การเมืองในกวีของ “คุณพุ่ม”

บรรณาลัย / โชติช่วง นาดอน วันเสาร์
“คุณพุ่ม” เป็นกวีหญิงที่มีชื่อเสียงมากในรัชกาลที่สาม สำนวนกลอนของ “คุณพุ่ม” มีชิ่อในทางเฉียบคม กร้าว
บทกลอนที่แสดงถึงเรื่องการเมือง(ส่วนตัว)ระหว่างคุณพุ่มกับรัชกาลที่สาม มีปรากฏในเรื่อง “เพลงยาวคุณพุ่มแต่งเฉลิมพระเกียรติ” (รัชกาลที่สามและรัชกาลที่สี่) พิมพ์แจกในงานกฐินพระราชทาน มหาเสวกโท พระยาเสถียรสุรประเพณี ปลัดบาญชีกระทรวงวัง ณ วัดราชคฤห์ พุทธศักราช 2464
ท่านผู้อ่านก็คงรู้ ๆ กันอยู่แล้วว่า “คุณพุ่ม” กวีหญิงของสยามยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์นั้น ท่านเอียงความนิยมไปทาง “วังล่าง” หรือวังเจ้านายฝ่ายลาวเวียงจันทน์ ที่บางยี่ขัน
บางยี่ขันและวัดคฤหบดีนั้น เป็นถิ่นสำคัญของ “ลาวเวียง” สายเวียงจันทน์
บิดาของคุณพุ่มคือ “พระยาราชมนตรี(ภู่)” เป็น คนสนิทของสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และคุณพุ่มเองก็เคยอยู่ “วังใน” ได้เป็นตำแหน่งสูงถึง “พนักงานพระแสง”
บิดาของคุณพุ่ม คือพระยาราชมนตรีนั้น มิใช่บุคคลธรรมดาสามัญเลย ท่านมีอิทธิพลมาก ๆ ในยุครัชกาลที่สาม
แต่เมื่อดูกลอนของ “คุณพุ่ม” แล้ว จะเห็นเนื้อความการเมืองซ่อนนัยอยู่ว่า คุณพุ่มนั้น มีปัญหากับรัชกาลที่สาม
เนื้อความใน “เพลงยาวเฉลิมพระเกียรติ” ของคุณพุ่มตอนใกล้จะจบนั้น เขียนว่า (สะกดการันต์ตามต้นฉบับเดิม)
๐ อันเรื่องราวกล่าวข้อยอพระเดช วิรัติเจตนาจิตรดำฤษณา
ให้ครึกครื้นยินอยู่คู่สุธา โดยสำคัญปัญญาของนารี
แต่ผู้ฟังยังจะติว่าริเรื่อง ไม่เรียงเรื่องบงกชบทศรี
พระนั่งเกล้าเจ้าจังหวัดปัถพี ไยจึงหมีกล่าวก่อนไว้ตอนกลาง
ก็ไม่เป็นเช่นนั้นท่านอย่านึก จะจารึกบทรัชก็ขัดขวาง
เดิมพระหน่อวรนารถทั้งน้องนาง กับสุรางค์รุ่นรุ่นพวกคุณจอม
ให้เงินตราค่าจ้างร่างบำราศ สิบสองบาทเขียนบทประณตถนอม
ทั้งแพรผ้าสารพัดจัดให้พร้อม เธอไม่ยอมแก่งแย่งต้องแต่งตาม
ใจผู้อยู่อู่ผ่อนผู้นอนนิ่ง นี่จัดจริงจดเจือไว้เผื่อถาม
ที่คัดข้อยอพระยศประณตพระนาม จึงเป็นความละลอกฉลองอยู่สองตอน
คิดพระคุณมุลลิกานราราช บรมบาทบพิตรอดิศร
ยอพระยศบทนรินทร์เพียงดินดอน ไหวสะท้อนถึงกระทั่งหลังอานนท์”
ต่อไปเป็นคำกลอนสดุดีสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ ยาว 12 วรรค จะข้ามไป เพราะพื้นที่น้อย
จะนำบทกลอนที่เป็นเรื่อง “การเมือง” ที่คุณพุ่ม สารภาพความคิดของตน ที่หลงเข้าใจผิดสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ
๐ ศีลอะพรหมสมหวังฉันทั้งชาติ ยังไม่ขาดเป็นวิสุทธิราศี
บทอาบัติอัศธรรมกรรมไม่มี ในชาตินี้เป็นผู้หญิงนึกชิงชัง
ชาติหน้านั้นฉันหมายเป็นชายโฉม ให้เสร็จโสมนัศสมอารมณ์หวัง
ถึงสพัญบรรพชาปัญญาพลัง พบพระนั่งเกล้ากระษัตริย์ลัทยา
ในชาตินี้มิได้อยู่ชูฉลอง เพราะคะนองหนีบุญมุ่นโมหา
ดูกงจักรหักเห็นเป็นผกา ต้องออกมาใช้ชาติ์ญาติเวร
ได้อภิวาทเพียงพระราชโอรสรัก คอยห้ามหักโศกหายคล้ายพิมเสน
คือกรมหมื่นสุชำอัมเรนทร์ นฤเบนร์บดินทร์นรินทร ๐
น่าคิดว่า คุณพุ่มสารภาพ(ตอนแก่)ว่า เห็นกงจักรเป็นดอกไม้
แล้วใครหรืออะไรเล่า คือกงจักรและดอกไม้ !
คุณพุ่มบอกเพียงว่า ท่านเห็นกงจักรเป็นดอกไม้ เลยมิได้รับใช้สมเด็จพระนั่งเกล้าฯ
เหตุเป็นเพราะ ตัวคุณพุ่มนั่นเองที่มองอะไรผิด ๆ ดังที่ท่านเขียนว่า
๐ ในชาตินี้มิได้อยู่ชูฉลอง เพราะคะนองหนีบุญมุ่นโมหา
ดูกงจักรหักเห็นเป็นผกา ต้องออกมาใช้ชาติ์ญาติเวร ๐
......................................