ร่องรอยกาลเวลา:ร่วมรู้พื้นถิ่นสุวรรณภูมิ 450 ปี เวียงจัน สายสมัพันธ์บ่กั้นขวาง ไทย สยาม ลาว วรรณกรรมสองฝั่งโขง
ชินวัฒน์
งานสัมมนาวิชาการแบ่งความรู้สู่สาธารณะ “ร่องรอยกาลเวลา : ร่วมรู้พื้นถิ่นสุวรรณภูมิ 450 ปี เวียงจัน สยาสัมพันธ์บ่กั้นขวาง ไทย สยาม ลาว วรรณกรรมสองฝั่งโขง” ระหว่าง วันที่ 8-9 มกราคม ที่ผ่านมา ณ มหาวิทยาลัยขอนแก่น วิทยาเขตหนองคาย
การสัมมนาครั้งนี้จัดโดย สโมสรมิตรภาพวัฒนธรรมสากล สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ร่วมกับ ศูนย์ข้อมูลลาว สำนักวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยขอนแก่น ,สโมสรนักเขียนภาคอีสาน,สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 1 ,สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 21 ,WWF ประเทศไทย และ บริษัท มายดีว่า จำกัด โดยได้รับงบสนับสนุนจาก สำนักงานปลัดกระทรวงวัฒนธรรม ,กรมส่งเสริมวัฒนธรรม,การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และ บริษัทสยามรัฐจำกัด
กิจกรรมในภาคเช้าของการสัมมนาได้รับเกียรติจาก นายสมชาย เสียงหลาย ปลัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นองค์ปาฐกถานำ โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งพูดถึงองค์ประกอบการทำงานวัฒนธรรมและเรียนรู้ร่วมกับกับเพื่อนบ้านโดยเร็วนี้จะมีการสัมมนาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับระหว่างนักศึกษาอุษาคเนย์ในอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงที่งจังหวัดมหาสารคาม
ตลอดการสัมมนาทั้งสองวันคับคั่งไปด้วยวิทยากร นักเขียน กวี ระดับหัวกะทิในซีกฝั่งไทยไม่ว่าจะเป็น ผศ.ชลิต ชัยควรชิต,สุมาลี โพธิพยัฆค์ ประธานสโมสรนักเขียนภาคอีสาน,สมคิด สิงสง,จินตรัย – ปราโมทย์ ในจิต,แวว พลังวรรณ,ผศทรงวิทย์ พิมพกรรณ,ชัชวาลย์ โคตรสงครา,จรูญพร ปรปักษ์ประลัย,พินิจ นิลรัตน์,ยุทธ โตอดิเทพย์,อภินันท์ บัวหภักดี และ ดร.สุเทพ บุญเติม มี ดุสิต คร่ำสุข เป็นพิธีกรตลอดสองวัน
ขณะที่ เด่นชัย ไตรยะถา เจ้าของต้นตำรับตำนานกำเนิดแม่น้ำโขง คราวนี้มามาพร้อมหนังสือเล่มใหม่เอี่ยม หยิบเรื่องดีมาเล่า เว้าเรื่องฮาให้ฟัง ใครสนใจได้ไปอ่านติดต่อที่ อ.เด่นชัยโดยตรงที่ 081-546-1709 ด้านฝั่ง สปป.ลาว นำโดยสองซีไรต์ ดวงเดือน บุนยาวง และ โอทอง คำอินซู และนักเขียน นักแต่งเพลง บุนทะนอง ชมไชผน พร้อมด้วย ดร.สุเนด โพทิสาน กูรุด้านประวัติศาสตร์ลาวในมุมมองหลากมิติ
ห้องที่ดูจะคึกคักเป็นพิเศษคงหนีไม่พ้น ห้องเสวนา เพลงดนตรีกวีสองฝั่งโขง มี อานันท์ นาคคง หรือ หน่อง วงกอไผ่ ดำเนินรายการ ซึ่งแม้ว่าวิทยการหลักอย่าง สุรินทร์ ภาคศิริ จะติดภาระไม่สามารถจะมาร่วมเสวนาได้ แต่ กวีซีไรต์ โชคชัย บัณฑิต’ พูดถึงบทกวีพร้อมกับดีดกีตาร์ร้องเพลงคู่กับ วีระ สุดสังข์ เจ้าของผลงานเพลง เสียงแคนจากแมนชั่น โดยมี เวิ่น วงสะเลเต ร่วมแจมอย่างได้อรรถรส
ในวันที่สองของการสัมมนาซึ่งเป้นสุดท้าย ศ.ดร.อภินันท์ โปษยานนท์ อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม ได้ให้เกียรติเป็นผู้บรรยาสรุปการสัมมนาและกล่าวถึงแนวร่วมทางวัฒนธรรมในการสร้างสรรค์ส่งเสริมวัฒนธรรมโดยเฉพาะวัฒนธรรมร่วมอุษาคเนย์ที่เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก
แม้ว่ากิจกรรมในฝั่งหนองคายจะเสร็จภายในเที่ยงวันวันที่ 9 มกราคม แต่ในช่วงภาคบ่าย คณะสื่อมวลชนและวิทยากรได้เดินทางข้ามฝั่งไปกำแพงนครเวียงจัน สปป.ลาว โดยมีรายการโสเลเสวนา 20 ปี มิตรภาพและความสัมพันธ์ นักเขียน ไทย – ลาวฝั่งไทย ณ สวนไผ่พันกอ ริมฝั่งแม่น้ำงึม ซึ่งเจ้าบ้าน ดวงเดือน บุนยาวง ได้เปิดพิพิธภัณฑ์ผ้าพื้นเมืองให้ชมพร้อมกับพาแลงข้าวเหนียวไก่ย่างส้มตำกับน้ำจิ่มแจ่วรสเด็ด
นอกจากนี้ยังยังมีนักเขียนเจ้าบ้านฝั่งลาวมาร่วมเสวนาย้อนอดีตเมื่อ 20 ปีที่แล้วที่ ตาดโตน ชัยภูมิ ในวันนั้น 1 ใน 12 นักเขียน สปป.ลาวที่เดินทางมาพั่วพันทางน้ำหมึก นำโดย ผิวลาวัน ทิดาจัน รักษาประธานสมาคมนักประพันธ์ สปป.ลาว ได้มาร่วมคณะกับเราพร้อมกับนักเขียนอีกหลายๆท่านไม่ว่าจะเป็น บุนทะนอง ชมไชผน,ดาวเวียง บุนนาโค ฯลฯ
ในวันนั้นนอกเล่าความหลังมองไปข้างหน้ายังได้แลกเปลี่ยนอ่านบทกวีร้องเพลงและโต้กลอนสดกันอย่างสนุกสนานตามประสาญาติน้ำหมึกที่พรมแดนหรือสายน้ำมิอาจขวางกั้น ก่อนจะเดินทางกลัที่พัก ณ บ้านพักนักกีฬาซีเกมส์ในมหาวิทยา ลัยแห่งชาติลาว (ดงโดก) ขณะที่หลายคนไปโสเลกันต่อที่ ร้านอาหารบ้านแสนฮัก ของ ท่านทองใบ โพทิสาน กวีซีไรต์ สปป.ลาว ซึ่งอยู่ไม่ไกลกันนักและมีนักเขียนจาก สปป.ลาว ตามมาสมทบอีกหลายท่าน
มื้อเช้าของวันที่ 10 มกราคม เราทานอาหารเช้าที่ ร้านอาหารบ้านแสนฮัก ของ ท่านทองใบ โพทิสาน รองปลัดกระทรวงแถลงข่าวและวัฒนธรรม สปป.ลาว ซีไรต์คนที่ 6 ซึ่งหน้าบ้านมีป้าน บ้านงัวและเกวียน อนุสรณ์รำลึกรางวัลวรรณกรรมสร้างสรรค์ยอดเยี่ยมแห่งอาเซียน ปี ค.ศ. 2004 ได้พูดคุยอาหารอร่อยดนตรีไพเราะอากาศเย็นสบายๆ ก่อนจะเดินทางกลับฝั่งไทยในตอนบ่าย
สำหรับหนังสือประกอบการสัมมนา “ร่องรอยกาลเวลา : ร่วมรู้พื้นถิ่นสุวรรณภูมิ 450 ปี เวียงจัน สยาสัมพันธ์บ่กั้นขวาง ไทย สยาม ลาว วรรณกรรมสองฝั่งโขง” ภาพปกสีน้ำฝีมือของ พิบูลศักดิ์ ละครพล สำหรับผู้สนใจสามารถสมทบรายได้เข้า สมาคมนักกลอนฯ ได้เล่มละ 200 บาท รวมทั้ง ร่องรอยกาลเวลา ณ จังหวัดพัทลุง เล่มละ 100 บาท และ จังหวัดนครปฐม เล่ม 200 บาท (ส่วนจังหวัดสุรินทร์,จังหวัดนครพนมและจังหวัดเลย หมดแล้วจ้า) โดยโอนเงินชื่อบัญชี สมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย 459-0-12812-8 พร้อมค่าจัดส่ง 30 บาทแล้วส่งหลักฐานมาที่ ตู้ปณ 33 ปณผ.บางลำภูบน กรุงเทพฯ 10203 ธนาคารกรุงไทย สาขาศาลายา เลขที่บัญชี