ไปดู..การประชันกลอนสดวันภาษาไทยแห่งชาติที่ราชภัฏมหาสารคาม
รายงานวรรณกรรม / เกรียงศักดิ์ ฤทธิยงค์
29 กรกฎาคมของทุกปี ทางราชการได้กำหนดให้เป็นวันภาษาไทยแห่งชาติ โดยหน่วยงาน องค์กรทางการศึกษาและวัฒนธรรม มักมีการจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมให้ทุกคนมองเห็นคุณค่าและความสำคัญของภาษาไทยอันเป็นเอกลักษณ์ประจำชาติของเรา ซึ่งในปีนี้ มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม โดยสาขาวิชาภาษาไทย ได้จัดกิจกรรมวันภาษาไทยแห่งชาติขึ้น ณ ห้องประชุมวิญญูคุวานันท์ อาคารเฉลิมพระเกียรติชั้น 5 โดยเชิญวิทยากรสองท่านมาให้ความรู้แก่ผู้เข้าร่วมกิจกรรมคือ ภาคเช้า คุณไพวรินทร์ ขาวงาม กวีซีไรต์ บรรยายพิเศษในหัวข้อ “คุณค่าภาษาไทยในแง่วรรณศิลป์” ส่วนภาคบ่ายได้รับเกียรติจากคุณลุงสมพงษ์ พละสูรย์ หรือครูคำหมาย คนไค เจ้าของนวนิยายเรื่องครูบ้านนอก บรรยายพิเศษเรื่อง “ครูภาษาไทยในวิถีครูบ้านนอก” โดยมีกิจกรรม “การประกวดกลอนสดระดับมัธยมศึกษา” สลับกันทั้งสองช่วง และมีการแสดงของนักศึกษาวิชาเอกภาษาไทย ชั้นปีที่ 3 ทั้งภาคเช้าและบ่ายเช่นเดียวกัน เรียกว่ารายการแน่นเอี๊ยดเบียดเวลากันเลยทีเดียว
หลังจากพิธีเปิดโดย อาจารย์สมาน ศรีสะอาด รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม แล้ว นักศึกษาวิชาเอกภาษาไทยชั้นปีที่ 3 ก็แสดงการฟ้อนรำในชุด “อีสานลำเพลิน” ต่อด้วยการบรรยายของคุณไพวรินทร์ ขาวงาม จากนั้นก็ประชันกลอนสดรอบที่ 1 พอภาคบ่ายก็เริ่มด้วยการแสดงละครจากวรรณคดี ของ นักศึกษาเรียกเสียงฮาได้ตลอดต้นจนจบ ตามด้วยครูคำหมาน บรรยายแบบครูมืออาชีพ ที่ผู้ร่วมกิจกรรมได้ทั้งสาระและความบันเทิงไปในตัว เมื่อเสร็จสิ้นการบรรยาย ก็ตบท้ายด้วยการประชันกลอนสดรอบที่ 2 และ 3 การประกาศผลกลอนกระดาษ และประกาศผลการประชันกลอนสดตามลำดับ
การประชันกลอนสดของนักเรียนระดับมัธยมศึกษาครั้งนี้ ถือเป็นกิจกรรมที่ทุกคนให้ความสนใจอย่างยิ่ง โดยเฉพาะศิษย์เก่าของโรงเรียนที่เข้าร่วมแข่งขัน ซึ่งในปีนี้มีทั้งหมด 5 โรงเรียน คือ โรงเรียนบรบือ โรงเรียนวาปีปทุม โรงเรียนโกสุมวิทยาสรรพ์ จังหวัดมหาสารคาม และ โรงเรียนบัวขาว โรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ ทุกโรงเรียนจึงมีทั้งบรรดากองเชียร์ที่เป็นศิษย์เก่าและศิษย์ปัจจุบันอยู่เต็มห้องประชุม สร้างความคึกคักเป็นอย่างยิ่ง
การประกวดกลอนในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างดียิ่งจาก สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ที่มอบโล่รางวัลชนะเลิศมาเป็นเกียรติยศแก่ผู้ชนะ โดยมีท่านคณะกรรมการตัดสิน 3 ท่านคือ คุณไพวรินทร์ ขาวงาม ประธานกรรมการ อาจารย์เจริญ กุลสุวรรณ และ คุณชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต ตัวแทนจากสมาคมนักกลอนร่วมตัดสิน
กิจกรรมเริ่มจากพิธีกรทบทวนกฎกติกา โดยทำความเข้าใจเพิ่มเติมว่า การประกวดครั้งนี้แบ่งเป็น 3 รอบ แต่งคำประพันธ์ 3 ประเภทคือ กลอนสุภาพ กลอนดอกสร้อย และกลอนสักวา ในหัวข้อที่จับสลากได้ จากนั้นจึงนำคะแนนมารวมกันทั้งหมดแล้วตัดสินผล
เมื่อตัวแทนแต่ละโรงเรียนเรียกเสียงปรบมือด้วยการออกมาอ่านกลอนแนะนำโรงเรียนและสมาชิกในกลุ่มจบลง กรรมการก็ได้จับสลากประเภทคำประพันธ์ในรอบที่ 1 พร้อมหัวข้อขึ้นมา ปรากฏว่ารอบแรกนี้เป็นกลอนดอกสร้อย ในหัวข้อ “หนังสือ” ช่วงเวลาแปดนาทีที่ตัวแทนแต่ละโรงกำลังใช้สมาธิและมุ่งมั่นสรรค์คำอยู่นั้น สะกดให้บรรยากาศในห้องประชุมพลอยเงียบกริบไปด้วย ซึ่งในรอบนี้ปรากฏว่า โรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ทำคะแนนได้ดีที่สุด จากสำนวน
หนังเอ๋ยหนังสือ เจ้าเป็นสื่อเปิดประตูสู่โลกกว้าง
เป็นแสงทองแสงธรรมส่องนำทาง เป็นประทีปแจ่มกระจ่างอยู่กลางใจ
ส่องชีวิตให้มีชีวายิ่ง ส่องความจริงให้กระจ่างกลางสมัย
สื่อปัญญางอกงามและอำไพ ประดับให้มวลมนุษย์พิสุทธิ์เอย
หลังจากที่ ฉัตรสุมาลย์ ภูแต้มนิล อ่านผลงานที่สรรค์สร้างร่วมกันกับเพื่อนจบลง เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องให้กำลังใจอีกครั้ง ก่อนที่จะแยกย้ายกันไปรับประทานอาหาร และเข้ามา “ดวล” กันใหม่ในภาคบ่าย
ขณะเดินออกจากที่ประชุม มีเสียงหลายคนทีพูดทำนองทึ่งในความสามารถของน้องๆที่เข้าร่วมประกวด เพราะในเวลาแปดนาทีนั้น ไม่มีโรงเรียนใดเลยที่ทำไม่ทันเวลา ผมสังเกตเห็นว่า ตัวแทนบางโรงเรียนเดินเข้าไปทักทายกัน ทั้งที่อยู่คนละจังหวัด ผมจึงเรียนถามอาจารย์ที่มาควบคุมมา ทราบว่า น้องๆหลายคนรู้จักกันมาก่อน เพราะเคยไปเข้าค่าย “จุดประกายความใฝ่ฝัน เพาะเมล็ดพันธุ์วรรณกรรม” ของกองทุนศิลปินครูบ้านป่าสลา คุณวุฒิ ด้วยกัน
และ..วันนี้ คือเวทีและโอกาส ที่ผู้ใหญ่ได้หยิบยื่นให้น้องๆได้แตกกอต่อยอด สืบสานคุณค่าภาษาไทยต่อไป ไม่แน่..อีกไม่นาน เราอาจจะเห็นกวีที่มีชื่อเสียงของประเทศจากเวทีนี้ก็ได้
รอบที่สองเริ่มขึ้นเวลาประมาณ บ่ายสามโมง ด้วยคำประพันธ์ประเภทกลอนสุภาพ ในหัวข้อ “ลูกเทวดา” ซึ่งเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่เบาเลยทีเดียว โดยคราวนี้ โรงเรียนที่ทำคะแนนได้ดีที่สุดเปลี่ยนมาเป็น โรงเรียน วาปีปทุม จากสำนวน
พ่อกับแม่อุ้มชูดูแลลูก ด้วยพันผูกชิดใกล้ไม่ถ่ายถอน
ป้อนข้าวน้ำโอบอ้อมกล่อมเจ้านอน เฝ้าพร่ำสอนฝึกฝนจนโตมา
จงอย่าคิดรั้งรอรักพ่อแม่ อย่าเชือนแชห่างเหินเมินหนีหน้า
อย่าทำตัวเกเรเป็นเทวดา จงรักษาจิตมั่นกตัญญู
รอบสุดท้ายเป็นคำประพันธ์ประเภทกลอนสักวา ในหัวข้อ “ภาษาใจ” ทุกโรงเรียนต่างระดมสมองทุ่มเทกันอย่างเต็มที่ หัวใจของคนคอยลุ้นก็พลอยเต้นถี่แทบทะลุ ซึ่งปรากฏว่าโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์กลับมาทำคะแนนได้สูงสุดอีกครั้งจากสำนวนสักวา..
สักวาภาษานี้มีหลากหลาย ทั้งหญิงชายพากเพียรเรียนภาษา
อาจเรียนรู้เจนจัดพัฒนา เปิดประตูสู่คุณค่าของชีวิต
เราอาจมองภาษาไปไกลเกินกว่า จนมองข้ามคุณค่าภาษาจิต
ภาษาที่สื่อความงามด้วยความคิด นีรมิตรเอาไว้ด้วยใจเอย
เมื่อท่านคณะกรรมการรวบรวมคะแนนแล้ว คุณไพวรินทร์ ขาวงาม ประธานกรรมการ ได้ออกมากล่าวแสดงความชื่นชมและให้กำลังใจแก่น้อง ๆทั้ง 5 โรงเรียน พร้อมกับตั้งข้อสังเกต และให้คำแนะนำ ชี้ให้เห็นจุดเด่นจุดด้อยที่เป็นประโยชน์อย่างยิ่งแก่ผู้เข้าประกวดและทุกคนในห้องประชุม จากนั้นก็ถึงนาทีระทึกใจ พิธีกรประกาศผลการประกวดกลอนระดับมัธยมศึกษาในปีนี้ เริ่มจากรางวัลชมเชยสองรางวัลได้แก่ โรงเรียนบัวขาว และโรงเรียนโกสุมวิทยาสรรพ์ รองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ โรงเรียนวาปีปทุม รองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ โรงเรียนบรบือ และเป็นที่แน่นอนว่า โรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ คว้ารางวัลชนะเลิศรับเงินรางวัล 2,500 บาท พร้อมโล่เกียรติยศจากสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทยไปครองอย่างสมศักดิ์ศรี
กิจกรรมวันภาษาไทยแห่งชาติที่จัดโดยสาขาวิชาภาษาไทย มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคามในครั้งนี้ ถือว่าได้รับความสำเร็จอย่างสูง แม้จะจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายด้วยจำกัดในงบประมาณ และมีโรงเรียนเข้าร่วมประกวดเพียง 5 โรงก็ตาม ซึ่งอาจด้วยเหตุที่สถานศึกษาทุกโรงต่างก็มีการจัดกิจกรรมในวันสำคัญของชาตินี้ อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์ในครั้งนี้ถือว่ามีค่ายิ่ง โดยเฉพาะสำหรับน้อง ๆที่เข้าร่วมประกวด ทุกคนกลับบ้านด้วยรอยยิ้ม ได้เพื่อน ได้พี่ ได้ความรู้และได้สัมผัสกับบรรยากาศที่อบอุ่น ประทับใจที่จะควรค่าในการเก็บไว้ในความทรงจำตลอดไป
ทุกโรงเรียนให้สัญญาว่า วันภาษาไทยแห่งชาติปีหน้า จะเข้ามาประลองเชิงกลอนกันใหม่ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม แน่นอน
พบกันใหม่ปีหน้า ......