ReadyPlanet.com
dot dot
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “อคติ”

ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ อคติ

ครั้งที่ 5 ประจำปี 2555 จำนวน 14 ชิ้น

 

1. จรรยารักษ์

ส่งทางอีเมล์ : Wednesday, September 26, 2012 3:42 PM

 

อคติ (1. จรรยารักษ์)

อคติสร้างความคิดแบบผิดพลาด                พุทธศาสน์พุทธองค์ทรงสั่งสอน

อคติเพราะรักพึงสังวร                                          อคติเพราะรุ่มร้อนด้วยความชัง                                                        

             เลือกที่รักมักที่ชังระวังจิต                     สร้างความคิดการกระทำที่ผิดพลั้ง

ตัดสินใจทำอะไรพึงระวัง                                                  ใช้สติยับยั้งความลำเอียง

อคติส่งเสริมการทำชั่ว                             เพราะเมามัวในรักมิฟังเสียง

ใครใครเตือนมิเชื่อยังโน้มเอียง                                มิไล่เรียงถูกผิดคิดไตร่ตรอง

อคติเพราะชังเกลียดน้ำหน้า                       ในสายตาเห็นแต่ชั่วจิตมัวหมอง

แม้นทำดีมิเห็นดีดังใจปอง                                    อคติบังทำนองแห่งคลองธรรม

ใช้ปัญญานำทางสร้างชีวิต                        ความเป็นกลางคู่จิตมิเหลี่อมล้ำ

อย่าให้อคติครองการกระทำ                                   คตินำชีวีที่ถูกทาง

จงอย่าให้อคติครอบครองโลก                     จะทุกข์โศกจะวุ่นวายมิรู้ร้าง

จงอย่าให้อคติชี้นำทาง                                          ยุติธรรมส่องสว่างอยู่กลางใจ

..................................... (1.จรรยารักษ์)......................................

 

2. นารีรัตน์

ส่งทางอีเมล์ : Thursday, September 27, 2012 11:14 PM

 

อคติ (2.นารีรัตน์)

อันมนุษย์ประเสริฐได้ด้วยความคิด             จะถูกผิดคิดตรองลองเขียนอ่าน

คิดวิเคราะห์คำนวณตรองลองอนุมาน                                   เกิดความรู้วิชาชาญเนิ่นนานมา

จักรักใคร่ชอบพอสมองคิด                        ยิ่งพินิจดูลำเอียงเป็นหนักหนา

ผิดเป็นชอบชั่วเป็นดีไม่ตีตรา                                                จากก้อนดินเป็นดาราด้วยใจคน

อีกกิเลสเข้าบดบังใจมืดมิด                        เกิดหลงผิดคิดด้วยใจใช่เหตุผล

อคติเข้าบดบังใจมืดมน                                                เกิดฉ้อฉลคิดร้ายกลายเป็นเลว

อคติพิษร้ายบั่นทอนจิต                             ทอนความคิดทำการใดเป็นล้มเหลว

ด้วยไม่ชอบไม่รักเห็นว่าเลว                                     ไม่อยากต้องข้องเกี่ยวเดี๋ยวเคืองใจ

อคติต่อใครไม่ควรคิด                                ทุกคนล้วนมีสิทธิคิดทำได้

ใช่ว่าจะต้องใจเราอยู่ร่ำไป                                        แม้เราไม่ชอบพอใช่ไม่ดี

ทุกคนล้วนมีสิทธิที่จะคิด                          แต่ถูกผิดลองตรองให้ถ้วนถี่

ใช้ปัญญาให้หลักธรรมนำชีวี                                    "อคติ"คำนี้ไม่กล้ำกลาย

..................................... (2.นารีรัตน์)......................................

 

3. สุพจน์

ส่งทางอีเมล์ : Saturday, September 29, 2012 9:49 AM

 

อคติ (3. สุพจน์)

เราเกิดมา  มีแน่นอน  อคติ                       ชอบตำหนิ  ติติง  ในตัวเขา

รักชังชอบ  ตอบได้เลย  ว่าตัวเรา                            เหตุเพราะความ  โง่เขลา  คอยนำภัย

อคติ  ติฉิน  คอยนินทา                             ด้วยวาจา  เชือดเฉือน  บาดหัวใจ

แม้ญาติมิตร  เพื่อนสนิท  ยังห่างไกล                      ไม่เหลือใคร  เป็นเงาคู่  อยู่เคียงกาย

ความรักนั้น  ยังทำให้  คนตาบอด              แม้ยามกอด  เหมือนหัวใจ  จะสลาย

รักเธอมาก  ยากจะลืม  รักจนตาย                                      แต่สุดท้าย  ก็ต้องเลิก  ร้างรักไป

ความชิงชัง  ความรังเกียจ  ในมนุษย์          มันคอยฉุด  ให้ใจต่ำ  จนหวั่นไหว

ฉุดแล้วลาก  กระชากดึง  ลึกสุดใจ                        จนทำให้  ใจนั้นเหมือน  ไร้วิญญาณ

เหตุความกลัว  คือหัวใจ  เราไม่สู้               กับศัตรู  อยู่ตรงหน้า  มหาศาล

หากเราสู้ เรายืนหยัด  พิชิตมาร                              โลกกล่าวขาน  ว่าใจเรา  พิชิตตน

หากเราหยุด  แล้วเปิดใจ  เราให้กว้าง          ไร้สิ่งขวาง  สิ่งกีดกั้น  ทุกแห่งหน

ยกจิตใจ  ให้สูงกว่า  ความเป็นคน                          จะหลุดพ้น  อคติ  ในชีวี.

..................................... (3. สุพจน์)......................................

 

4. กัญญารัตน์  

ส่งทางอีเมล์ : Sunday, September 30, 2012 9:08 AM

 

ทำไม?  (4.  กัญญารัตน์)

ทำไมหนอ สิ่งมี ชีวิตเอ๋ย                           จึงคุ้นเคย การแย่งชิง ทุกสิ่งสรรพ์

ทำไมต้อง มีคนโหด แลโกรธกัน                                ชักปืนยิง มีดฟัน พลันเลือดนอง

               ทำไมคน สมประกอบ ชอบดื่มเหล้า           เห็นกันทุก ค่ำเช้า น่าเศร้าหมอง

ทำไมจึง มีคำ ว่า"ครอบครอง"                                  สิ่งใดปอง มุ่งนำมา ประดับกาย

               ทำไมผู้ มีอำนาจ จึงอาจหาญ                    อิทธิพล รุกราน ทุกเช้าสาย

ทำไมต้อง มียานยนต์ ขับวุ่นวาย                               คนสูดควัน ป่วยตาย ก่อพังภินท์

               ทำไมคน บางคน เห็นแก่พวก                    ความสะดวก เป็นที่หนึ่ง พึงถวิล

ทำไมคน เห็นแก่ตัว จนเคยชิน                                  หวงทรัพย์สิน มากเกิน เมินส่วนรวม

               ทำไมคน บางคนชอบ สูบบุหรี่                   ซึ่งรู้ว่า มันมี พิษแทรกสวม

ทำไมคน ชอบคิด เรื่องกำกวม                                  จนจิตอ่วม โอนเอน ไม่เป็นกลาง

               ทำไมเทคโนโลยี จึงเกลื่อนกล่น                  ความเจริญ วัตถุล้น เมืองกระจ่าง

แต่ทำไม ประเพณี ดีเลือนลาง                                  ความสว่าง ในจิตคน กลับหม่นลง

               ทำไมโลก จึงสร้าง กิเลศชั่ว                       มาเกลือกกลั้ว ใจเพลิน เกินประสงค์

ทำไมหนอ กิเลศยัง ตั้งมั่นคง                                    จิตใครปลง หลุดพ้นได้ คงโชคดี

..................................... (6. กัญญารัตน์)......................................

 

5. อภิสิทธิ์ 

ส่งทางอีเมล์ : Sunday, September 30, 2012 2:55 PM

 

ใจอคติ (5. อภิสิทธิ์)

อคติบังใจให้เห็นผิด                                             สื่อชีวิตโกงกินสิ้นโปร่งใส

ติด รัก โลภ โกรธ หลง ตรงหัวใจ                                        บ้างกลัวภัยทุกข์ซํ้าจึงลำเอียง

ชาติทุกข์ทนชนทุกข์ยากมากมายนัก                       เพราะยึดหลัก ตอบแทนคะแนนเสียง

สิ้นหนทาง” “สิ้นแผ่นดิน” “สิ้นเสบียง                            หมดทุนเลี้ยงสังคมล่มบรรลัย

โอ้! หัวใจทุจริตคิดไม่ซื่อ                                       เพียงปากถือคุณธรรมสำนึกไหม

ปิดประตูความถูกต้องของหัวใจ                                         ตัดสินใครตัดสินความตามใจตน

หากทุกคนมิสัตย์ซื่อยึดถือชั่ว                                 ใจของตัวย่อมหมองไหม้ใฝ่ฉ้อฉล

ความเที่ยงธรรมเสื่อมค่าปัญญาชน                                     คงไม่พ้นบ่วงกรรมย้อนทำลาย

ใช้ ความรักเป็นเครื่องมือสื่อลวงหลอก               ใช้คำบอกยุให้หลงตรงเป้าหมาย

ใช้ ความโกรธเป็นเครื่องมือซื้อใจนาย                             แบ่งสองฝ่ายเพื่อประโยชน์โทษอนันต์

เพลิงเผาใจ อคติมิพ้นร่าง                                  สิ้นทุกอย่างวันสุดท้ายไม่แปรผัน

เพลิงเผาชาติ เผาไม่พ้น ตนเช่นกัน                                      เห็นจริงพลันเริ่มใหม่อย่างได้คิด

วางมีดในมือเดือดที่เลือดหยาด                              วางเถิดความอาฆาตที่ผิดผิด

ละความโกรธ เพื่อ เป็นกลางวางชีวิต                             อย่ายึดติดกับบ่วง...ภาพลวงใจ

รู้บทเรียนจากชีวิตที่ผิดพลาด                                 จึงสามารถเปลี่ยนแปรและแก้ไข

อย่าเห็นผิดเป็นชอบตอบแทนใคร                                       และอย่าปล้นความเป็นไทยของใครเลย

..................................... (5. อภิสิทธิ์)......................................

 

6. บุษกร

ส่งทางอีเมล์ : Sunday, September 30, 2012 5:10 PM

 

อคติ (6. บุษกร)

อคติผลิบานเต็มลานโลก                           จึงดอกโศกเบ่งบานลานร่ำไห้

มีแต่ตริจิตลำเอียงหล่อเลี้ยงใจ                                ตริตรองใหม่แล้วเริ่มต้นบนสายกลาง

ฉันทาคติ ..ลำเอียงเพียงเพราะรัก               ดั่งจมปลักต้องมนต์ล้นทุกข์สร้าง

ผูกพันกับความคิดผิดหนทาง                                 แล้วยกอ้างเชื่อตามเขาเป็นเงามาร

โทสาคติ ..ลำเอียงเพียงเพราะโกรธ             ถูกเป็นโทษดีเป็นชั่วตัวสังหาร

ยึดอารมณ์เหนือจิตใจเป็นภัยพาล                           จึงถึงพาลสิ้นเที่ยงธรรมเข้าค้ำจุน

โมหาคติ ..ลำเอียงเพียงเพราะเขลา             ให้หูเบาฟังเพียงเรื่องแล้วเคืองขุ่น

มิพิเคราห์ให้เหมาะความตามเหตุทุน                      ผลว้าวุ่นหลงงมงายหายน์เข้าครอง

ภยาคติ ..ลำเอียงเองเพราะเกรงจิต              เพราะยึดติดกลัวอำนาจมาดผยอง

เฝ้ารับใช้ทุกวาจาค่าดุจทอง                                   มิกล้าร้องโต้แย้งทั้งแจ้งกล

หากถิ่นใดอคติมิเกิดก่อ                             ดีทาบทอแดนพิพัฒน์จรัสผล

ตัดโซ่ตรวนที่ตอกตรึงขึงใจตน                               ย่อมยินยลความผาสุกทุกมุมเมือง

..................................... (6. บุษกร)......................................

 

7. แก้วสุพรรณิการ์

ส่งทางอีเมล์ : Sunday, September 30, 2012 9:48 PM

 

                                                        คำให้การ (7. แก้วสุพรรณิการ์)

ชีวิตผมงดงามตามแบบบท                       มีลาภยศสรรเสริญล้อมพร้อมเกื้อหนุน

            จนได้รับตำแหน่งสร้างทางสกุล                             สืบทอดรุ่นเป็นนายกผู้ปกครอง

                        เมื่ออำนาจในมือถือไว้มั่น                         รอคำลั่นจากเบื้องหลังหวังสนอง

            อคติครอบงำขึ้นลำพอง                                         เพื่อจับจองประโยชน์ใหญ่มาใส่ตัว

                        ผมหลงรักพรรคตนจนว่าใช่                       แล้วอื่นไหนผิดหมดว่าคดชั่ว

            ยุติธรรมเหลือคราบเหมือนภาพมัว                         ยังเกลือกกลั้วกิเลสปักรักไม่เป็น

                        ผมเกลียดเคืองฝ่ายค้านต้านความคิด           จุดไฟพิษโกรธแค้นแสนขุกเข็ญ

            มิเคยรับฟังเสียงเถียงประเด็น                                 มิเคยเห็นหัวใจของใครเลย

                        ผมเกรงกลัวอิทธิพลคนเบื้องสูง                 นำชักจูงแผนการผ่านคำเผย

            ทุกบัญชาน้อมนำทำอย่างเคย                                 แม้สังเวยกี่ชีวิตหมดสิทธิ์กลาย

                        ผมไม่รู้อ้างอิงข้อจริงเท็จ                           ความสำเร็จยากรุดตามจุดหมาย

            เป็นบัวตูมใต้ตมติดหล่มตาย                                  ชีวิตคล้ายเป็นทาสอุบาทว์ทราม

                        เส้นทางบุญลบล้างด้วยทางบาป                ล้วนซึมซาบคาวการเมืองเรื่องเหยียดหยาม

            ครั้นสำนึกกลับใจในโมงยาม                                 ก็สู่ท่ามความตายในภายนี้

                        นี่คือคำให้การ...ยมบาลครับ                      ผมยอมรับพิพากษาตามหน้าที่

            พร้อมจะตกนรกไหม้ให้ย่ำยี                                   ฤๅอย่ามีความลำเอียงเลี่ยงอภัย

                        มันเป็นกรรมอคติผมริก่อ                          ทุกข์จึงต่อติดมาวิ่งฆ่าไล่

            ถ้าชาติหน้าเกิดเป็นคน ณ หนใด                            จะตั้งใจไม่ลำเอียงแต่เที่ยงธรรม

..................................... (7. แก้วสุพรรณิการ์)...................................... 

 

8. ธารารัตน์

ส่งทางอีเมล์ : Sunday, September 30, 2012 10:19 PM

 

อคติ (8. ธารารัตน์)

อคติมิใช่ทางสร้างความสุข                       ก่อเกิดทุกข์ทรมาณมากหนักหนา

ความลำเอียงเลี่ยงถูกควรสวนปัญญา                      ถูกตราหน้าว่าเลวทรามหยามจิตใจ

อันชีวิตดำรงอยู่คู่กิเลส                                          เป็นสาเหตุฉุดจิตผิดวิสัย

คอยครอบงำความคิดเบือนบิดไป                           เริ่มต้นใหม่ตั้งสติมิหลงกล

อคติคือบทบาททางความคิด                        เกินถูกผิดชั่วดีนี้สับสน

ดั่งเงาดำตามขัดขวางอย่างวกวน                                        พาใจคนรวนเรไร้หนทาง

ในทางธรรมล้ำความคิดจิตเป็นใหญ่           ดำเนินไปตามวิถีมิหมองหมาง

อัคติสี่ข้อ บ่ อับปาง                                                         เป็นสิ่งสร้างความดีที่เพียงพอ

ฉันทานี้ลำเอียงเพราะรักใคร                       โทสาไม่ชอบใจไม่ร้องขอ

โมหาไม่รู้ถึงการณ์ไม่รีรอ                                                  ภยาหนอเพราะความกลัวอันตราย

ความซื่อสัตย์ยุติธรรมนำสิ่งผิด                    ฝึกฝนจิตปลอดภัยมิเสื่อมหาย

ยึดหลักความเป็นกลางสุขใจกาย                            จะผ่อนคลายความทุกข์เท่าทวี

เอาใจเขาใส่ใจเราเฝ้าตรองตรึก                    จิตสำนึกดีชั่วไม่หลีกหนี

คอยแก้ไขเปิดใจกว้างสร้างสิ่งดี                              คือสิ่งที่ปุถุชนควรจดจำ

อคติคือกิเลสเหตุความเสื่อม                     ระอาเอือมอ้างว้างต่างถลำ

ดั่งเงามืดครอบจิตเป็นสีดำ                                    พาใจต่ำไร้ความคิดปิดชีวี

จึงควรคิดพาจิตให้สูงส่ง                           เกิดมั่งคงความสุขในศักดิ์ศรี

ถือศีลธรรมนำใจใฝ่ทำดี                                       เหตุผลมีควบคู่อยู่กับตน

รักมากไปเกลียดมากไปร้ายที่สุด                 สิ่งสมมุติเลวร้ายไร้เหตุผล

คืนสู่ความเป็นกลางทางของคน                             จิตหลุดพ้นกิเลสเหตุความดี

..................................... (8. ธารารัตน์)......................................

 

9. ธีรวัฒน์

ส่งทางเว็บบอร์ด : วันที่ตอบ 2012-09-23 10:17:18

 

แม่ครับ..ผมอยากบวช (9. ธีรวัฒน์)

..เป็นเด็กน้อยด้อยเดียงสาประสาเด็ก                      ตอนยังเล็กแม่ดุด่าว่าผมรั้น

แม่ตีก้นแม่พร่ำสอนก่อนเป็นงาน                                       เคยคัดค้านเคยเคืองโกธรโทษแม่เรา

            เข้าวัยเรียนแม่อุตส่าห์หาเงินส่ง                             แต่ผมหลงไปติดเกมม์ไปติดสาว

เสพบุหรี่เกาะกลุ่มเพื่อนดมกลิ่นกาว                                   เรื่องอื้อฉาวแม่รับเอาคำนินทรา

            ผมโตแล้วผ่านปากเหวมาเพราะแม่                        คอยตามแก้คอยตามฉุดลูกโง่เขลา

จึงพ้นชั่วอเวจีทางมัวเมา                                                  โธ่แม่เราคงเหนื่อยทนที่ผ่านมา

            แม่ครับ..คุณแม่ครับ..ผมอยากบวช                        ผมขอบวชเป็นพระหนึ่งพรรษา

เอาผ้าเหลืองห่มเรื่องกรรมที่ผ่านมา                                    ทดแทนค่ากตัญญูลูกลืมใจ

            ผมบวชเรียนเป็นพระพรรษานี้                               จะตั้งจิตคิดดีให้จงได้

จะเปลี่ยนตนด้วยธรรมชะล้างใจ                                        เป็นคนใหม่กราบฝ่าเท้าทดแทนคุณ

            จะกรวดน้ำทำบุญมุ่งมั่นจิต                                   ขออุทิศบุญให้แม่แผ่เกื้อหนุน

ให้แม่สุขอนุโมทนากับผลบุญ                                            ล้างบาปขุ่นด้วยทุนใจให้แม่เอย.

..................................... (9. ธีรวัฒน์)......................................

 

10. วัฒพล

ส่งทางเว็บบอร์ด : วันที่ตอบ 2012-09-30 17:59:36

 

อคติ (10. วัฒพล)

คือลำเอียงเพียงรักเป็นหลักฐาน                  คือเปลวไฟเผาผลาญความถูกต้อง

คือความชังแค้นใจในมุมมอง                                คือละอองน้ำกรดใจรดริน

คือความกลัวมัวเมาที่เร่าร้อน                   คือความผ่อยผุกร่อนของก้อนหิน

คือความเขลาความไม่รู้อยู่อาจิณ                            คือก้อนดินกลิ้งตามความเป็นไป

เพราะความรักจึงหมกมุ่นลืมครุ่นคิด          เลยเห็นผิดเป็นถูกผูกใจให้

คนอื่นพลีชีพกายถวายใจ                                                   ก็ยังไม่เท่าเธอเผลอทำดี

เพราะความชังฝังไว้แนบแน่น                               อีกความแค้นมืดมนจนไร้สี

แม้นจะทำความชอบหลายรอบปี                                       ก็ไร้ที่จำเริญจะเพลินชม

เพราะความกลัวจึงตาฝาดขาดสติ              ไร้วุฒิแห่งเราเขาขู่ข่ม

กลัวรอยร้าวรอยกรีดของมีดคม                              กลัวอารมณ์บ้าคลั่งอหังการ

เพราะรู้เท่าไม่ถึงเหตุเจตนา                       และเนื้อหาความจริงอิงแก่นสาร

ไม่รู้ทุกข์สันต์แห่งวันวาน                                                 และสันดานดีชั่วของตัวคน

จึงลำเอียงเบี่ยงเบนเป็นคูคด                      จึงเลี้ยวลดตามตรอกซอกถนน

ลืมความจริงสิ่งแจ้งแห่งมวลชน                                        ลืมตัวตนแท้แท้แม่ให้มา

หยุดเถิด อคติ ที่ครอบงำ                      และหยุดทำไม่จริงสิ่งมุสา

มาสร้างสุขที่นิรันดร์อนันตา                                              ด้วยสติปัญญาจะร่มเย็น 

..................................... (10. วัฒพล)......................................

 

11. ฐานันดร

ส่งทางเว็บบอร์ด : วันที่ตอบ 2012-09-30 21:12:48

 

อคติลิขิตตัว (11. ฐานันดร)

เศรษฐกิจเสื่อมผลคนเบื่อหน่าย                  การค้าขายเกร็งกำไรไม่เป็นผล

ยุคข้าวยากหมากแพงแข่งกันจน                             ต้องดั้นด้นเพื่อปากท้องของครอบครัว

จึกเกิดอาชญากรรมกระทำผิด                    ใช้ชีวิตงุนงงหลงความชั่ว

ขาดสติไตร่ตรองต้องหมองมัว                               กระทำตัวตกต่ำเพราะจำเป็น

อีกปัญหาแยกข้างไม่สร้างสรรค์                 ความสำคัญสามัคคีมิเล็งเห็น

ความหวังชาติร่วมเป็นหนึ่งจึงลำเค็ญ                     "เอาน้ำเย็นเข้าลูบ"จึงรุ่งเรือง

ทั้งปัญหาอุทกภัยที่ไหลล้น                        น้ำจากฝนลามรุกจนเกิดเรื่อง

มีน้ำตาร้าวรานทั่วบ้านเมือง                                 ผลสืบเนื่องเพราะทำลายไม่ดูแล

กี่ร้อยศพที่สูญเสียละเหี่ยจิต                       กี่ชีวิตชีพเลือนลางหมดทางแก้

หมดทรัพย์สินทุกข์ใหญ่ในดวงแด                           เพราะเพียงแค่ผลกำไรไม่กี่คน

อคติจากเหตุการณ์อันโหดร้าย                    มาทำลายจิตดีมีเหตุผล

ความทรงจำอันเลวร้ายในกมล                              จึงครองตนด้วย "อคติลิขิตตัว" 

..................................... (11. ฐานันดร)......................................

 

12. วิศิษฐ์

ส่งทางไปรษณีย์ : 26 กันยายน 2555

 

อคติ (12. วิศิษฐ์)

แลลวดลายลาวัลย์รัดพันร้อย                      แทรกซึมซับค่อยค่อยทยอยสู่

พล่านสะพรั่งพรางต่างไหลพรู                               สถิตอยู่ในกมลของคนไทย

ทิพย์ศรัทธาดื่มกินรื่นลิ้มล้น                       รูปลักษณ์มนต์เรืองรองแท้หมองไหม้

พาแผ่นดินสมัยยุคฟูลุกไฟ                         เพราะ หลงไล้เกลื่อนกลาดอำนาจทราม

จึงเสื่อมโทรมซื่อซื่อไป่รื้อรู้                       ปัญญาด้อยพินิจดูใช้รู้หลาม

หลงศรัทธาซาบซดว่างดงาม                                 ขณะท่ามทางทิศวิกฤตการณ์

เลยปรากฏก่อกิจคิดไขแก้                          ก็เพียงแค่คาวล้นคือหม่นม่าน

ยังเยาว์อ่อนอ่อนปัญญาไป่กล้าบาน             หากจักหาญเพราะเบื้องหลังคอยสั่งพลัน

พลันเพลิดสันติภาพอาบแต่พร่อง               พญาอ้างปรองดองช่องทางขวัญ

รายรอบด้านรู้ดีไป่มีวัน                                         ช่างน่าขันชวนสมเพชประเทศไทย

ตื่นรู้เถิดบรรเทาความเขลาแท้                   เกิดปัญญากล้าแก่แลสดใส

อคติเอนเอียงโดยเพียงใด                                   เอาปัญญาสติใช้ใคร่ครวญเทอญ

..................................... (12. วิศิษฐ์)......................................

 



13. ศศิธร

ส่งทางอีเมล์ : Tuesday, September 25, 2012 11:10 PM

หมายเหตุ : ผิดกติกา เกิน 10 บท

 

เรือกับนก (13.ศศิธร) ส่งครั้งแรก

เรือลำน้อยแล่นฉิวพลิ้วสะบัด                    คลื่นลมพัดสาดกระเซ็นเป็นเส้นสาย

เรือลำน้อยแล่นไปไม่เว้นวาย                                 เพียงเพื่อหมายถึงฝั่งสมดังใจ

นกบาดเจ็บบินมาขอหยุดพัก                     ขอพำนักสักคืนจะได้ไหม

เรือเมตตาบอกว่าพักให้สบาย                                หายเมื่อไหร่ค่อยบินไปก็แล้วกัน

ในคืนนั้นนกนอนหลับอย่างแสนสุข            พระจันทร์ปลุกให้ตื่นขึ้นจากฝัน

นกงัวเงียตื่นมาง่วงงงงัน                                       ถามเร็วพลันเจ้ามีเรื่องอันใด

            พระจันทร์บอกเรือลำนี้ไม่ดีนัก                   ใครมาพักมีอันต้องหนีหาย

จำต้องจากครอบครัวตัวต้องตาย                            ต้องมลายมอดม้วยมรณา

            นกตกใจเมื่อฟังเรื่องดังกล่าว                     ตัวร้อนผ่าวอกสั่นขวัญผวา

แอบบินไปตอนกลางคืนฝืนกายา                            เพิ่งเจ็บมายังไม่ทันจะหายดี

            วันรุ่งขึ้นเรือไม่เห็นแม้เงานก                     เริ่มวิตกกลัวว่านกจะบินหนี

หรืออาจพลัดตกไปในนที                          วอนให้เจ้าโชคดีรอดพ้นภัย

            ฝ่ายเจ้านกบินไปไม่ไกลมาก                      บาดแผลเริ่มปิดยากซ้ำเลือดไหล

นกเหนื่อยอ่อนคิดว่าตนคงสิ้นใจ                            บินไม่ไหวลมหายใจแผ่วทุกที

            เรือแล่นไปสังหรณ์ใจอย่างประหลาด          เจ้านกอาจบินไม่ไกลจากที่นี่

อาจลอยคอท่ามกลางชลนที                                  หาให้ดีวนอีกทีให้แน่ใจ

            เรือรีบแล่นไล่ตามหานกน้อย                     เจ้านกลอยเท้งเต้งไม่เคลื่อนไหว

เรือเห็นร่างคุ้นๆลอยมาไกล                                   รีบแล่นไปดูใจขอให้ทัน

            เรือประคองร่างนกอย่างเบามือ                  อยากจะยื้อชีวิตนกอันโศกศัลย์

อนิจจาเวลาที่พบกัน                                            ช่างรวดเร็วฉับพลันแสนอาลัย

            นกลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ                          ถามเรือว่าช่วยข้าเหตุไหน

เจ้ามันเป็นเรือบ้าอันตราย                                     ปล่อยข้าไปก็ได้อย่าเหลียวแล

            เรือตอบว่าข้าช่วยหากช่วยได้                     จะคอยช่วยเรื่อยไปไร้ข้อแม้

แต่ทุกครั้งที่คอยช่วยดูแล                                       เจ้าดวงแขบนฟากฟ้าจะมากวน

            ร่ายมนต์ให้พวกเจ้าอคติ                            พวกเจ้ามิฉุกคิดเริ่มหันหวน

อยากหนีไปไกลจากข้าสุดคร่ำครวญ                        จุดชนวนให้เราต้องจากกัน

            นกได้ฟังเรือเล่ากล่าวขอโทษ                     เรือลำน้อยไม่โกรธไม่หุนหัน

กลับดีใจที่มีเพื่อนร่วมผูกพัน                                 พรากจากกันเพราะอคติมิมีดี

..................................... (13.ศศิธร)......................................

 

 

14. ศศิธร

ส่งทางอีเมล์ : Thursday, September 27, 2012 6:37 PM

หมายเหตุ : ผิดกติกา เกิน 10 บท

 

เรือกับนก (14.ศศิธร) แก้ไขครั้งที่ 1

เรือลำน้อยแล่นฉิวพลิ้วสะบัด                    คลื่นลมพัดสาดกระเซ็นเป็นเส้นสาย

เรือลำน้อยแล่นไปไม่เว้นวาย                                 เพียงเพื่อหมายถึงฝั่งสมดังใจ

นกบาดเจ็บบินมาขอหยุดพัก                     ขอพำนักสักคืนจะได้ไหม

เรือเมตตาบอกว่าพักให้สบาย                                หายเมื่อไหร่ค่อยบินไปก็แล้วกัน

ในคืนนั้นนกนอนหลับอย่างแสนสุข            พระจันทร์ปลุกให้ตื่นขึ้นจากฝัน

นกงัวเงียตื่นมาง่วงงงงัน                                       ถามเร็วพลันเจ้ามีเรื่องอันใด

            พระจันทร์บอกเรือลำนี้ไม่ดีนัก                   ใครมาพักมีอันต้องหนีหาย

จำต้องจากครอบครัวตัวต้องตาย                            ต้องมลายมอดม้วยมรณา

            นกตกใจเมื่อฟังเรื่องดังกล่าว                     ตัวร้อนผ่าวอกสั่นขวัญผวา

แอบบินไปตอนกลางคืนฝืนกายา                            เพิ่งเจ็บมายังไม่ทันจะหายดี

            วันรุ่งขึ้นเรือไม่เห็นแม้เงานก                     เริ่มวิตกกลัวว่านกจะบินหนี

หรืออาจพลัดตกไปในนที                          วอนให้เจ้าโชคดีรอดพ้นภัย

            ฝ่ายเจ้านกบินไปไม่ไกลมาก                      บาดแผลเริ่มปิดยากซ้ำเลือดไหล

นกเหนื่อยอ่อนคิดว่าตนคงสิ้นใจ                            บินไม่ไหวลมหายใจแผ่วทุกที

            เรือแล่นไปสังหรณ์ใจอย่างประหลาด          เจ้านกอาจบินไม่ไกลจากที่นี่

อาจลอยคอท่ามกลางชลนที                                  หาให้ดีวนอีกทีให้แน่ใจ

            เรือรีบแล่นไล่ตามหานกน้อย                     เจ้านกลอยเท้งเต้งไม่เคลื่อนไหว

เรือเห็นร่างคุ้นๆลอยมาไกล                                   รีบแล่นไปดูใจขอให้ทัน

            เรือประคองร่างนกอย่างเบามือ                  อยากจะยื้อชีวิตนกอันโศกศัลย์

อนิจจาเวลาที่พบกัน                                            ช่างรวดเร็วฉับพลันแสนอาลัย

            นกลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ                          ถามเรือว่าช่วยข้าด้วยเหตุไหน

เจ้ามันเป็นเรือบ้าอันตราย                                     ปล่อยข้าไปก็ได้อย่าเหลียวแล

            เรือตอบว่าข้าช่วยหากช่วยได้                     จะคอยช่วยเรื่อยไปไร้ข้อแม้

แต่ทุกครั้งที่คอยช่วยดูแล                                       เจ้าดวงแขบนฟากฟ้าจะมากวน

            ร่ายมนต์ให้พวกเจ้าอคติ                            พวกเจ้ามิฉุกคิดเริ่มหันหวน

อยากหนีไปไกลจากข้าสุดคร่ำครวญ                        จุดชนวนให้เราต้องจากกัน

            นกได้ฟังเรือเล่ากล่าวขอโทษ                     เรือลำน้อยไม่โกรธไม่หุนหัน

กลับดีใจที่มีเพื่อนร่วมผูกพัน                                 พรากจากกันเพราะอคติมิมีดี                                            

..................................... (14.ศศิธร)......................................

 




กลอนสุภาพ 2555

ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “อุษาคเนย์”
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “นามธรรม”



bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ