*****ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น (กาพย์ยานี 11) : หัวข้อ “เยาว์”*****
(รวม 18 ชิ้น)
1. (คนธรรพ์)
ปณิธานเยาวกวี (1. คนธรรพ์)
๏ ปณิธานสานดวงจินต์ ให้ถวิลมิรู้วาย
เก้าสิ่งที่มุ่งหมาย โปรดสำเร็จดังประสงค์
๏ หนึ่งฉันทลักษณ์มี คู่วิถีชี้เที่ยงตรง
ดุจจันทร์อันสูงส่ง ชนเชยชมว่างดงาม
๏ สิ่งสองครรลองไทย จรรโลงใจทุกเขตคาม
ร้อยกรองส่องอร่าม ดั่งรพีที่ทอแสง
๏ สามขอเป็นดวงตา ชาวประชาอย่ากริ่งแกรง
เพื่อยลธรรมแจ่มแจ้ง ได้รู้ชัดขจัดมัวเมา
๏ สี่ขอเป็นกมล หยุดฉ้อฉลไฟแผดเผา
ศีลจักช่วยขัดเกลา ผ่อนความทุกข์เกิดสุขครอง
๏ ห้าขอเป็นหัตถา เพื่อชีวาที่ถูกต้อง
ทำด้วยมือทั้งสอง สุจริตจิตจำนง
๏ หกขอเป็นต้นไม้ สูงไสวแลมั่นคง
กิ่งก้านแผ่ยรรยง เพื่อสรรพสัตว์ได้อาศัย
๏ เจ็ดขอเป็นสายน้ำ ชำระกายคนทุกวัย
เพื่อปราศซึ่งโรคภัย บันดาลให้เกษมศานติ์
๏ แปดขอเป็นสิงขร เพื่อบั่นทอนเกลศมาร
ด้วยใจที่ห้าวหาญ จิตหนักแน่นมิหวั่นไหว
๏ เก้าขอพบนิพพาน กาลยั่งยืนและยาวไกล
มรรคผลทางวิไล หวังพ้นทุกข์สุขนิรันดร์
..................................... (1. คนธรรพ์)......................................
2. กฤติยา
ดอกไม้วัยเยาว์ (2. กฤติยา)
๏ ผสมกลมกลืนก้าน เพลงสายธารพันธุ์พฤกษา
ถักทอก่อเกิดมา เป็นตูมดอกค่อยงอกเงย
๏ กลีบเลี้ยงพร่ำเสียงบอก จะช้ำชอกหากเจ้าเผย
อย่าเพิ่งโผล่มาเลย อยู่ในนั้นนั่นแหละดี
๏ ข้างนอกละลอกลม จะคร้ามข่มเจ้าเต็มที่
แมลงและธุลี จะเกาะกลีบที่ลีบบาง
๏ คดคู้อยู่ข้างใน ร้อนอบไปอาจมีบ้าง
แต่นี่คือหนทาง ช่วยเจ้ารอดปลอดพ้นภัย
๏ รอถึงวันเวลา กลีบเจ้ากล้าต้านลมได้
จะแย้มแง้มเปิดไป ให้เจ้าเยี่ยมเหลี่ยมโลกา
๏ ดอกไม้วัยเยาว์เอ๋ย ที่พร่ำเอ่ยจำไว้หนา
รอคอยวันเวลา คราเติบใหญ่เป็นไม้งาม
..................................... (2. กฤติยา)......................................
3. ภาณุพงศ์
ทางใหม่วัยเยาว์ (3. ภาณุพงศ์)
๏ วัยเยาว์ยังเขลาอยู่ ฟังคำครูท่านพร่ำสอน
เด็กดีต้องว่านอน- สอนง่ายไว้ให้คนชม
๏ ขยันหมั่นออมอด เที่ยวเตร่งดแหละเหมาะสม
หลายแห่งแหล่งเริงรมย์ ทางชั่วช้าอย่าเฉียดกราย
๏ หนังสือคือสินทรัพย์ ช่วยเคลื่อนขับสู่จุดหมาย
ยึดถือคือเพื่อนตาย โตเติบใหญ่ไม่คลอนแคลน
๏ วิชาเขาว่านับ เหมือนมีทรัพย์อยู่นับแสน
ดุจหลักปักเป็นแกน ก่อเส้นร่างทางชีวา
๏ รู้บุญคุณพ่อแม่ เลี้ยงยามแก่เจ็บรักษา
รักชาติเช่นอัตตา ชีพเซ่นสิ้นแผ่นดินงาม
๏ ยึดมั่นพุทธศาสน์ อีก ธ ราชปิ่นสยาม
ดำริริติดตาม ก้าวตามองค์ทรงจักรี
๏ ทางใหม่ของวัยเยาว์ เดินตามเข้าจะสุขี
หนทางสว่างมี ก้าวมาซิ...ไปพร้อมกัน
..................................... (3. ภาณุพงศ์)......................................
4. สาวิตรี
น้ำตาคราเยาว์ (4. สาวิตรี)
๏ โยเยเฮลั่นบ้าน แมวทำจานกระเบื้องหล่น
ร้องไห้หอบเสียจน สะอื้นฮักบนตักยาย
๏ หมาตายคล้ายทำนบ เขื่อนประสบเหตุเลวร้าย
น้ำตาพังทลาย จนชุ่มหมอนนอนระทม
๏ พี่หยอก...บอกเพราะรัก ไม่ตระหนัก...ฉันขื่นขม
ร้องไห้ตาระบม ร้อนพี่ง้อขอคืนดี
๏ ไม่ได้ของดั่งใจ ร้องเข้าไปให้เต็มที่
ซื้อให้เสียดีดี ไม่เช่นนั้นฉันจะ “แง”
๏ ขัดใจไหลไว้ก่อน เหนื่อยแล้วนอนคือทางแก้
เป็นมาถึงคราแปร ก็ตอนเปลี่ยนเลื่อนชั้นวัย
๏ เจ้านายปรายตาดุ ไฟอกคุ...ทนได้ไหม
ใจบอกอดทนไป ทั้งในใจน้ำตานอง
๏ แฟนมาทำท่าหนี ดูท่าทีจะมีสอง
ข้างในน้ำตานอง หม่นเศร้าหมองก็ยิ้มเอา
๏ งานด้อยน้อยหน้าเพื่อน เขาย้ำเตือนถากถางเข้า
เจ็บแปลบแสบทรวงเรา แต่ทนเอา ทน ทน ทน
๏ น้ำตามาทุกเมื่อ มันจุนเจือทุกแห่งหน
ไพร่ มี ผู้ดี จน มันไม่สน...เสมอกัน
๏ ยามเด็กไม่สมใจ ก็ร้องไปไม่อัดอั้น
ก้าวข้าววัยเยาว์พลัน ร้องเหมือนกัน...ร้องในใจ
..................................... (4. สาวิตรี)......................................
5. ธีมาพร
ฟองฝันวันเยาว์ (5. ธีมาพร)
๏ พราวพลอยลอยหล่นหาย แตกกำจายในนภา
ร้อนแสงสุริยา แรงลมเป่าเจ้าจึงปลิว
๏ ลอยไปไขว่ควะคว้าง สุดอ้างว้างยามลมหวิว
ผ่านเมฆบรรพตทิว เรี่ยลงหญ้าคราลมเมิน
๏ ฟองเอ๋ยฟองสบู่ หากไม่ดูเพียงผิวเผิน
แง่คิดพิศชวนเพลิน เช่นฟองฝันในวันเยาว์
๏ แพรวพราววาวระยับ ไขว่คว้าจับอย่างโง่เขลา
ได้คืนแค่เงื้อมเงา หยาดน้ำหยดหมดราคา
๏ ฝันไว้ใกล้โรจน์รุ่ง ไม่พยุงกายไขว่คว้า
การเรียนไม่นำพา ฝันที่เฝ้าเจ้าจึงเลือน
๏ ฝันไปไร้ฐานรับ จึงจางดับเสมอเหมือน
สบู่ฟู่ฟองเตือน อุทาหรณ์สอนวัยเยาว์
๏ หยุดเล่นฟองสบู่ เถิดเจ้าหนูผู้โง่เขลา
อ่อนแอแลบางเบา ย่อมแตกหายคล้ายคลึงกัน
๏ สร้างฐานไว้สักนิด พร้อมกับคิดใฝ่และฝัน
ก้าวไปพร้อมพร้อมกัน ที่วาดฝันไม่ไกลเลย
..................................... (5. ธีมาพร)......................................
6. สาวิตรี
รอยฝันวันเยาว์ (6. สาวิตรี)
๏ เมฆขาวพราวพร่างฟ้า ลมพัดมาเป็นกระต่าย
อาทิตย์เปล่งประกาย คล้ายกระต่ายสวมสังวาล
๏ ลมแรงกำแหงเข้า ก่อรูปเงาคชสาร
กลายร่างเป็นขอทาน ขุนกษัตริย์ผลัดเปลี่ยนไป
๏ นางฟ้าพญายักษ์ เป็นปฏักแลคันไถ
ลมเรี่ยเขี่ยเขียนไป ตามแต่ใจจะจินต์ตาม
๏ สร้างบ้านหลังใหญ่ใหญ่ เรียงรายไปหนึ่งสองสาม
ก่อเก๋งกระบะงาม เขียนคนขับคำนับรอ
๏ คนใช้ให้มีพร้อม คอยวิ่งตอมตามคำขอ
ยังหรอกยังไม่พอ ขอสระน้ำสำราญรมย์
๏ สนามหญ้าอาณากว้าง มีแนวทางวางเหมาะสม
เพ้อไปตามแรงลม วานก้อนเมฆเสกให้เรา
๏ ฝันใฝ่ในวัยเด็ก เมฆปั้นเสกตามความเขลา
นึกคิดจิตจินต์เอา ทุกอย่างง่ายดั่งใจปอง
๏ ทุกสิ่งเคยฝันใฝ่ วันนี้ไซร้เป็นเจ้าของ
บ้านรถมีครอบครอง ไม่เป็นสองรองจากใคร
๏ สระน้ำตามใจวาด ก็บังอาจหามาได้
แต่สิ่งที่ขาดไป คือหัวใจของวัยเยาว์
๏ ที่เก่า...เรามองเมฆ ไม่อาจเสกดั่งใจเฝ้า
รอยฝันในวันเยาว์ เพียงเรื่องเก่าเล่าให้ฟัง
..................................... (6. สาวิตรี)......................................
7. จิรภิญญา
สีสันวันเยาว์ (7. จิรภิญญา)
๏ เตาะแตะจนตึงเต่ง ห้วงบทเพลงของวัยเยาว์
ผ้าขาวนี้ซับเอา สีสันแต้มแง้มลวดลาย
๏ ชมพูพู่กันแต้ม ดอกไม้แย้มบานหลากหลาย
กลิ่นอ่อนกำจรจาย ภู่ผึ้งไซ้ไต่ดอมดม
๏ สีส้มนิยมชอบ เจ้าแอบลอบลักผสม
เกลี่ยไว้ให้กลืนกลม ค่อนเพาะบ่มความร้อนแรง
๏ สีแดงแต่งลายเส้น บรรจงเน้นเป็นเส้นแสง
สีเทาเอามาแซง แทรกปนแต่งให้เป็นเงา
๏ สีทองผ่องระยับ ดูวิบวับไม่อายเขา
เจือไว้ให้บางเบา พอคละเคล้าให้ดูดี
๏ อายุเจ้ายังน้อย แต่ด่างพร้อยร้อยหลากสี
มารู้ตัวอีกที ก็เปรอะสีเปื้อนคราบไคล
๏ ใจหนึ่งอยากลบออก ใครเล่าบอกว่าลบได้
ยิ่งลบยิ่งเลอะไป สีหลั่งไหลมารวมกัน
๏ คลั่งขุ่นดูวุ่นแท้ สีสวยแปรมาเปลี่ยนผัน
เป็นสีดำดุดัน มืดหม่นเศร้าเคล้าระทม
๏ อยากย้อยเวลาไป เป็นสีใหม่ก่อนผสม
แต่ผ้าที่เลอะตม ซักรอยเปื้อนไม่เหมือนเดิม
๏ หญิงชายคล้ายผืนผ้า ขาวพราวตาหาสีเสริม
อยากกลับเป็นสีเดิม ผ้าก็เปื่อยเลยเวลา
..................................... (7. จิรภิญญา)......................................
8. (เด็กหญิงกิ่งฟ้า)
ผู้ใหญ่สอนวัยเยาว์ (8. เด็กหญิงกิ่งฟ้า)
๏ เคยยินท่านผู้เฒ่า สอนว่าเรายังเยาว์วัย
จึงควรจะตั้งใจ เร่งอ่านเขียนเรียนวิชา
๏ เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ เราจะได้เก่งก้าวหน้า
ไม่ลำบากกายา เหมือนปู่ย่าท่านเคยทำ
๏ สั่งสอนระเบียบวินัย มีน้ำใจจงหมั่นจำ
สุภาพทั้งถ้อยคำ กิริยามารยาทดี
๏ สิ่งนี้สำคัญนัก คือความรักสามัคคี
กตัญญูกตเวที และซื่อสัตย์ทุกเวลา
๏ ผู้เฒ่าคอยเน้นย้ำ คุณธรรมนำชีวา
เรามีสติปัญญา ใช้ให้ถูกคุณอนันต์
๏ เด็กเด็กอย่างเรานี้ เร่งทำดีทุกทุกวัน
โตเป็นผู้ใหญ่นั้น เป็นกำลังประเทศไทย
๏ เราขอมั่นสัญญา จะพัฒนาชาติก้าวไกล
ตอบแทนแผ่นดินไว้ ด้วยดวงใจกตัญญู
๏ ขอบคุณคำสอนสั่ง ที่มุ่งหวังให้ความรู้
ผู้ใหญ่นั้นคือครู สอนเด็กเราอย่างตั้งใจ
๏ ชีวิตมีคุณค่า เมื่อเกิดมาต้องเติบใหญ่
เราควรจำไว้ใช้ คำสอนสั่งสิ่งดีดี
..................................... (8. เด็กหญิงกิ่งฟ้า) ......................................
9. อัจราพรรณ
เยาว์ (9. อัจราพรรณ)
๏ เมื่อเรายังเป็นเด็ก ตัวเล็กเล็กตาดำดำ
วาจาสื่อสารคำ คอยจดจำคำพ่อแม่
๏ เปรียบเราดั่งผ้าขาว นำเรื่องราวในดวงแด
สังคมมันผันแปร คอยดูแลให้ได้ดี
๏ เมื่อถึงคราเยาว์วัย มีน้ำใจและหน้าที่
พูดจามีพาที ทำให้มีคนเอ็นดู
๏ เมื่อถึงคราวัยเยาว์ มิทุเลาเรื่องปัญหา
นถิ สมา อาภา มีวิชาใช้นำทาง
๏ ยังเยาว์แลเยาว์วัย ต้องมีใจคิดแตกต่าง
แต่มิคิดแยกทาง มีแยกร้างทางหัวใจ
๏ เด็กไทยแสนฉลาด เป็นนักปราชญ์นำชาติใหญ่
พาชาติให้เกรียงไกร รักกันไว้เป็นอาจิณ
๏ มิเขลาเบาปัญญา - และกล้าหาญเรียนรู้สิ้น
ทำดีเป็นอาจิณ บนแผ่นดินถิ่นขวานทอง
๏ เรายังมีความฝัน มิพัวพันสิ่งมัวหมอง
ทำดีมีครรลอง ชั่วทั้งผองขอลาไกล
๏ เด็กไทยนั้นฉลาด ประเทศชาติจะยิ่งใหญ่
เลิกยุ่งอบายไซร้ ชาติจะได้ไม่หมองมัว
๏ ถึงเด็กถึงยังเยาว์ แต่พวกเรามิทำชั่ว
บาปกรรมซ้ำเกรงกลัว เด็กรุ่นใหม่ใฝ่ทำดี .
..................................... (9. อัจราพรรณ) ......................................
10. ไอรดา
เยาว์ (10. ไอรดา)
๏ เจ้ายังเด็กเล็กอยู่ อย่าสอดรู้เรื่องผู้ใหญ่
พากเพียรเรียนเถิดไป จงตั้งใจใฝ่ปัญญา
๏ ไม่ใช่เรื่องของเด็ก เจ้ายังเล็กไม่ใคร่หา
ต่อไปใช้วิชา แลกเงินตราหาเลี้ยงตน
๏ ความคิดจิตผู้ใหญ่ บ่เข้าใจในสักหน
ความคิดจิตกุศล เราสู้ทนฝนความรู้
๏ ผู้ใหญ่ใช้ใจฟัง เพื่อพลาดพลั้งยั้งอดสู
เด็กใจยังใฝ่สู้ น่าเชิดชูน่าชื่นชม
๏ เด็กไทยใฝ่ความดี ไม่ย่ำยีศรีสุขสม
แม้เยาว์เบาไม่ตรม ไมขื่นข่มถมทุกข์สิ้น
๏ รู้คิดจิตไตร่ตรอง ไม่คิดจองครองแดนดิน
เด็กไม่ได้โกงกิน โกงทรัพย์สินถิ่นแดนทอง
..................................... (10. ไอรดา) ......................................
11. ศิลาศักดิ์
เยาว์ (11. ศิลาศักดิ์)
๏ ขยันเรียนเพียรรู้ ขยันสู้การศึกษา
ขยันเปิดตำรา ขยันมาตั้งใจเรียน
๏ เพื่อแลกซึ่งปัญญา ด้วยวิชาพาอ่านเขียน
นานวันผันแปรเปลี่ยน แต่ความรู้อยู่กับเรา
๏ ทรัพย์สินของนอกกาย วันสลายกายไร้เงา
ทรัพย์สินอยู่นานเนา แต่กายเราคงมลาย
๏ วัยเล็กเด็กหนุ่มสาว เปรียบดั่งดาวที่เฉิดฉาย
ส่งแสงเปล่งประกาย ให้กระจายทั่วนภา
๏ คงใหญ่ในนานวัน เติบโตพลันในวันหน้า
อนาคตสดโสภา ด้วยวิชาปัญญาตน
๏ อย่าเผลอเดินทางผิด ด้วยเพราะจิตคิดสับสน
ชีวิตคงทุกข์ทน แสนมืดมนจนความดี
๏ ตั้งหน้าตั้งตาเรียน จงหมั่นเพียรเพื่อศักดิ์ศรี
บากบั่นสรรค์สิ่งดี เรื่องอัปรีย์ไม่มาหา
๏ ความฝันจะเป็นจริง ด้วยเพราะสิ่งที่ทำมา
นำตนจนถึงครา วันเวลาที่รอคอย
..................................... (11. ศิลาศักดิ์) ......................................
(12. ศิลาศักดิ์ แก้ไขครั้งที่ 1)
เยาว์ (12. ศิลาศักดิ์ แก้ไขครั้งที่ 1)
๏ ขยันเรียนเพียรรู้ ขยันสู้การศึกษา
ขยันเปิดตำรา ขยันมาตั้งใจเรียน
๏ เพื่อแลกซึ่งปัญญา ด้วยวิชาพาอ่านเขียน
นานวันผันแปรเปลี่ยน แต่ความรู้อยู่กับเรา
๏ ทรัพย์สินของนอกกาย วันสลายกายไร้เงา
ทรัพย์สินอยู่นานเนา แต่กายเราคงมลาย
๏ วัยเล็กเด็กหนุ่มสาว เปรียบดั่งดาวที่เฉิดฉาย
ส่งแสงเปล่งประกาย ให้กระจายทั่วนภา
๏ คงใหญ่ในนานวัน เติบโตพลันในวันหน้า
อนาคตสดโสภา ด้วยวิชาปัญญาตน
๏ อย่าเผลอเดินทางผิด ด้วยเพราะจิตคิดสับสน
ชีวิตคงทุกข์ทน แสนมืดมนจนความดี
๏ ตั้งหน้าตั้งตาเรียน จงหมั่นเพียรเพื่อศักดิ์ศรี
บากบั่นหันหน้าหนี เรื่องอัปรีย์ไม่มาหา
๏ ความฝันจะเป็นจริง ด้วยเพราะสิ่งที่ทำมา
นำตนจนถึงครา วันเวลาที่รอคอย
..................................... (12. ศิลาศักดิ์ แก้ไขครั้งที่ 1) ......................................
13.มาลิษา
เยาว์ (13. มาลิษา)
๏ คิดถึงครั้งยังเยาว์ พาใจเศร้าอกระทม
กมลก็ขื่นขม ต้องตรอมตรมช้ำฤทัย
๏ ตั้งแต่แรกเกิดมา มีบิดาคอยเอาใจ
มารดาป้อนข้าวให้ โอบกอดไว้มิให้ทุกข์
๏ ลูกน้อยเพียงห้าปี ถึงวันนี้ลูกหมดสุข
แม่จากเหมือนติดคุก เฝ้าคอยปลุกหวังแม่ตื่น
๏ แม่สิ้นเพราะโรคร้าย แม่ดับหายไม่มีฟื้น
ครอบครัวยังขมขื่น ต้องกล้ำกลืนหยดน้ำตา
๏ เมื่อแม่สิ้นจากไป พ่อผู้ให้ก็จากลา
หนีหายไม่เห็นหน้า ไม่กลับมาหาลูกบ้าง
๏ ทิ้งลูกอยู่กัยยาย จึงขาดหายผู้นำทาง
ยังขาดผู้คอยสร้าง และผู้ร่างครรลองไกล
๏ ชีวิตแสนลำบาก ช่างแสนยากก็ผ่านไป
วันนี้ลูกเติบใหญ่ หาเงินได้มาเลี้ยงยาย
..................................... (13. มาลิษา) ......................................
14. (ซุปเปอร์)
เสียงร้องของเด็กทารก (14. ซุปเปอร์)
๑
๏ อุแว้ ! แม่อยู่ไหน หนูร้องไห้อยู่ในป่า
โดดเดี่ยวเปลี่ยวกายา น้ำตานองเต็มห้องใจ
๏ ชีวิตอนิจจัง แสนทุกขังสังขารใหม่
หนูทำกรรมอะไร จึงได้รับกับผลกรรม
๏ เจ็บท้อทรมาน นอนดงดานในกาลค่ำ
มืดมิดจิตระส่ำ กำสรวลเศร้ากำสรดทรวง
๏ เวลาฟ้ารุ่งสาง เหลือเพียงร่างมล้างล่วง
ชีวินสิ้นแดดวง สู่สรวงชั้นนิรันดร
๒
๏ ประกาศพาดหัวข่าว ถึงเรื่องราวอุทาหรณ์
ทารกผู้ม้วยมรณ์ นอนอนาถขาดลมปราณ
๏ มวลชนก่นประณาม แม่ใจทรามแม่ใจมาร
ทิ้งลูกผู้น่าสงสาร ประจารทั่วชั่วกัปกัลป์
๓
๏ เตือนใจให้ข้อคิด ทุกชีวิตล้วนสำคัญ
โปรดอย่าฆ่าชีวัน มหันต์โทษโหดทารุณ
๏ ลูกน้อยกลอยใจแม่ หวังเพียงแต่ความอบอุ่น
จากแม่ผู้เจือจุน เป็นบุญหัวติดตัวตน
๏ จงเลี้ยงลูกด้วยใจ ส่งเสริมให้ใฝ่กุศล
เติบโตเป็นเยาวชน เป็นคนกล้าพัฒนาเมือง
..................................... (14. ซุปเปอร์)......................................
15.ธวัชชัย
เยาว์ (15. ธวัชชัย)
๏ เมื่อพ้นจากท้องแม่ ต้องดูแลในชีวา
เจริญเติบโตมา พึงจดจารความเป็นจริง
๏ ผู้ใหญ่ได้สั่งสอน ย้ำสังวรคุณค่ายิ่ง
เรียนรู้สู่ทุกสิ่ง เพื่อชีวีที่มั่นคง
๏ การใดทำไม่ผิด สร้างความคิดที่ประสงค์
ชีวันนั้นธำรง เดินทางผิดอย่างแฝงภัย
๏ เด็กไม่พูดโกหก จึงหยิบยกมาอ้างได้
ทำผิดคิดเรื่อยไป เป็นผู้ใหญ่จึงไม่ดี
๏ สั่งสมแต่ความผิด ก่อวิกฤตจิตหมองศรี
หนทางสร้างชีวี ต้องจบลงคงผิดทาง
๏ หากคิดกลับตัวแล้ว จักเพริศแพร้วธรรมกระจ่าง
ความชั่วอาจเลือนราง สร้างความดีสู่ชีวัน
๏ เยาว์วัยได้ตรึกตรอง ตอบสนองครองสุขสันต์
ความดีสารพัน ควรกระทำย้ำวันวาร
๏ เด็กน้อยจึงคิดได้ ความผิดใดไม่สืบสาน
ความดีที่จดจาร เคลื่อนความเขลาพ้นเยาว์วัย
..................................... (15. ธวัชชัย)......................................
16. ธวัชชัย
เยาว์ (16. ธวัชชัย)
๏ คือแสงแห่งชีวิต กระจิดริดกระจ้อยร่อย
บอบบางร่างนิดน้อย ไร้เดียงสา...ตาแป๋วใส
๏ เด็กน้อย...คือวันเก่า ผู้ใหญ่เล่าคือวันใหม่
ต่างกันตรงหัวใจ ที่ทุกวัยมีคล้ายกัน
๏ รอยยิ้มประพิมพ์ภาพ ฉายรอยฉาบช่วงไฟฝัน
อุ่นฟ้าคล้ายตาวัน โอบโลกให้อุ่นไมตรี
๏ เยาว์วัยใสบริสุทธิ์ ง่ายถูกฉุดใส่ป้ายสี
ผู้ใหญ่ไร้ความดี คอยก่อกรรมชักนำพา
๏ ผ้าขาวจึงเปื้อนสี เปื้อนราคี...ไม่มีค่า
โลกหมองแล้วสองตา เห็นการฆ่าเป็นเรื่องดี
๏ ฉายภาพบาปบริสุทธิ์ ไม่มีหยุดแม้นป่นปี้
รอยด่างกลางใจนี้ คือร้าวรานของเงาคน
๏ ภาพแตกแยกเป็นเสี่ยง มิใช่เพียงความปี้ป่น
แต่เศร้าเมื่อเงาตน คือผู้ร้าย...วันสายเกิน
..................................... (16. ธวัชชัย)......................................
17. เกษมณี
เยาว์ (17. เกษมณี)
๏ วัยเยาว์วัยสุขสม น่าชื่นชมคนของชาติ
ต่างมีความสามารถ ปราศจากพิษหรือภัย
๏ วัยเยาว์เป็นวัยเรียน ควรอ่านเขียนท่องขึ้นใจ
เพียรนึกศึกษาไว้ เพื่อจะได้รู้วิชา
๏ ตระหนักรักพ่อแม่ ท่านดีแท้เกิดเรามา
ประเสริฐเลิศหนักหนา ควรวันทาตอบแทนคุณ
๏ ทำตนเป็นประโยชน์ ไม่มีโทษคนเกื้อหนุน
จิตใจใฝ่เจือจุน แสนเป็นสุขทุกข์ไม่มี
๏ พูดถ้อยคำไพเราะ ฟังเสนาะเหมาะสมดี
กิริยางามทุกที่ มีศักดิ์ศรีในสังคม
๏ เมื่อเยาว์ฝึกทำงาน จะเชี่ยวชาญคนชื่นชม
ทำดีอย่างเกลียวกลม ช่วยเหลือคนชนทั่วไป
๏ อีกทั้งฝึกครวญคิด รู้ถูกผิดแยกแยะได้
ยิ้มแย้มหน้าแจ่มใส เป็นสุขได้มีความคิด
๏ บางครั้งต้องรู้หลบ ไม่ควรคบเพื่อนทำผิด
มุ่งมั่นสร้างชีวิต ทำแต่สิ่งที่ดีงาม
๏ วัยเยาว์เป็นวัยสุข แสนสนุกทุกทุกยาม
ไกลทุกข์สุขล้นหลาม สมกับนามของผู้เยาว์
..................................... (17. เกษมณี)......................................
18. แพรวพรรณ
วัยเยาว์เล่าเรียน (18. แพรวพรรณ)
๏ วัยเอ๋ยวัยยังเยาว์ วัยที่เราต้องเล่าเรียน
ขยันทั้งอ่านเขียน เพียรฝันใฝ่ใจมั่นคง
๏ ยาม้ายาเสพติด เป็นความผิดอย่าไหลหลง
เสียชื่อเสียเผ่าพงศ์ จงหมั่นจำทำความดี
๏ รักชาติศาสน์กษัตริย์ ทั้งราษฎร์รัฐสามัคคี
น้ำใจและไมตรี มีไว้พร้อมหลอมรวมกัน
๏ วัยเยาว์เฝ้าศึกษา ภายภาคหน้าพาสุขสันต์
เดินทางตามความฝัน เพื่อชีวินไม่ภินท์พัง
๏ เยาว์วัยใฝ่เรียนรู้ เปิดประตูสู่ความหวัง
มั่นใจให้จริงจัง เรียนให้จบไม่จืดจาง
๏ เด็กเอ๋ยเด็กทั้งหลาย อย่าให้สายเกินสะสาง
ความชั่วต้องละวาง สร้างแบบอย่างเยาวชน
๏ ทำดีต้องได้ดี คือวิธีที่เห็นผล
ทุกวัยไทยทุกคน อย่าลืมคุณของแผ่นดิน
..................................... (18. แพรวพรรณ)......................................