใจ ถึงใจ
สะท้อนส่องความใน ล่วงรู้
ต่างถิ่นแตกต่างไป บอกบ่ง ชาติพันธุ์
ยืนหยัดยงอยู่สู้ เนื่องด้วยภาษา
๏ ชนชาติไทยร่วมสร้าง สมญา
นับเนื่องนานเนานา เนิ่นแล้ว
อ่านเขียนพูดฟังพา คุณค่า คุณคำ
เสน่ห์แพรวพราวแพร้ว เพริศพริ้งพิสมัย
๏ วรรณยุกต์เปรียบดั่งโน้ต ดนตรี
ทำนองต่ำสูงตี ไล่ได้
ดีดี่ดี้ดี๊ดี๋ ผันเล่น เป็นเพลง
บรรเลงบรรเจิดไซร้ ใส่สร้างสรรค์สวย
๏ ควบกล้ำยิ่งยวดย้ำ อักษรา
ควรความคร่ำเคร่งครา เครื่องคล้อง
ปราดเปรื่องเปล่งปลั่งปรา- รมภ์รื่น-รมย์เรือง
พลาดเพลี่ยงพล้ำพร่องพร้อง กร่อนเกลี้ยงความหมาย
๏ คำพ้องรูปร่วมพ้อง เสียงพา ฉงนงัน
คือความเหมือนอีกครา ขัดไขว้
“กา” “งา” “ตา” “ชา” “ลา” คำหนึ่ง หลายความ
มวนมวลมั่นหมั่นไหม้ ไม่รู้จากเสียง
๏ กาพย์โคลงฉันท์ร่ายร้อย กรองกช งดงาม
ละเอียดลออลิ้มรส อิ่มถ้อย
สัมผัสเชื่อมจับจด จับจ่อ จับจิต
ชนชื่นชมแช่มช้อย ไป่แล้งกวีสยาม
๏ อื่นเอ่ยอีกอาจอึ้ง อนันต์นา
ภาษาไทยเปี่ยมคุณา กว่าอ้าง
สมบัติยิ่งพสุธา ผองเผ่า พงศ์ไทย
ริเริ่มรักษ์สรรค์สร้าง เชิดชั้นชนสยาม
..................................... (32. จุฑามาศ แก้ไขครั้งที่ 1).....................................
33. (พุ่มพฤกษ์)
มองให้ถึง...จึงทึ่งเป็น (33. พุ่มพฤกษ์)
๏ บรรดาสารสื่อถ้อย แถลงความ
เห็นอยู่ทุกโมงยาม ยากแก้
คืออวดแต่สิ่งทราม ในสื่อ
ว่าทึ่งถึงเนื้อแท้ ที่แท้โสมม
๏ สังคมจึงต่ำต้อย ติดดิน
คนกอปรสุขใช่ยิน ข่าวรู้
เรื่อง “ทึ่ม” จึ่งโบยบิน บนน่า[*] – หนึ่งนอ
เผยจิตด้านลบผู้ ผลิตเร้นความดี
๏ มีตานอกอยู่เนื้อ สรรพางค์
ไยบ่เห็นทิศทาง ทึ่งถ้วน
ตาในยิ่งเลือนราง สรรพสิ่ง
หลอมนรกแลล้วน หลอกรู้เลวลวง
๏ ผลพวงอาจยกชี้ พิจารณ์
โจรอุบาทว์ทำการ ก่อร้าย
วางระเบิดรุกราน ยิงจ่อ – หัวนา
กลับประโคมข่าวคล้าย ชอบด้วยวิธี
๏ สีใจในอกซ้าย ของเรา
ยังแจ่มสีใดเอา ออกอ้าง
ควรฤๅแบ่งใจเบา บริสุทธิ์
ยึดติดแต่บาปสร้าง สื่อร้ายรุนแรง
๏ แสงธรรมนำสุขแท้ บรรเทือง
ความสัตย์สืบศักดิ์เรือง รุ่งแล้ว
มิตรแท้ผูกใจเมือง มากสุข
คือสิ่งควรทึ่งแผ้ว พิศพร้อมพาเจริญ
๏ หมายเดินนำสื่อให้ เห็นคุณ
หงายกะลาเป็นบุญ เบิกหล้า
หยุดเสนอเรื่องทารุณ หฤโหด
ปลุกจิตสำนึกกล้า กลบร้อนตามกระแส
๏ ควรแลธรรมะถ้วน ทุกทาง
วิจักษณ์สิ่งอำพราง เพื่อรู้
ตาใน – นอกจักจาง ทุจริต
จึง “ทึ่ง” สมเจตน์ผู้ พิศแท้ทางควร...
[*] คำเอกโทษ -หน้า
..................................... (33. พุ่มพฤกษ์).....................................
34. (อรุโณทัย)
ทึ่งการกระทำ (34. อรุโณทัย)
๏ เห็นมดแดงร่างน้อย รวมพลัง
ต่างช่วยกันสร้างรัง ใหญ่ด้วย
ใครมาแหย่มันชัง เสียยิ่ง
กรูวิ่งมาแม้ม้วย ต่อสู้รักษา
๏ ผ่านมาเห็นหมู่ผึ้ง บินวน
กลางกิ่งไม้เบื้องบน ร่วมสร้าง
รวงรังห่วงกังวล เกาะกลุ่ม
ระวังศัตรูมล้าง ปกป้องจนตาย
๏ มีกายเล็กยิ่งแล้ว อดทน
รวมกลุ่มสร้างรังตน ทึ่งแท้
จอมปลวกใหญ่ใครยล สนเท่ห์
เรือนร่างผู้สร้างแม้ เล็กน้อยรังโต
๏ สิงโตสัตว์ดุร้าย ยิ่งนัก
ยังพึ่งหนูต่ำศักดิ์ ต่ำต้อย
เพราะติดบ่วงพรานดัก รออยู่
ยังรอดเพราะหนูน้อย ช่วยให้พ้นภัย
๏ แปลกหทัยทึ่งแท้ กระทำ
เหล่าสัตว์ทนตรากตำ ต่อสู้
ปกป้องถิ่นประจำ ทุกเมื่อ
รวมกลุ่มให้รับรู้ ถิ่นนี้เฝ้าถนอม
๏ ยินยอมหมายอยู่ด้วย เผ่าพงศ์
จึงต่อสู้ยืนยง เพื่อต้าน
ศัตรูที่ทรนง มารุก – รานแฮ
สามัคคีแกร่งกร้าน ปกป้องผองภัย
..................................... (34. อรุโณทัย).....................................
35. พีรมิตร
ศาลา นารี วิถี คงคา (ทึ่ง) (35. พีรมิตร)
๏ ความจริงคำเอ่ยอ้าง เอิกอวล
ทอทอดสมัยกำสรวล สุดซึ้ง
ปรากฏบทรัญจวน โจมจู่ ยุคนอ
ทึ่งบ่ทึ่งโลกทึ้ง ถ่มน้ำลายหยัน
๏ ศาลา สรรพจน์ฟ้อง สาธารณ์
ชนเยี่ยมเยือนหักหาญ จิตไห้
สืบบ่อเกิดบริการ กำหนด
ขอร่องรอยการใช้ ชุ่มน้ำใจสนอง
๏ นารี ครองสวาทไว้ วังใด น้องเฮย
ฤายื่นเสน่หาไหว สวาทเหล้น
เชิญชายร่วมเสพย์นัย รักเลศ
ทำเฉกของกลางเต้น ตื่นเต้าเอามัน
๏ วิถี หยันสยดเย้ย สยองธาร
ต่างเที่ยวโลดแล่นหาญ โหดเหี้ยม
แว้นแว้นวุ่นวายวาร วายวอด
ต่างมารคต่างกรรมเสี้ยม โศกว้ากขากถุย
๏ คงคา ลุยเละล้น เลวเหลว
เดือดดุจเพลิงนรกเปลว ปลาบปล้น
แปรภาพเปลี่ยนลักษณ์เลว ลดค่า
ใครปลอบเมื่อหลีกพ้น ปล่อยน้ำตาไหล
๏ ใครเห็นเป็นเครื่องใช้ บำบัด
สมอยากสมกำหนัด สุขเนื้อ
โลกมีเพื่อผูกมัด ชาวโลก
เสพย์เถิดอย่ายืดเยื้อ หวั่นหล้าโมโห
๏ โถโลกวันหนึ่งต้อง ตรมตรอม
เมื่อมนุษย์มวลผ่ายผอม ดุหล้า
ใครกันจักออมชอม ชุบโลก
น่าทึ่งหากคนกล้า เชือดเนื้อตนเสวย
..................................... (35. พีรมิตร).....................................
36.สราวุธ
ทึ่งไทย (36. สราวุธ)
๏ ไผทสยามงามแช่มช้อย เชวงศิลป์
ดุริยศัพท์ประสมริน ร่ายฟ้อน
ปี่พาทย์พ่างเพลงพิณ จะเข้ส่ง
รวมสรรพสำเนียงซ้อน สื่อได้เสียงเดียว
๏ เรียวลายสือลึกล้ำ ศิลาจาร
คมอักษรเบาราณ บิ่นร้าว
นำถักช่อเชลงกานท์ กลบท
มนตร์เสกกลอนกล่อมด้าว รสล้ำคำสยาม
๏ ลือนามเอกราชพ้น ภูมิไผท
หมื่นชีพรวมหนึ่งใจ สละป้อง
ธำรงรักษ์อธิปไตย สู่ลูก หลานแฮ
ล้วนแหล่งโลกแซ่ซ้อง ทึ่งแท้คราวยิน
๏ งามศิลป์พิสุทธิ์ล้ำ เรืองสมัย
ช่างสิบหมู่-เทิดไทย จรัสแคว้น
สมบัติชาติเกริกไกร โลกประจักษ์ ทั่วนา
ฉลุลักษณสลักรอยแม้น วาดฟ้าเวียงสวรรค์
๏ เพลงกาลผันผ่านพ้น ปีเดือน
ลายลักษณ์เริ่มลางเลือน เสื่อมด้อย
โลกวิวัฒน์เวียนเคลื่อน ศักราช ใหม่มา
คุณค่า “เป็นไทย” คล้อย ห่างคล้ายอดีตฝัน
๏ ก่อนวันอันสุดสิ้น หมดไทย
ก่อนภาพยิ้มภูมิใจ พรากพ้น
ก่อนสถาปัตย์สมัย เป็นแค่ กองดิน
ก่อนกาพย์กลอนโคลงด้น ดับสิ้นตำนาน
๏ สืบสานให้ทึ่งทั้ง โลกา
มรดกแห่งประชา - ชาติแก้ว
ล้านใจร่วมศรัทธา อนุรักษ์
อนาคตจักผ่องแผ้ว ทึ่งแท้แดนไทย
..................................... (36. สราวุธ).....................................
37. สราวุธ แก้ไขครั้งที่ 1
ทึ่งไทย (37. สราวุธ แก้ไขครั้งที่ 1)
๏ ไผทสยามงามแช่มช้อย เชวงศิลป์
ดุริยศัพท์ประสมริน ร่ายฟ้อน
ปี่พาทย์พ่างเพลงพิณ จะเข้ส่ง
รวมสรรพสำเนียงซ้อน สื่อได้เสียงเดียว
๏ เรียวลายสือลึกล้ำ ศิลาจาร
คมอักษรเบาราณ บิ่นร้าว
นำถักช่อเชลงกานท์ กลบท
มนตร์เสกกลอนกล่อมด้าว รสล้ำคำสยาม
๏ ลือนามเอกราชพ้น ภูมิไผท
หมื่นชีพรวมหนึ่งใจ สละป้อง
ธำรงรักษ์อธิปไตย สู่ลูก หลานแฮ
ล้วนแหล่งโลกแซ่ซ้อง ทึ่งแท้คราวยิน
๏ งามศิลป์พิสุทธิ์ล้ำ เรืองสมัย
ช่างสิบหมู่-เทิดไทย จรัสแคว้น
สมบัติชาติเกริกไกร โลกประจักษ์ ทั่วนา
ฉลุลักษณ์สลักรอยแม้น วาดฟ้าเวียงสวรรค์
๏ เพลงกาลผันผ่านพ้น ปีเดือน
ลายลักษณ์เริ่มลางเลือน เสื่อมด้อย
โลกวิวัฒน์เวียนเคลื่อน ศักราช ใหม่มา
คุณค่า “เป็นไทย” คล้อย ห่างคล้ายอดีตฝัน
๏ ก่อนวันอันสุดสิ้น สืบไทย
ก่อนภาพยิ้มภูมิใจ พรากพ้น
ก่อนสถาปัตย์สมัย เป็นแค่ กองดิน
ก่อนกาพย์กลอนโคลงด้น ดับสิ้นตำนาน
๏ สืบสานให้ทึ่งทั้ง โลกา
มรดกแห่งประชา - ชาติแก้ว
ล้านใจร่วมศรัทธา อนุรักษ์
อนาคตจักผ่องแผ้ว ทึ่งแท้แดนไทย
..................................... (37. สราวุธ แก้ไขครั้งที่ 1).....................................
38. มังกรสมุทร
ทึ่ง (38. มังกรสมุทร)
๏ เด็กน้อยบ้านนอกเข้า เขตกรุง-
เทพสถิตสถานประดุง ประดับหล้า
ยลตึกระดะปรุง แปลงแปลก
คอนกรีตสูงเสียดฟ้า ฝากซึ้งตะลึงแล
๏ รถไฟฟ้ามุดด้น ดงตึก
รุ้งหลากแท็กซี่คึก ขวับเควี้ยว
นานารถอึกทึก ทางทั่ว
แมงกะไซด์ลัดเลี้ยว เลาะย้อนศรสยอง
๏ ทวยเทพจรแข่งเวิ้ง เวลา
หน้าบูดผรุสวาททา ทาบลิ้น
มารยิ้มเปี่ยมเมตตา ตามติด
ก่อนขบหัวกินสิ้น สุดดิ้นหลีกไฉน
๏ ฝันเห็นบ้านเก่ากี้ กระท่อมผุ
ฝนรั่วยามพายุ ขยับเข้า
หากอบอุ่นสาธุ ธรรมชาติ
คนสัตว์สัตย์ซื่อเหง้า งอกปลื้มปัญญา
๏ ยอดหญ้ายิ้มแก้ปริ ประดับลาน
แมลงร่ำคีตประสาน เสนาะหล้า
ปลาลีลาศชื่นบาน บงกช
อาทิตย์ห่มแสงฟ้า ฝากซึ้งตะลึงงัน
๏ อันใดน่าทึ่งแท้ ทวยชน
ศิวิไลซ์จักรกล เกิดสร้าง
ฤๅธรรมชาติชุ่มผล เพลินกว่า
เด็กตื่นในเคว้งคว้าง ค่ำเช้าเยาว์ฝัน
..................................... (38. มังกรสมุทร).....................................
39.บุญยกรณ์
ทึ่ง (39. บุญยกรณ์)
๏ จดหมายถึงทึ่งนั้น ฉบับแรก
เปิดอ่านเขียนมาแปลก พร่ำซ้ำ
ลงวันที่มีแยก เดือนรื่น
บอกช่วยมอบไปให้ อย่ากั้นบังอร
๏ มองตรึกตรองทึ่งแล้ว ชัดเจน
วางแต่กฎเกณฑ์ผัน เพื่อใช้
จิตกระจ่างวางเวร คงมั่น
บอกกล่าวจบจำไว้ ไม่ให้ลอยลม
๏ ความเงียบเหงาเร่าร้อน มากแสน
พบทึ่งมองลองใจ อย่าเศร้า
เหลียวหายิ่งหวนแหน ทนหม่น
เพียงแต่หลับกลับเร้า ห่างแล้วหายกัน
๏ ยามดึกนึกทึ่งนั้น ทันที
คิดเปลี่ยนเวียนตามแนว หนึ่งครั้ง
แรกพบไม่ยินดี ชอบย่ำ
เคยเล่าบอกตอกยั้ง เร่งแล้วชวนชม
๏ พอพบกับทึ่งนี้ วันใด
เพียงแต่เกิดเพริดแพร้ว ยิ่งรั้ง
มองหาสิ่งแปรไป ทนหม่น
บอกว่าเคยพลาดพลั้ง เหนี่ยวไว้ ทำไม
๏ ใครใยดีกี่ครั้ง สารพัน
เคยพร่ำพรอดสุกใส เปลี่ยนหน้า
ยิ่งคิดยิ่งโศรกศัลย์ ไกลคู่
พอทึ่งใจเกิดล้า ส่งให้ ระทม
..................................... (39. บุญยกรณ์).....................................
40.บุญยกรณ์
ทึ่ง (40. บุญยกรณ์)
๏ ความรู้สึกทึ่งนี้ มากแสน
หยอกเล่นเคยดูแคลน อย่าเศร้า
เหลียวหาสิ่งทดแทน มองอยู่
พอไม่รับกลับเร้า เท่านั้นปลอบทรง
๏ เวลานึกสิ่งรู้ ใยจาง
คิดเปลี่ยนผลักไกลกัน หมั่นย้ำ
แรกเจอไม่ยอมวาง ทุกสิ่ง
คอยท่าจัดยอกซ้ำ ห่างคล้อยจากไกล
๏ กุหลาบดอกยิ่งให้ เลิศลอย
ใบกิ่งมีหนามคอย ช่วยป้อง
สนใจไม่มาสอย ดอกกิ่ง
คอยไล่ขับแมลงร้อง ภู่น้อยหลบไป
๏ เพราะอะไรสิ่งทิ้ง หลีกใย
ยังไม่พอชอบคอย สั่งย้ำ
ความรักยิ่งแยกไป เพราะคู่
สุดที่หวังยังล้ำ ค่ำเช้าทุกวัน
๏ บุคคลมีที่รู้ จากไป
ฉากเก่าเคยรบเร้า เพิ่มสู้
ปัญหาเรื่องยาวไกล จนค่ำ
คงไม่หวังมองหน้า ร่ำไห้จืดจาง
๏ บางบทตอนล่วงล้ำ โรมรัน
เหลือแค่ทนอายใจ สิ่งนั้น
จะมีแต่ลืมกัน แหนงหน่าย
ในที่สุดบีบคั้น ยิ่งพ้นกลลวง
..................................... (40. บุญยกรณ์).....................................
41. บุญยกรณ์
ทึ่ง (41. บุญยกรณ์)
๏ สายลมรักทึ่งแล้ว ทันใด
ตอนที่ยังสดใส ไม่ช้า
แอบรักอยู่ชิดใจ เหมือนช่วย
พอเบื่อกลับเมินหน้า ล่วงพ้นจากกาล
๏ ไกลรักมักทึ่งด้วย สองเรา
เพราะต่างหมองยอมทน ค่ำเช้า
รำพึงเมื่อความเหงา สิงสู่
รักที่เจอเผลอเร้า เริ่มแล้วแปลกใจ
๏ เวลาหลงทึ่งรู้ ไมตรี
ทำอย่างมีหลายแนว คู่ใกล้
พบมองสิ่งหลากสี แตกต่าง
จำที่นึกคิดไว้ อย่าได้ลืมกัน
๏ เพียงหลับฝันทึ่งอ้าง ละเมอ
จะว่าคงปลอบใจ ใคร่แท้
โดนยุยิ่งยังเผลอ จุดอ่อน
หวังพึ่งจึงคิดแก้ แน่งน้อยคอยมอง
๏ สวยบรรเจิดทึ่งย้อน บังอร
จิตก่อรักหยดรอย เหนี่ยวหน้า
อยากฝากสิ่งบางตอน เหมือนสั่ง
บอกกล่าวนามนางฟ้า ชื่อน้องกลางใจ
๏ ความพะวงทึ่งรั้ง ชวนมอง
คอยคู่เพรียกเรียกร้อง อย่างนี้
สุดยอมนิ่งคอยจอง มองต่อ
งามยิ่งคิดควรชี้ ร่วมเฝ้าเอาคืน
๏ นัดกันตอนทึ่งท้อ สงสาร
พรากเสน่ห์เทรุมเร้า ดั่งพ้อง
รอฟังข่าวตราบนาน บอกกล่าว
ทรวงสั่นไหวกลัวน้อง หน่ายแท้เหตุใด
๏ รังรักชักทึ่งร้าว เหมือนจาง
เพียงช่วยทำบาดแผล สิ่งนี้
คิดไปว่าอำพราง ลวงบ่อย
หรือว่าอรหลบลี้ สู่บ้านเรือนฤา
..................................... (41. บุญยกรณ์).....................................
42.วสันต์
“ท่ามกลางเสียงด่าว่า ไอ้พวก ..!..?..” (42. วสันต์)
๏ เด็กไทยใจเก่งกล้า ท้าทาย
อวดซิ่งมอเตอร์ไซด์ แข่งบ้า
แล่นตะบึงเจียนตาย ฉิวเฉียด
ท่ามกลางเสียงก่นว่า ไอ้พวก จัญไร
๏ พ่อแม่ซื้อรถให้ จำยอม
หวังลูกใฝ่ถนอม ศึกษา
ลูกเห็นเพื่อนรอบล้อม ยับเยิน แหลกเหลว
ทึ่ง! นักซิ่งยังยิ้มร่า ที่พ้น วอดวาย
๏ ที่ตายไปนั่นไร้ ศักดิ์ศรี
สุดยอดฝีมือดี เยี่ยมยอด
จะมุ่งตะบึงทุกที่ ทุกที ด้วยกัน
ยินเสียงก่นด่าตลอด ไอ้พวก จัญไร
..................................................(42. วสันต์).................................................
43.บุญยกรณ์
ทึ่ง (43. บุญยกรณ์)
๏ กระเทียมสดทึ่งแล้ว ทางยา
พืชที่ทรงรักษา ช่วยป้อง
ระบบย่อยเสมอมา เคียงคู่
ขจัดสิ่งพิษภัยต้อง ฆ่าเชื้อ มากมาย
๏ ในการปรุงทึ่งรู้ เจือปน
มีส่วนโปรตีนเหลือ ที่ใช้
ผสมธาตุถ่านทุกหน ทนกลิ่น
ปนใส่ไขมันให้ สิ่งนั้น จำเป็น
๏ สรรพคุณทึ่งสิ้น รินสิทธิ์
ขับช่วยธาตุทุกวัน ถ่ายบ้าง
โดยเฉพาะที่โรคบิด ผิดก่อ
หากเน่าเสียตกค้าง ซึ่งล้าง อย่างดี
๏ ศึกษาปราชญ์ทึ่งพ้อ มากมาย
แถมร่างกายเจือจาง แพร่ย้อน
หากทานค่ามากหลาย มองอยู่
เพราะที่เลือดเกาะก้อน เพื่อย้ำ อัมพฤกษ์
๏ บุญคุณพืชทึ่งรู้ ทุกตอน
ติดต่อหวัดจดจำ ไม่ล้ำ
ขจัดสิ่งแทรกตัวหนอน นับว่า
คุณค่ากระเทียมนั้น บ่งชี้ แน่นอน
..................................... (43. บุญยกรณ์).....................................
44.อภัย
ทึ่ง (44. อภัย)
๏ ทึ่งไทยทนทุกข์ท้น ทนทาน
ทึ่งสิ่งสร้างสรรค์สาน สุขแท้
ทึ่งหลายกิจพิสดาร ดีเด่น ด้าวนา
ทึ่งที่รู้จักแก้ กลับร้ายกลายดี
๏ ทึ่งที่พระพุทธเจ้า จอมสละ
ทึ่งที่คำธรรมะ ค่าล้น
ทึ่งสร้างหมู่สังฆะ คู่โลก เลิศแล
ทึ่งที่พาหลุดพ้น ทุกข์ร้ายรัดรึง
๏ ทึ่งที่ไทยได้พระ ราชา
ราชินีศรีนรา เลิศแล้ว
ราชวงศ์จักรีพา พสกสุข เสมอแฮ
ราชกิจราชธรรมแพร้ว เพริศให้ไทยสราญ
๏ ทรงงานหนักพักน้อย พลอยประชวร
พันหมื่นโครงการควร คู่หล้า
ประชาเชิดชูชวน ถวายพระ พรพ่อ
“ทรงพระเจริญ” จรูญฟ้า จรัสด้าวแดนไทย
๏ แปลกใจไทยพร้อมรัก ภักดี
แม้แตกแยกแปลกสี เทิดไท้
แม้ชีพก็ยอมพลี เพื่อพระ องค์เอย
ทึ่งพระเมตตาให้ ท่วมท้นทวยไทย
๏ รัฐบาลท่านอยู่ได้ ทึ่งนะ
หลายเรื่องรุมปะทะ ท่านสู้
ยอมใจใคร่คารวะ ท่านยิ่ง จริงเฮย
มรสุมรุมรู้ รอดได้พิสดาร
๏ วิทยาการก้าวเกิด ก่อกิจ
กอปรเกิดผลผลิต เลิศหล้า
ทุ่นแรงทุ่นชีวิต ว่าทุ่น ทุนนา
เทคนิคช่วยทั่วหน้า สะดวกได้สบายดี
๏ ทึ่งที่ไทยก่อนหน้า นำชาติ
วัฒนธรรมตามศาสน์ สืบได้
กษัตริย์เปรื่องเกษตรปราชญ์- แปลกรอบ รู้แล
ฝน บ่ ตก ธ ให้ ตกต้องตามถวิล
๏ เหล็กบินได้ทั่วท้อง ถิ่นนภา
เหล็กล่องลอยนาวา ว่าถึ้ง
คอมพ์คิดผลิตมา เก่งยิ่ง จริงแฮ
พระคิดคลายโกรธขึ้ง ทึ่งแค้นคลายสูญ
๏ เพิ่มพูนคุณรู้มาก หลากหลาย
รู้โลกรู้ธรรมหมาย หลุดพ้น
รู้มรรคกิเลสคลาย คลุมจิต แจ่มนา
วิมุติจึ่งสุขล้น ทึ่งแท้ทางธรรม
..................................... (44. อภัย).....................................
45.อภัย
ทึ่ง (45. อภัย)
๏ ทึ่งธรรมชาติล้ำ ธรรมดา
ทึ่งมนุษย์สุดสร้างมา มากไว้
ทึ่งสิ่งแวดล้อมพา เพลินสุข เกษมแฮ
ทึ่งทะเลดินให้ สิ่งล้ำเลิศสราญ
๏ ทึ่งบรรพกาลท่านสร้าง สมมา
บรรพชิตบรรพชนพา เพริศแพร้ว
บรรพบุรุษสุดหา บรรพกิจ ดีแฮ
วัฒนธรรมล้ำแก้ว ก่อเกื้อกูลกัน
๏ ภาษาสรรสื่อสร้าง สิ่งสวย
กลอนกาพย์โคลงสละสลวย สลับร้อย
วรรณกรรมเกิดอำนวย คุณอเนก อนันต์นา
ค่าอนรรฆถักถ้อย ทึ่งถ้วนควรฟัง
๏ ราชวังวัดโบสถ์ล้วน ลายศิลป์
ภาพวาดวิลาสจินต์ แจ่มแจ้ง
ดนตรีปี่พาทย์ยิน เย็นสุข
รำร่ายราวเทพแสร้ง สั่งสร้างสรรค์ไทย
๏ จิตใจไทยเที่ยงแท้ เทิดธรรม
จรูญจรัสไตรรัตน์นำ นอบน้อม
บุญดลกุศลกรรม กอปรก่อ กิจแฮ
ยิ้มอย่างไทยไหว้พร้อม เพริศล้ำทำดี
๏ ประเพณีนี่ล้วน ชวนชม
ไทยเทศทึ่งนิยม ยกหย้อง
ระเบียบเรียบร้อยกลม- เกลียวเกี่ยว กันเฮย
ศิลป์ศาสตร์ส่งเสริมซ้อง ซาบซึ้งทึ่งตา
๏ สถาบันบันทึกถ้วน ทางดี
ชาติศาสน์กษัตริย์ศรี สง่าพ้น
เอกราชเอกลักษณ์มี มากเด่น ดังแฮ
เอกบุรุษเลิศล้น แหล่งหล้าประเทือง
๏ เรืองเรืองศาสน์สุขแท้ ทางธรรม
พระพุทธดุจผู้นำ สุขให้
พระธรรมดั่งเพชรคำ ควรคู่ โลกเฮย
สงฆ์สั่งสอนสืบไว้ ดังน้ำคู่ดิน
๏ ภูมินทร์รักห่วงล้ำ ลูกหลาน
ราชกิจพระราชทาน ทั่วหน้า
สามพันกว่าโครงการ เกิดก่อ เกื้อแฮ
เป็นประโยชน์ดุจฟ้า ใหญ่ล้ำคำขาน
๏ ทึ่งรัฐบาลอยู่ได้ หลายปี
“อภิสิทธิ์” ไม่คิดหนี คิดสู้
เหลืองแดงแบ่งหลากสี หลากพรรค ยุ่งนา
ทึ่งที่ท่านทานกู้ กลับแก้กลเกม
..................................... (45. อภัย).....................................
46. พัชรีย์
ทึ่ง! (46. พัชรีย์)
๏ โลกาภิวัฒน์เกื้อ- กลไทย จริงฤๅ
ข้อมูลข่าวสารส่ง สื่อทั่ว
ฝูงชนต่างสดับโลก สำเหนียก
ปัจเจกชนใฝ่หาซึ่ง สิ่งต้อง หทัยตน
๏ ทึ่ง! อึ้ง! ข่าวสารอัน ทันสมัย
ปด! จริง! กลลวง...ใย น่าเชื่อ
วิจารณญาณผ่านบุคคล ใดบ้าง
กระแสสื่อต่างก่นล้วน ด้วนขาดมนสิการ
๏ ใยธรรมส่งเสียงก้อง ในสกล
สะท้อนในใจบุคคล ผู้ใฝ่หา
ผิวผู้ใดบ่ได้ยล ฟังสดับ ธรรมเฮย
โลกมืดมิดถ้วนทั่ว วิบากซ้ำกรรมสนอง
๏ วิงวอนท่านผู้รู้ ชาวไทย
ร่วมกันสร้างสรรค์ธรรม สิ่งถูกต้อง
ลงบนเว็บไซด์ใน อินเตอร์เน็ต
ให้โลกได้ที่พึ่ง ต่อสู้หมู่อธรรม
..................................... (46. พัชรีย์).....................................
47.นราภรณ์
ทึ่งที่ (ไม่) ตรงถัง (47. นราภรณ์)
๏ เห็นคนมักง่ายทิ้ง นอกถัง
คือขยะคราบเกรอะกรัง กลิ่นคลุ้ง
ฉันละเหี่ยใจจัง แสนเกลียด
นึกอยากไปกระทุ้ง บอกถ้อยถึงตัว
๏ แต่กลัวเขาจิกทึ้ง จึงถอย
เราอย่าทำตามรอย อย่างนั้น
ความสะอาดสุดสอย สูงยิ่ง นักฤา
คนจึ่งเว้นเหยียบขั้น หยุดขึ้นไปหา
๏ มาโรงเรียนเด็กทิ้ง ถุงขยะ
กลาดเกลื่อนดูเกะกะ อีกแล้ว
อบรมไม่ลดละ แกมบ่น
เพียรพร่ำสอนเสียงแจ้ว เด็กจ้องตาแป๋ว
๏ ขึ้นสองแถวยิ่งได้ รำคาญ
เห็นเหล่าผู้โดยสาร ใหญ่น้อย
แทะกินเปิบอาหาร ในกล่อง โฟมนา
แกะเงาะส้มชานอ้อย จากนั้นโยนลง
๏ ทิ้งตรงถังยากแท้ ทุกข์เข็ญ
ไยเล่าเขาทำเป็น เรื่องจ้อย
ความมักง่ายเช้าเย็น ยังอยู่
ถังขยะมีเกินร้อย ไม่รู้เลยหรือ
๏ เหตุไฉนจึงสุดดื้อ เสียจัง
ไยบ่ทิ้งตรงถัง เปิดอ้า
ไทยสะอาดคือความหวัง ของชาติ
นำสู่ถังตะกร้า ช่วยบ้านเมืองงาม
๏ ติดตามสารข่าวทิ้ง ทารก แรกเกิด
ตรงที่ถังสกปรก เปรอะเปื้อน
ตกใจนั่งกุมอก สังเวช ใจยิ่ง
น่าทึ่งจริงฉันเอื้อน กลับทิ้งตรงถัง
..................................... (47. นราภรณ์).....................................
48. นราภรณ์ แก้ไขครั้งที่ 1
ทึ่งที่ (ไม่) ตรงถัง (48. นราภรณ์ แก้ไขครั้งที่ 1)
๏ เห็นคนมักง่ายทิ้ง นอกถัง
คือขยะคราบเกรอะกรัง กลิ่นคลุ้ง
ฉันละเหี่ยใจจัง แสนเกลียด
นึกอยากไปกระทุ้ง บอกถ้อยถึงตัว
๏ แต่กลัวเขาจิกทึ้ง จึงถอย
เราอย่าเดินตามรอย อย่างนั้น
ความสะอาดสุดสอย สูงยิ่ง นักฤๅ
คนจึ่งเว้นเหยียบขั้น หยุดขึ้นไปหา
๏ มาโรงเรียนเด็กทิ้ง ถุงขยะ
กลาดเกลื่อนดูเกะกะ อีกแล้ว
อบรมไม่ลดละ แกมบ่น
เพียรพร่ำสอนเสียงแจ้ว เด็กจ้องตาแป๋ว
๏ ขึ้นสองแถวยิ่งได้ รำคาญ
เห็นเหล่าผู้โดยสาร ใหญ่น้อย
แทะกินเปิบอาหาร ในกล่อง โฟมนา
แกะเงาะส้มชานอ้อย จากนั้นโยนลง
๏ ทิ้งตรงถังยากแท้ ทุกข์เข็ญ
ไยเล่าเขาทำเป็น เรื่องจ้อย
ความมักง่ายเช้าเย็น ยังอยู่
ถังขยะมีเกินร้อย ไม่รู้เลยหรือ
๏ เหตุไฉนจึงสุดดื้อ เสียจัง
ไยบ่ทิ้งตรงถัง เปิดอ้า
ไทยสะอาดคือความหวัง ของชาติ
นำสู่ถังตะกร้า ช่วยบ้านเมืองงาม
๏ ติดตามสารข่าวทิ้ง ทารก น้อยเอย
ตรงที่ถังสกปรก เปรอะเปื้อน
ตกใจนั่งกุมอก สังเวช ยิ่งแล
น่าทึ่งจริงฉันเอื้อน กลับทิ้งตรงถัง
..................................... (48. นราภรณ์ แก้ไขครั้งที่ 1).....................................
49. วสันต์
ทึ่ง! ชกตรงลิ้นปี่โป้ง ด่วนพ่าย ง่ายดาย (49. วสันต์)
๏ ไทยไฟต์ศึกยุทธเยื้อ ประจัญ
จัดแปดคู่ต้นตำนาน ต่อสู้
แชมป์ต่างชาติฉกรรจ์ ฝีมือ ฉกาจ
ชิงมวยไทยยอดยุทธผู้ พิชิต ปัจจา
๏ ทั้งหมัดเท้าเข่าศอก ประลอง
คู่เอกเพชรมั่นคง ต่อยท้อง
คู่ชกจีนทรุดลง หมดสิ้น แรงฝืน
ทึ่งชกตรงลิ้นปี่โป้ง ด่วนพ่าย ง่ายดาย
..................................... (49. วสันต์).....................................
50. วิราวรรณ
ทอรักถักรุ้ง (50. วิราวรรณ)
๏ ปลูกต้นรักรดน้ำ พรวนดิน
ปลูกรักฝากถวิล เวี่ยไว้
ปลูกมิตรมิ่งมิตรยิน- ดีเถิด แม่เอย
ปลูกจิตฝากจิตให้ นุชเนื้อนวลถนอม
๏ รักหลอมล้อมรักด้วย ความดี
รักยิ่งมิ่งภูมี กษัตริย์แก้ว
รักพ่อแม่เป็นศรี สุขสวัสดิ์
รักศาสน์ศรัทธาแผ้ว- ผ่องพร้อมเพ็ญกุศล
๏ ทอรักดลรักเกื้อ- กูลกัน
ทอซึ่งบุพเพสัน- นิวาสสร้าง
ทอแสงแห่งสัมพันธ์ พูนเพิ่ม
ทอรักฝากรักอ้าง เอ่ยเอื้อครองขวัญ
๏ รักสรรค์พิสุทธิ์เรื้อง ราวมณี
รักพิสุทธิ์แจ่มศรี สถิตค้ำ
รักพิสุทธิ์เสริมชี- วิตชื่น
รักพิสุทธิ์สุขล้ำ โลกรู้ตรูใจ
๏ ถักใยไหมแจ่มรุ้ง เรืองนภา
ถักจิตแจ่มหรรษา สุขพร้อม
ถักใจแจ่มจรรยา งามยิ่ง
ถักชีพแจ่มชีพล้อม รักพริ้งพราวพราย
๏ รุ้งรายริมขอบฟ้า ฝากนาม
รุ้งเลิศริ้วรุ้งงาม อะเคื้อ
รุ้งเลื่อมประภัสร์ยาม ยลเยี่ยม
รุ้งรักถักรุ้งเอื้อ อะคร้าวพราวสวรรค์
..................................... (50. วิราวรรณ).....................................
51. นราภรณ์
ทึ่งแท้หญิงไทย (51. นราภรณ์)
๏ ทวนอดีตงามยิ่งแท้ หญิงไทย
เพียรบ่มคลุมคาดสไบ ห่อหุ้ม
พับเพียบนั่งคลาไคล กรายย่าง
มือเด็ดดอกในซุ้ม เพื่อร้อยมาลัย
๏ นวลใยผุดผ่องแผ้ว ผิวพรรณ
ถูมะขามเปียกกัน พอกขมิ้น
เผยอปากค่อยจำนรรจ์ เอื้อนเอ่ย
ผ้านุ่งแม้น้อยชิ้น ไม่โป๊เลยหนา
๏ คราอายุมากขึ้น คราวยาย
แสนสง่างามเหลือหลาย โอบเอื้อ
โรยราแต่เพียงกาย ยานหย่อน
มิแต่งเติมเสริมเนื้อ ฉุดรั้งความสาว
๏ บัดนี้บอกกล่าวด้วย ตะลึง
หญิงแก่ยังแต่งตึง อกเด้ง
ไหนหย่อนยิ่งคอยดึง เสริมแต่ง
วันหนึ่งระเบิดเพล้ง แตกได้จริงจริง
๏ โอ้หญิงไทยบัดนี้ เนื้อนม
ยวนยั่วชายเชยชม สั่นเทิ้ม
น้ำหอมพอกปะพรม อาบร่าง
สะโพกอกหยาดเยิ้ม ปิดไว้นิดเดียว
๏ เสียวทรวงดูซ่านซ้ำ กิเลส
กลัวปลุกอารมณ์เพศ พวกบ้า
สาวหรือแก่มีเจตน์ ขันแข่ง
เด็ดดอกเบี้ยลงตะกร้า วิ่งซื้อความสวย
๏ ยามนางนวยนาดก้าว เดินไป
แลส่องเห็นลึกใน เหลี่ยมน้อย
ลิปสติกเด่นแดงไกล วาดปาก
สาวฝรั่งยังดูด้อย พ่ายแพ้หญิงไทย
๏ เปรียบเปรยมิใช่แกล้ง หญิงไทย
เพียงทึ่งจนดวงนัยน์ เบิ่งกว้าง
จักขันแข่งถึงไหน วานบอก
ไยบ่มาแข่งสร้าง ก่อเกื้อความดี
..................................... (51. นราภรณ์).....................................
52. นราภรณ์
ทึ่งแท้หญิงไทย (52. นราภรณ์ แก้ไขครั้งที่ 1)
๏ ทวนอดีตงามยิ่งแท้ หญิงไทย
เพียรบ่มคลุมคาดสไบ ห่อหุ้ม
พับเพียบนั่งคลาไคล ย่างกราบ
มือเด็ดดอกในซุ้ม เพื่อร้อยมาลัย
๏ นวลใยผุดผ่องแผ้ว ผิวพรรณ
ถูมะขามเปียกกัน พอกขมิ้น
เผยอปากค่อยจำนรรจ์ เอื้อนเอ่ย
ผ้านุ่งแม้น้อยชิ้น ไม่โป๊เลยหนา
๏ คราอายุมากขึ้น คราวยาย
แสนสง่างามเหลือหลาย โอบเอื้อ
โรยราแต่เพียงกาย ยานหย่อน
มิแต่งเติมเสริมเนื้อ ฉุดรั้งความสาว
๏ บัดนี้บอกกล่าวด้วย ตะลึง
หญิงแก่ยังแต่งตึง อกเด้ง
ไหนหย่อนยิ่งคอยดึง เสริมแต่ง
วันหนึ่งระเบิดเพล้ง แตกได้จริงจริง
๏ โอ้หญิงไทยบัดนี้ เนื้อนม
ยวนยั่วชายเชยชม สั่นเทิ้ม
น้ำหอมพอกปะพรม อาบร่าง
สะโพกอกหยาดเยิ้ม ปิดไว้นิดเดียว
๏ เสียวทรวงดูซ่านซ้ำ กิเลส
กลัวปลุกอารมณ์เพศ พวกบ้า
สาวหรือแก่มีเจตน์ ขันแข่ง
เด็ดดอกเบี้ยลงตะกร้า วิ่งซื้อความสวย
๏ ยามนางนวยนาดก้าว เดินไป
แลส่องเห็นลึกใน เหลี่ยมน้อย
ลิปสติกเด่นแดงไกล วาดปาก
สาวฝรั่งยังดูด้อย พ่ายแพ้หญิงไทย
๏ เปรียบเปรยมิใช่แกล้ง หญิงไทย
เพียงทึ่งจนดวงนัยน์ เบิ่งกว้าง
จักขันแข่งถึงไหน วานบอก
มาเถิดมาแข่งสร้าง ก่อเกื้อความดี
..................................... (52. นราภรณ์ แก้ไขครั้งที่ 1).....................................
53. นราภรณ์
บ้านนอกทึ่งเมือง (53. นราภรณ์)
๏ เข้าเมืองเดินย่างต้อง ตาไว
เผลอร่วงตกลงใน ท่อน้ำ
เขาเคยซ่อมแซมไป ปีก่อน
ลืมปิดฝาท่อซ้ำ ขาดป้ายระวัง!
๏ แปลกจังยามเบิ่งเผ้า ผมคน
คล้ายฝรั่งหัวทองชน - ชาติเชื้อ
ดูจมูกยิ่งกลมมน สันโด่ง
ฉันสิแบนติดเนื้อ บอกแท้ไทยจริง
๏ หญิงมีครรภ์มุ่งขึ้น รถเมล์
ยืนแน่นอัดซวนเซ เหงื่อฟุ้ง
ชายฉกรรจ์นั่งเค้เก้ คาเบาะ
แสร้งหลับบ่สะดุ้ง ครอกฟี้ตลอดทาง
๏ เห็นนุชนางหนึ่งน้อง เฉิดฉัน
รูปลักษณ์เลิศผิวพรรณ ผ่องแผ้ว
งามจริงกว่าสาวสวรรค์ สวยยิ่ง
เธอเอ่ยเสียงพูดแล้ว เพิ่งรู้กะเทย
๏ มองเลยไปที่ข้าม หนทาง
มีสะพานลอยขวาง ก่อไว้
ผู้คนกลับละวาง ลืมกฎ
เดินวิ่งข้ามถนนได้ ห่างเว้นสะพานลอย
๏ แม่ค้าขายนกน้อย ในกรง
หวังปล่อยคืนแดนดง จึ่งซื้อ
ฉันคิดว่านกหลง - ลืมป่า
เหตุเพราะมันดึงดื้อ วกฟ้ากลับกรง
๏ ลงเรือชมแม่น้ำ คูคลอง
หาหมู่ปลาแลมอง แหวกหว้าย
กลับเห็นขยะฟูฟ่อง ลอยเกลื่อน
เหม็นเน่าอย่างเหลือร้าย ขุ่นข้นน้ำเสีย
๏ หิวโหยเพลียแวะร้าน อาหาร
กินแค่เพียงหนึ่งจาน จ่ายร้อย
ฉันยังรับประทาน ไม่อิ่ม
เงินยิ่งเหลือเล็กน้อย เหงื่อย้อยกลับดง
๏ ฉันคงเป็นบ้านนอก คอกนา
หลายสิ่งที่ผ่านมา แปลกล้ำ
หรือนอนละเมอผวา ผีหลอก
ลองไตร่ตรองนึกย้ำ ทึ่งแท้แลเมือง
..................................... (53. นราภรณ์).....................................
54. นราภรณ์ แก้ไข ครั้งที่ 1
บ้านนอกทึ่งเมือง (54. นราภรณ์ แก้ไข ครั้งที่ 1)
๏ เข้าเมืองเดินย่างต้อง ตาไว
เผลอร่วงตกลงใน ท่อน้ำ
เขาเคยซ่อมแซมไป ปีก่อน
ลืมปิดฝาท่อซ้ำ ขาดป้ายระวัง
๏ แปลกจังยามเบิ่งเผ้า- ผมคน
คล้ายฝรั่งหัวทองชน - ชาติเชื้อ
ดูจมูกยิ่งกลมมน สันโด่ง
ฉันสิแบนติดเนื้อ นี่ดั้งไทยจริง
๏ หญิงมีครรภ์มุ่งขึ้น รถเมล์
ยืนแน่นอัดซวนเซ เกือบล้ม
ชายฉกรรจ์นั่งปนเป แสร้งหลับ
วางท่าทีทำก้ม ครอกฟี้ตลอดทาง
๏ เห็นนุชนางหนึ่งน้อง เฉิดฉัน
รูปลักษณ์เลิศผิวพรรณ ผ่องแผ้ว
งามจริงกว่าสาวสวรรค์ สวยยิ่ง
เธอเอ่ยเสียงพูดแล้ว เพิ่งรู้กะเทย
๏ มองเลยไปที่ข้าม หนทาง
มีสะพานลอยขวาง ก่อไว้
ผู้คนกลับละวาง ลืมกฎ
เดินวิ่งข้ามถนนได้ ห่างเว้นสะพานลอย
๏ แม่ค้าขายนกน้อย ในกรง
หวังปล่อยคืนแดนดง จึ่งซื้อ
ฉันคิดว่านกหลง - ลืมป่า
เหตุเพราะมันดึงดื้อ วกฟ้ากลับกรง
๏ ลงเรือชมแม่น้ำ คูคลอง
หาหมู่ปลาแลมอง ทั่วคุ้ง
กลับเห็นแต่ขยะกอง ลอยเกลื่อน
เหม็นกลิ่นกระจายฟุ้ง ขุ่นข้นน้ำเสีย
๏ หิวโหยเพลียแวะร้าน อาหาร
กินแค่เพียงหนึ่งจาน จ่ายร้อย
ฉันยังรับประทาน อิ่มไม่
เงินยิ่งเหลือเล็กน้อย เหงื่อย้อยกลับดง
๏ ฉันคงเป็นบ้านนอก คอกนา
หลายสิ่งพบพานมา แปลกล้ำ
หรือนอนละเมอผวา ผีหลอก
ลองไตร่ตรองนึกย้ำ ทึ่งแท้หนอเมือง
..................................... (54. นราภรณ์ แก้ไขครั้งที่ 1).....................................
55.บุญยกรณ์
ทึ่ง (55. บุญยกรณ์)
๏ สมุนไพรทำทึ่งใช้ ตัวยา
วันคู่เวลามี ที่ใช้
ตำราเอ่ยจำมา หลายอย่าง
ในเมื่อเผลอเจอไข้ ซึ่งใช้ไปปรุง
๏ ศิลปะยาทึ่งอ้าง เลือนเลย
เพียงแต่เภสัชไว บั่นขั้น
ปัจจัยสี่มีเผย คุณค่า
นำสู่พัฒนานั้น มั่นให้วิจัย
๏ แผนโบราณทึ่งช้า ปลอดภัย
ของที่ถูกลืมไป สิ่งนั้น
รับสืบต่อการไกล ไสอยู่
นับว่ายากลอนปั้น คั่นด้วยสรรพคุณ
๏ เชิญปรุงยาทึ่งรู้ เหตุใด
ในช่วงพออำนวย เชื่อมั่น
วงการเริ่มมองไกล ในบ่อย
พบว่าดีแบกชั้น สั่นรั้งแยกยา
๏ หอมละมุนทึ่งคล้อย ใบชา
มองว่ามาตอนหลัง ดื่มต้าน
ปอดตับอ่อนใบมา บดช่วย
สารดื่มกินถูกต้อง ช่วงใช้ในกา
๏ ไปไหนเจอทึ่งด้วย สมุนไพร
พอร่างกายถูกไฟ แต่ร้อน
บอกเลยว่ารับไอ แดดหลั่ง
หาง่ายบัวบกย้อน ก่อนคั้นกรองกิน
๏ นำดัดแปลงทึ่งครั้ง บำรุง
ความอร่อยวิเศษพลัน ใส่น้ำ
ทองพันชั่งใบปรุง จนกว่า
ตากคั่วดับพิษล้ำ เลี่ยนแล้งโรคไต
..................................... (55. บุญยกรณ์).....................................
56.บุญยกรณ์
ทึ่ง (56. บุญยกรณ์)
๏ ตราตรึงถึงทึ่งนั้น นานไกล
งามยิ่งจริงเจริญวัย ไม่น้อย
อยากพบแต่เรไร ไกลที่
ขยันทั่วกลัวงานด้อย ค่อยย้ำทำไป
๏ สำเนียงเสียงทึ่งนี้ มีมนต์
ฟังยิ่งดลยลคำ พร่ำคว้า
ดังกระจ่างดวงกมล จนฉ่ำ
ถึงสั่งยังบอกช้า ว่าแล้วแว่วยิน
๏ วงแขนแสนทึ่งล้ำ เลิศเลอ
สมส่วนเพริดเกิดแนว แว่วแจ้ง
มวลมิตรมุ่งมาเจอ เกลอรื่น
รักเริ่มปัดขัดแย้ง แหล่งนั้น เพราะใคร
๏ บังอรงอนทึ่งครื้น คืนครวญ
จะใส่ใจไปพลัน ลั่นล้ำ
ความรักเริ่มรัญจวน ชวนสั่ง
แนะช่วยเถิดเปิดย้ำ ค่ำนั้นมั่นใจ
๏ นัยตาคมทึ่งรั้ง ดวงดาว
พริบพร่างพราวราวพรรณ หลั่นหล้า
แสงนวลผ่องส่องกาว คราวคล่ำ
พอเริ่มมองหมองช้า คลั่งไคล้ ให้หลง
๏ เอวอนงค์ทรงทึ่งย้ำ คำเลิศ
เพราะว่าเกิดจากใจ ใฝ่คว้า
อยากเคียงคู่บรรเจิด เพริดกลั่น
จะไม่คิดเลิกรั้น นั่นร้องเรียกใย
๏ ความรักพลันทึ่งหมั้น วันเรา
แนบอยู่ชิดคิดครอง จ้องหน้า
ถึงไกลห่างพลางเหงา เขานิ่ง
มีแต่อิงแอบฟ้า น่าคั้น พลันคลาย
..................................... (56. บุญยกรณ์).....................................
57. เจริญ
กลโคลงผวน “พยัคฆ์คู่ครองขวัญ (57. เจริญ)
๏ เยาว์ - ไหว้ ไยเว้ายาก วัยยวน
เขลา- อยู่ คู่เยาว์ควร อย่าค้าน
ทึ่ง- เดา เฒ่าดึงทวน ดาบทิ่ม
ไล่- ปรับ ลับไปร้าน ปั่นเหล้าป่วนแหล
๏ ไย - แก้ แหยใกล้หยาบ เกินยำ
เขลา- มั่ว ขั้วเมาขำ มากไข้
ทึ่ง - คิด ทิดขึ้งทำ คุณโทษ
เล่า - ทุกข์ รุกเฒ่าไร้ ท่าล้วนทำลาย
๏ เข้า - ใจ ใครเจ้าค่า เจ้าคน
ผิด - ท่า ผ่าทิศผล เฒ่าพลั้ง
เข้า - จับ ขับเจ้าขน จนคลั่ง
ถูก - รับ ทับลูกทั้ง หลักทู้รู้เถา
๏ เข้า - ถึง ครึ่งเท่าค้อน เฒ่าเข็น
ยุค- มั่น ยั่นมุกเหม็น ยิ่งโม้
ครี- แม่ แส่มีเซ็น มีแสบ
อาน - คู่ อูค้านโอ้ ขัดอู้ขู่อา
๏ พัฒนา - พาถนัดพร้อม ถนอมผล
การ- พึ่ง กึ่งพาลกล ผ่าก้น
ผัน- ตึง ผลึ่งตันพล แตกพ่าย
ผวน - หย่อน ผ่อนหยวนพ้น ยากแพ้ยามพอ
๏ ล้วน - ขอ รอข่วนรู้ คู่รวน
สัน- โดษ โสดดันสวน ด่วนไซร้
ดาน - อัด ดัดอานดวล อึดเด่น
เดิม- ห่า ด่าเหิมได้ หักด้ามหอกดี
คำผวนสำนวนพื้นบ้าน ... เคล็ดคำโบราณไขขานปริศนา
คำคมอุปมา ..................... อุปมัยอธิบายแล
คำ-ใกล้เกลือกินด่าง ........ ใช่คำอ้างข้างคูแน่
ไขคำครูนำแม่ ................. แขไขแก้กับเหลือกิน
คำ-น้ำร้อนปลาเป็น ......... น้ำเย็นปลาตาย-ได้ยิน
อยู่แล้วแก้วชาชิน ............ ฤๅสิ้นคิดศิษย์ไขคำ
ลองผวนคำดูได้ ............. ไขความนัยใบ้บอกย้ำ
เตือนให้เข้าใจธรรม ....... ใช้ช่วยนำคลำหาทาง
สร้างครอบครัวรอบรู้ ..... ชั่วดีคู่สมคู่สร้าง
ไยเล่าเจ้าหย่าร้าง ............. ผวนดูบ้างกระจ่างใจนา
..................................... (57. เจริญ).....................................
58. เจริญ
ปรากฏการณ์จิตสาธารณะแห่งห้วงมโนสำนึก (58. เจริญ)
๏ ป - หนี้ ปี้นะเป้า ประสงค์
รา - เห็ด เลศน์หาผง ผลิเหง้า
กฏ - พ่อ ก่อพจน์หลง ลูกห่วง แม่เอย
การณ์ - นั้น กั้นนานเข้า แม่เจ้าข้องใจ
๏ ปาน - ร้าย ปลายร่านร้อง รำคลาน
ลด - ยาก รากยศฐาน ที่ตั้ง
กะ - สู้ กู่สมาน เสมอพ่อ
กา - ร่อน ก่อนลายั้ง คิดเลี้ยงลูกใคร
๏ จะ - ไข ใจคะเข้า ใจคิด
ซา - มั่ว สั่วมาติด ลูกค้า
ทาน - นะ ทะนามผลิต ตวงตัก
นิด - ทรัพย์ นับสิทธิ์คว้า ลูกเลี้ยงหรือหลาน
๏ จิต - ท่าน จ้านทิศด้าน ใดฤๅ
สา - หร่าย ส่ายหรามือ ระน้ำ
ธาร - เชี่ยว เที่ยวชานหรือ ชาญเชี่ยว
ณะ - ที่ นี่ ธ ปล้ำ ปลดหนี้น้ำใจ
๏ ห้วง - ไหน ไหหน่วงน้ำ ปลาแดก
แห่ง - ยัด หัดแย่งแหลก ลูกหนี้
ม - นุษย์ มุดนะแถก ไถมั่ว
โน - บวม นวมโบว์ นี้ น่าใช้ใคร่ครวญ
๏ สำ - รวล สวนร่ำร้อง ร่ำรวย
นึก - ท่า น่าถึกสวย น่าเศร้า
โง่ - เม้า เง่าโม้มวย ผมแม่ ไม้ใด
เขลา - แน่ แขเน่าเฝ้า แต่จ้องแขไข
คำผวนสำนวนพื้นบ้าน ... เคล็ดคำโบราณไขขานปริศนา
คำคมอุปมา ..................... อุปมัยอธิบายแล
คำ-ใกล้เกลือกินด่าง ........ ใช่คำอ้างข้างคูแน่
ไขคำครูนำแม่ ................. แขไขแก้กับเหลือกิน
คำ-น้ำร้อนปลาเป็น ......... น้ำเย็นปลาตาย-ได้ยิน
อยู่แล้วแก้วชาชิน ............ ฤๅสิ้นคิดศิษย์ไขคำ
ลองผวนคำดูได้ ............. ไขความนัยใบ้บอกย้ำ
เตือนให้เข้าใจธรรม ....... ใช้ช่วยนำคลำหาทาง
สร้างครอบครัวรอบรู้ ..... ชั่วดีคู่สมคู่สร้าง
ไยเล่าเจ้าหย่าร้าง ............. ผวนดูบ้างกระจ่างใจนา
..................................... (58. เจริญ).....................................
59.บุญยกรณ์
ทึ่ง (59. บุญยกรณ์)
๏ รักสุขภาพทึ่งให้ จริงจัง
เพียงแต่ออกกำลัง อย่าช้า
จิตใจไม่สมหวัง ยังช่วย
จะเริ่มสุขสุดหล้า ไม่ให้ โรครุม
๏ มีวินัยทึ่งด้วย ตัวเอง
การที่จะปรับใจ ไม่ได้
เลิกบุหรี่วังเวง เกรงพ่น
ควรซื่อสัตย์จริงไว้ สิ่งนั้น มั่นใจ
๏ การนอนหลับทึ่งล้น ทรวงนัย
พักผ่อนตอนสุขสันต์ หมั่นเฝ้า
ควรนอนก่อนคนใด ตอนค่ำ
ดีที่สุดแรงให้ แจ่มจ้า ทุกวัน
๏ อายุเพียงทึ่งล้ำ เลิกกลัว
สดชื่นทุกเวลา อย่าให้
เลิกคิดแก่พันผัว ตัวเลี่ยง
การวิ่งเหยาะทำได้ ร่างนี้ ดูดี
..................................... (59. บุญยกรณ์).....................................
60.บุญยกรณ์
ทึ่ง (60. บุญยกรณ์)
๏ ทรัพย์สมบัติทึ่งแล้ว รัญจวน
หลักว่าอำนาจควร อยู่พร้อม
และมีเพื่อนชักชวน เนืองแน่น
เถิดชื่อเสียงแวดล้อม ส่งท้ายคล้ายชม
๏ ความดีถูกทึ่งแน้น ทรวงนัย
ทำต่อไปจดหมาย มุ่งแก้
เวลาที่มีชัย ใครยื่น
จะไม่มีแปลกแท้ ที่นั้นผันแปร
๏ การจัดทำทึ่งฟื้น ยืนยง
สุดแต่แลหากัน หมั่นให้
ทันงานที่ตกลง คงว่าง
ในเมื่อเหลือกฎไว้ พรุ่งนี้มีมา
๏ จัดเวลาทึ่งอ้าง ทางใด
เถิดไม่ไปเสียที ที่รู้
เอาเปรียบเช่นตามใจ ทุกท่า
จึงไม่รบกวนผู้ อื่นให้รำคาญ
๏ คำแนะนำทึ่งคว้า มาจำ
คิดว่าลองทำไป อย่างน้อย
ลดการแข่งขันนำ ไปช่วย
ทุกอย่างวางหยดย้อย หนึ่งขั้วตัวกลาง
..................................... (60. บุญยกรณ์).....................................
61.บุญยกรณ์
ทึ่ง (61. บุญยกรณ์)
๏ ชีวิตคิดทึ่งได้ ไกลนาน
มากกว่าประสบการณ์ ผ่านแท้
เพียงหวังอย่าหยุดสาน งานแน่
จึงอยู่กับคิดแก้ แค่นี้มีมา
๏ จุดหักเหทึ่งแท้ แปรไป
กับสิ่งหวังยังมี ที่ได้
มีทางอื่นผืนไกล เดินต่อ
อาจเปลี่ยนผันวันนี้ อยู่ถ้วนชวนทำ
๏ ความสุขคงทึ่งพ้อ พอใจ
มีสิ่งเดียวเหลียวชวน ส่วนนั้น
จะคิดว่าแบบใด คงไม่
นึกว่ามัวกลัวกลั้น แน่แล้วแพรวพราว
๏ ตัดสินใจทึ่งไว้ กับมือ
และนั่นคือถือแนว ไม่แคล้ว
อาจนำซึ่งยึดถือ คือแน่
บอกว่าประมาทแล้ว เช่นนี้มีใคร
๏ การหลอกลวงทึ่งแม้ ตนเอง
และไม่มีศักดิ์ศรี ที่ค้ำ
เพียงเพราะว่ายังเกรง จุดอ่อน
ตอนที่ยังหมองคล้ำ อย่าย้ำใดใด
..................................... (61. บุญยกรณ์).....................................
62. บุญยกรณ์
ทึ่ง (62. บุญยกรณ์)
๏ รักสุขภาพทึ่งให้ จริงจัง
เพียงแต่ออกกำลัง อย่าช้า
จิตใจไม่สมหวัง ยังช่วย
จะเพิ่มสุขสุดหล้า ไม่ให้โรครุม
๏ มีวินัยทึ่งด้วย ตนเอง
ไหนที่จะปรับใจ ไม่ได้
เลิกบุหรี่ยังเกรง งดพ่น
จงซื่อสัตย์จริงไซร้ สิ่งนั้นสุขใจ
๏ การนอนหลับทึ่งล้น ทรวงนัย
พักผ่อนตอนสุขสันต์ อย่างเศร้า
ควรนอนซึ่งฉับไว ตอนค่ำ
ดีที่สุดพลังเข้า สว่างจ้าทุกวัน
๏ อายุเพียงทึ่งล้ำ เลิกมัว
สดชื่นจิตทุกครา น่าใกล้
เลิกคิดแก่แลตัว หลีกเลี่ยง
การวิ่งเหยาะทำให้ ร่างนั้นแข็งแรง
..................................... (62. บุญยกรณ์).....................................
63.บุญยกรณ์
ทึ่ง (63. บุญยกรณ์)
๏ ในชีวิตทึ่งนี้ ทุกข์ทน
บางอย่างมีหลายหน บ่นนี้
ตอบแทนที่มีปน ทนก่อน
ทุกสิ่งมองวันนี้ ที่ร้าวพราวนัย
๏ ความจริงนับทึ่งร้อน วอนหนาว
บอกช่วยเติมเสริมพราว ข่าวสร้าง
ความเรียบง่ายบางคราว ราวว่า
การที่มาแอบอ้าง อย่างคล้ายหมายรอ
๏ เหตุของการทึ่งกล้า หนาราย
ผลที่ตามมากลาย หน่ายใกล้
ทำลายค่าเวลา หาข่าย
มิใช่ของหวงให้ ไม่ชี้ที่เดิน
๏ พอผิดหวังทึ่งคล้าย หมายสี
จมจ่อมทุกราตรี ที่คลั่ง
แถมยังไม่ไปฟรี หนีสิ่ง
ดูช่างออกบอกยั้ง หลั่งล้นจนชิน
๏ เพราะความรักทึ่งทิ้ง จริงใจ
คุณค่าสองรุกรน บ่นซ้ำ
คำตอบว่าเพียงใด ใครทุ่ม
รักเพื่อคิดจิตกลุ้ม สุ่มไว้ใช้เอง
..................................... (63. บุญยกรณ์).....................................
64.บุญยกรณ์
ทึ่ง (64. บุญยกรณ์)
๏ ทำแบบไหนทึ่งได้ อาหาร
เจียวไข่รับประทาน ก่อนได้
การปรุงอยู่มานาน นับว่า
ในเมื่อหวานคาวด้วย ต่างใช้ประจำ
๏ หาอาหารทึ่งช้า เหมือนกัน
นำไข่หลายชนิดไป อย่างชี้
รสดีอร่อยทุกวัน มีค่า
เกลือแร่โปรตีนนี้ ย่อยได้อย่างดี
๏ สารอาหารทึ่งหน้า นิยม
มีค่าแทบทุกวัย ไม่ยั้ง
จึงกินไข่เหมาะสม ทุกแห่ง
กินอยู่ตลอดทุกครั้ง ง่ายนั้นปลอดภัย
๏ ประเภทใดทึ่งแย้ง ความจริง
ในไข่กำมะถัน อยู่ท้น
เวลาเก่างดติง บางอย่าง
เพราะไข่แดงครบล้น กว่านี้มากมาย
๏ บางคนชอบทึ่งอ้าง ไกลลิบ
ชอบไข่สดและดี ย่อยได้
พอลวกไข่เกือบดิบ หยิบช่วย
คุณค่ามีเอาไว้ ซึ่งต้องสมบูรณ์
..................................... (64. บุญยกรณ์).....................................
65. บุญยกรณ์
ทึ่ง (65. บุญยกรณ์)
๏ ชายชาวสวนทึ่งแล้ว ยากจน
ลูกไก่ตกโคลนฝน ก่นล้วน
นำไปที่พักตน ตัวหนึ่ง
พอไม่นานโตอ้วน ล่วงป้องกันภัย
๏ ขนสีขาวทึ่งซึ้ง งามตา
ปากไก่สีเหลืองทอง ไข่ให้
พอมีไข่ออกมา วันคู่
ไม่ไข่กินเหลือไว้ เช่นนี้ทุกวัน
๏ ขณะกำลังทึ่งรู้ รอบกาย
หยิบไข่ปรุงนานปี ที่ได้
พูดกับไก่เกือบสาย ขายอยู่
ออกไข่ทองคำให้ ใส่เลี้ยงครอบครัว
๏ พออีกวันทึ่งผู้ นำเทียว
แวะเพื่อจับไปเรียง ที่ห้อง
มองวางอยู่ฟองเดียว เหลืองอร่าม
สุกปลั่งดูตาค้าง ไข่นี้เป็นทอง
๏ ชายชราสุดทึ่งข้าม หยิบไว
ฟองนี่ทองคำดี คลั่งคล้าย
ปรากฏว่านำไป ขายต่อ
ริเริ่มคิดผลร้าย ผ่าท้องไก่มอง
๏ ความละโมบทึ่งพ้อ ลืมกลัว
เพราะไม่มีสักทอง หม่นไหม้
คิดทำชั่วเมามัว ตัวป่วย
ในที่สุดมอดม้วย ช่วยให้ใช้กรรม
..................................... (65. บุญยกรณ์).....................................
66.บุญยกรณ์
ทึ่ง (66. บุญยกรณ์)
๏ ทำไมจึงทึ่งคล้าย หลายมุม
ในแง่ความจริงสุม ไคล่ค้าง
บังเกิดแต่ครอบคลุม แบบอย่าง
หากไม่มีลบล้าง เชื่อแล้วดีงาม
๏ คุณสมบัติทึ่งอ้าง ทางมี
ทำสิ่งดีตามแนว เหล่านี้
พอใจเมื่อวิธี มีอยู่
หวังที่จะนำชี้ ก่อให้ตามกัน
๏ ความสงบทึ่งรู้ ยังผล
หินเพื่อระเบิดไป ใหญ่น้อย
แยกแตกต่างพลางปน ขนใส่
หินที่กองพังคล้อย ซึ่งต้องมองนาน
๏ สามัคคีทึ่งใกล้ เคียงกัน
เปรียบว่านำอิฐรอง ต่อก้อน
ผลิตจากแม่พิมพ์หัน ฉากเชื่อม
อิฐสี่มุมชิดป้อน ยิ่งให้กองรวม
๏ เปรียบเหมือนคนทึ่งเหลื้อม วินัย
อิฐที่พิมพ์เดียวไป ย่อมต้อง
ประสานหนึ่งรวมใจ พลังยิ่ง
เพราะสิ่งกลมเกลียวคล้อง ช่วยให้มั่นคง
..................................... (66. บุญยกรณ์).....................................
67.ไว
ทึ่ง (67. ไว)
๏ บุรุษผู้ รู้ด้วย การเรียน
วุฒิว่าด้วย ความเพียร ภาคพ้น
ศึกษาต่อจนเปลี่ยน ปรับเพิ่ม ขึ้นนา
ประสบการณ์ ด้านค้น คืบก้าวมัธยม
๏ บ่มจิต พินิจพร้อม สาธารณ์
จุนเจือ เอื้อประสาน เพื่อนพ้อง
พาที วจีหวาน พจน์ซึ้ง โสตแฮ
ท่วงท่าคารวะจ้อง จิตเอื้ออวยสมาน
๏ งานรัฐราษฎร์สามารถล้ำ สนับสนุน
เปี่ยมด้วยความการุณย์ มอบให้
พร้อมกายใจเป็นทุน ช่วยสัง คมแฮ
ราชภัฎคัดสรรไซร้ แซ่ซร้องเกียรติคุณ
๏ หนุนกิตติศัพท์ได้ ปริญญา
ผู้สร้างความดีมา ไม่ยั้ง
ทั้งในศาสตร์ศิลปา ทุกแขนง นาพ่อ
คุณความดีที่ตั้ง ก่อให้เป็นฐาน
๏ การศึกษามาพร้อม คุณธรรม
จิตใจจักน้อมนำ มอบสร้าง
ความดีที่กระทำ จักก่อ สุขนา
ผลดีพิสูจน์อ้าง ออกซึ้งทึ่งกมล
..................................... (67. ไว).....................................
68. พิเชฐ
ทึ่ง “อัศจรรย์ในความเป็นจริง” (68. พิเชฐ)
๏ สิ่งหนึ่งนับเนื่องแล้ว นานมา
ครั้งที่บรมศาสดา อยู่ยั้ง
ชายหญิงต่างล้วนพา กันรักษ์ มั่นเฮย
เป็นเครื่องช่วยเหนี่ยวรั้ง จิตนั้นชอบธรรม
๏ ชุ่มฉ่ำล้ำเลิศล้น สุขครอง
ปราศฯสิ่งร้ายหมายปอง เกลือกกล้ำ
สุขสันต์อนันต์นอง แน่วแน่ ยิ่งนา
เอื้อนเอ่ยเผยยิ่งย้ำ เยี่ยมแท้แน่ปาน
๏ หนึ่ง...ไม่ลาญคิดร้าย ประหาร
ชีวิตสัตว์ไม่ผลาญ ล่วงแล้ว
แม้มนุษย์ชายชาญ หญิงใหญ่ เล็กแฮ
จิตจักสุขผ่องแผ้ว ปราศฯ สิ้นโทษทัณฑ์
๏ สอง...นั้นไม่โลภยื้อ แย่งใคร
ถือสิทธิ์ลอบลักไป มากน้อย
คิดเป็นเช่นกำไร หาถูก ต้องเฮย
ทุกท่านโหยระห้อย ห่วงแท้ทรัพย์ตน
๏ สาม...ไม่พ้นพิศพ้อง หญิงชาย ใดนา
หางซึ่งต้องเป็นนาย หนึ่งไซร้
ชายชาญหล่อคมคาย มีแน่ หญิงนอ
ตัดบ่วงสวาทได้ เปรียบแม้นขึ้นวิมาน
๏ สี่...ปฏิญาณบอกไว้ แก่ตน
ไม่เกี่ยวข้องจ้องกล พูดผล้อย
เรื่องใดไม่วกวน โกหก บาปนา
หลากแหล่เรื่องใหญ่น้อย ห่างได้เป็นดี
๏ ห้า...ข้อนี้ผ่านได้ ดีแล
ข้อซึ่งจิตปรวนแปร เปลี่ยนไว้
จากดีกลับมีแต่ ความชั่ว มากเฮย
ประพฤติแล้วยิ่งไร้ สติตั้งพลั้งพาล
๏ อดีตกาลผ่านแล้ว หลายพัน ปีมา
ตราบชั่วปัจจุบัน บัดนี้
ศีลห้ามุ่งชี้พลัน ดียิ่ง
ทุกท่านนั้นปราศฯ ลี้ เรื่องร้ายรุกรุม
๏ ชื่นชุ่มชีวาตม์พ้น ทุกข์ภัย
โทษผิดเรื่องใดใด ปราศฯ สิ้น
มีแต่สุขผ่องใส ตราบชั่ว กาลนา
หมดห่วงเรื่องด่วนดิ้น เกราะป้องกันตัว
๏ เป็นดั่งรั้วร่ายล้อม เรียงราย
พบแต่สุขสบาย ชีพยั้ง
อัศจรรย์ยิ่งเยือนกราย ทุกท่าน
มีสติที่ตั้ง ต่อต้านอธรรมครอง
..................................... (68. พิเชฐ).....................................
69. นิวัฒน์
เมืองไทยคือสวรรค์ของชาวโลก (69. นิวัฒน์)
๏ กรุงเทพบรรเจิดแพร้ว ตระการ
วัดโบสถ์วังวิหาร แจ่มฟ้า
กำแพงป้อมค่ายละลาน งามยิ่ง พิศแล
รัตนโกสินทร์เลิศหล้า เทพไท้ประทาน
๏ สานวัฒนธรรมมากล้ำ ประเพณี
เยี่ยงอย่างไว้ศักดิ์ศรี แว่นแคว้น
เอกลักษณ์ชาติมากมี ยอดเยี่ยม นักเฮย
เมืองพระพุทธเปรียบแม้น แหล่งน้ำร่มเย็น
๏ พระทรงเป็นเทพเจ้า ชาวสยาม
ต้นแบบความดีงาม เพียบพร้อม
ทรงค้นคิดนิยาม เศรษฐกิจ พอเพียง
ทวยราษฎร์สักการน้อม แซ่ซ้องสดุดี
๏ มีแหล่งธรรมชาติต้อง ติดตา
ใครใคร่ยลอยากมา ค่ำเช้า
ทะเลป่ายากหา เทียมเทียบ ได้แฮ
งามดั่งแก้วนพเก้า ส่องพื้นปฐพี
๏ ยิ้มแย้มนี้ชื่นหน้า สุขจิต
ระรื่นจูงใจมิตร เกลือกใกล้
ชนต่างชาติชอบติด ยกย่อง ยิ้มนา
ประจักษ์ไมตรีนั่นไซร้ เยี่ยมแท้ชาวไทย
๏ ที่ใดในโลกนี้ ผืนดิน ไม่เท่านา
แม้แต่เทพธรนินทร์ ยกให้
แหล่งมั่งคั่งทรัพย์สิน สูงส่ง
รู้รักพิทักษ์ไว้ ตราบสิ้นจักรวาล
..................................... (69. นิวัฒน์).....................................
70. นิวัฒน์
นิสัยแบบไทยไทย (ทึ่ง) (70. นิวัฒน์)
๏ คลั่งไคล้ของนอกให้ งงงวย
หลงหนุ่มติดสาวสวย ต่างด้าว
เกาหลีญี่ปุ่นหน้าหมวย ชมชอบ มากนา
คนชาติเดียวรวดร้าว ไม่ปลื้มเมียงมอง
๏ จับจ้องจองล่วงหน้า มากมาย แพนด้าเฮย
หมายมั่นชมเช้าสาย มิเว้น
จัดที่อยู่สุขสบาย ร่มรื่น
เห็นเพื่อนไทยวิ่งเต้น เดือดร้อนไม่แล
๏ แซ่ซ้องเสียงเล่าอ้าง เลื่องลือ
ฟังเชื่อตามนับถือ ซาบซึ้ง
ตีเป็นเลขเจ้ามือ กินเรียบ หมดเฮย
ใครทัดทานหน้าบึ้ง ด่าก้องฉุนเฉียว
๏ กลมเกลียวยกพวกพ้อง โรมรัน
สีต่างมุ่งฆ่าฟัน ต่อสู้
ทั้งที่ประเทศเดียวกัน แบ่งแยก
เมืองพินาศแล้วจึ่งกู้ รับรู้ปรองดอง
๏ ฉลองตำแหน่งดื่มเหล้า ไชโย
โดนไล่ออกกอดโซ หมดแก้ว
ทะเลาะชกต่อยโมโห ขาดสติ สุราเฮย
ไม่ว่างหยุดคลาดแคล้ว ทุกมื้อมึนเมา
๏ คิดเอาเชื่อพระเจ้า เข้าทรง
ทำสิ่งใดลุ่มหลง กราบไหว้
ติดยึดมุ่งมั่นคง ทุกเรื่อง หมอดูนา
เมื่อไหร่รู้คิดได้ พึ่งใช้ปัญญา
..................................... (70. นิวัฒน์).....................................
71. นิวัฒน์
ทึ่ง (71. นิวัฒน์)
๏ สุดคาดคิดเกิดขึ้น ได้เห็น พบเฮย
มิน่าเชื่อจะเป็น เยี่ยงนี้
แตกแยกทุกเช้าเย็น เข่นฆ่า กันแฮ
แบ่งพวกล่าปล้นจี้ ใส่ร้ายรุนแรง
๏ แสดงบทบาทลึกซึ้ง ถึงอารมณ์
หลอกล่อลวงผู้ชม เชื่อได้
โจมตีกล่าวทับถม เล่ห์เหลี่ยม
ทุ่มเพราะต้องการให้ เปลี่ยนข้างขึ้นมา
๏ เรียกหานำเพื่อนบ้าน ใกล้เคียง
เกิดเรื่องเป็นปากเสียง ใส่ไคล้
อ้างกระทบแดนเพียง เพื่อประโยชน์ ตนนา
น่าอัศจรรย์สาวไส้ มุ่งร้ายแผ่นดิน
๏ เฝ้าถวิลมองจับจ้อง ทำลาย
แม้ชาติพังเสียหาย ไม่เว้น
ทรยศถิ่นเกิดกาย คิดคด
โยงชักใยซ่อนเร้น เก่งกล้าเหนือใคร
๏ อดีตแหล่งใดสุขล้ำ เท่าสยาม
ศิลป์ศาสตร์เลื่องลือนาม ทั่วหล้า
รอยยิ้มช่างงดงาม หยิบยื่น กันแฮ
พลิกเปลี่ยนรบร้องท้า ทุกข์ทั้งปฐพี
๏ บ้านเมืองนี้แบ่งขั้ว หลายสี แปลกเฮย
ประเทศอื่นนั้นไม่มี ต่างสิ้น
ยกพวกไล่ย่ำยี แยกภาค กันแฮ
เศรษฐกิจพังด่าวดิ้น ต่อสู้กันเอง
๏ ช่างครื้นเครงเลิศแล้ว ที่ทำ
ก่อเรื่องร้ายสุดระยำ ป่นปี้
อวดอ้างยกกล่าวนำ ชมชื่น ผลงานเฮย
ไม่อับอายหลบลี้ ทึ่งแท้จำนน
..................................... (71. นิวัฒน์).....................................
72. นิวัฒน์
เศรษฐกิจพอเพียงทางรอดของมนุษย์ชาติ (72. นิวัฒน์)
๏ ทรงการุญปกเกล้า ราษฎร
พ่อห่วงเอื้ออาทร ทั่วหล้า
ค้ำจุนดุจสิงขร ยิ่งใหญ่
เหล่าพสกสุขทั่วฟ้า จากน้ำพระทัย
๏ ทฤษฎีใหม่เลิศล้ำ งดงาม
ช่วยหล่อเลี้ยงชาวสยาม สุขแท้
ดั่งเทพอวตารราม ขจัดทุกข์ ภัยแฮ
เศรษฐกิจพอเพียงแก้ วิกฤติกู้ดำรง
๏ มุ่งประสงค์นอบน้อม นำปรัชญา พ่อหลวงแฮ
ทูนเทิดยิ่งศรัทธา ถูกต้อง
รู้กินเก็บนำพา ชีวิต รุ่งเรืองนา
ช่างมั่นคงสอดคล้อง เรื่องร้ายหายไป
๏ เรื่องใดใดสำเร็จได้ ทุกประเด็น
ก้าวผ่านภัยทุกข์เข็ญ ล่วงพ้น
เพียงพอทุกเช้าเย็น ท่องบ่น
เริ่มปฏิบัติตั้งต้น แน่แล้วสุขสันต์
๏ อันมวลมนุษย์นั้น ทั้งหลาย
ความโลภสิ่งทำลาย หมดสิ้น
ฟุ้งเฟ้อคิดสุขสบาย เป็นหลัก
แย่งสูบเลือดดั่งริ้น ปรับด้วยเพียงพอ
๏ ไม่รั้งรอรีบใช้ อยู่รอด
ทั้งโลกสุขสงบปลอด เดือดร้อน
ธรรมชาติอุดมตลอด เคียงคู่ มนุษย์นา
หากมุ่งแต่ยอกย้อน มอดม้วยทั้งโลกา
..................................... (72. นิวัฒน์).....................................
73. นิวัฒน์
ปลวกสร้างรังได้ดุจดั่งภูเขา (73. นิวัฒน์)
๏ ปลวกตัวนั้นเล็กน้อย นิดเดียว
อยู่ร่วมอย่างกลมเกลียว แน่นแฟ้น
รู้หน้าที่นักเชียว ยอดเยี่ยม จริงนา
ใช่ครุ่นคิดเคียดแค้น ไล่ล้างเผ่าพันธุ์
๏ แต่ละวันต่อสู้ อุปสรรค
ขยันอดทนยิ่งนัก ไม่ท้อ
เต็มที่ตลอดมิพัก ยอมหยุด
เรื่องคดโกงโฉดฉ้อ ห่างสิ้นสุดแสน
๏ เฝ้าหวงแหนปกป้อง ระวัง
รู้เร่งสร้างเพิงรัง นั่นไว้
ทุ่มทุกที่ดุจดัง เครื่องจักร กลนา
งานสลักฝากโลกได้ ชื่นชี้ชวนชม
๏ โคลนตมเพื่อเก็บสร้าง อนุสรณ์
รวมใหญ่เท่าสิงขร มากล้ำ
ควรยกดั่งอุทาหรณ์ มุ่งคิด ไว้แฮ
ขยันหมั่นทำซ้ำซ้ำ สิ่งนี้งดงาม
๏ ยามทอท้อโศกเศร้า ซึมเซา
มองปลวกไม่ยอมเฉา พ่ายแพ้
เพื่อภารกิจมุ่งเอา หน้าที่ ก่อนนา
อุปสรรคมีไว้แก้ ถูกแล้วหนทาง
๏ สร้างสรรค์สืบคู่หล้า อัศจรรย์
หาสิ่งวัดเทียบกัน ยากแท้
มวลหมู่มนุษย์หมื่นพัน ไม่เท่า ปลวกเฮย
ยากยิ่งสำเร็จแม้ ขาดไร้สามัคคี
..................................... (73. นิวัฒน์).....................................
74. นิวัฒน์
คิดอย่างไรที่ทำร้ายแผ่นดิน (74. นิวัฒน์)
๏ แสงสีทองส่องฟ้า ประกายงาม
ความสงบกลับคืนตาม ถิ่นนี้
นักท่องเที่ยวถึงยาม เยือยย่ำ มาเฮย
ต่างชาติที่เลี่ยงลี้ มุ่งเข้าดินแดน
๏ ความแร้นแค้นมอดไหม้ หายไป
กระชากฉุดกลับทำไม ไม่รู้
เศรษฐกิจเริ่มสดใส เข้าที่ ขยายแฮ
ระเบิดป่วนต้องวิ่งกู้ สุดสิ้นหนทาง
๏ วางแผนการคิดล้าง ทำลาย ชาติเฮย
เพียงเพื่อประโยชน์กาย เท่านั้น
จัดสร้างเหตุวอดวาย ทุกที่
ช่างชั่วร้ายดื้อรั้น โหดเหี้ยมสุดทน
๏ ดึงมวลชนเร่งป้าย ใส่ความ ผิดแฮ
ขุดเรื่องเก่าประณาม แต่งแต้ม
มุ่งลวงล่อลุกลาม คืนสู่ แตกแยกนา
เห็นภาพหน้ายิ้มแย้ม เล่ห์ร้ายเหนือใคร
๏ ไทยเสียเอกราชแพ้ ข้าศึก
ควรครุ่นคิดตรองตรึก ลึกซึ้ง
เกิดทรยศย้ำนึก เมืองพินาศ ล่มเฮย
ยังเจ็บในก้นบึ้ง รวดร้าวระทม
๏ หากเมืองล่มช่วยกู้ ร่วมมือ
เรื่องผ่านมาไม่ถือ ถูกต้อง
ประสานร่วมหารือ ทุกฝ่าย ทุกสีเฮย
แม้นเกิดได้สอดคล้อง ทึ่งแท้ที่มี
๏ แค่สีต่างเล็กน้อย นิดเดียว
เยี่ยงอย่างมดกลมเกลียว พี่น้อง
ยอมสละทุกตัวเชียว ป้องปก รักแฮ
เสียชีพเพื่อพวกพ้อง เลิศล้ำอัศจรรย์
..................................... (74. นิวัฒน์).....................................