ReadyPlanet.com
dot dot
ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป (โคลงสี่สุภาพ) : หัวข้อ “นามธรรม”

 

ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป (โคลงสี่สุภาพ) : หัวข้อ นามธรรม

ครั้งที่ 5 ประจำปี 2555 จำนวน 47 ชิ้น

1. พิศุทธิธาดา

ส่งทางอีเมล์ : Thursday, September 27, 2012 7:36 PM

นามธรรม (1. พิศุทธิธาดา)

                        นามแรกคราตื่นขึ้น          บนโลก  เรานา

            นามแม่มลายโศก                         บ่ยั้ง

            ทองคำที่ผูกโพก                           ขวัญอ่อน  รักเอย

            คำที่สรรหาตั้ง                              ชื่อให้นามธรรม

                        คราศึกษาใหญ่ขึ้น            โตมา

            จงเก่งวิทยา                                   มั่นไว้

            จงเรียนเร่งเสาะหา                      ดีชั่ว

            ใจไม่คิดเกลือกกลั้ว                      เหล่านี้นามธรรม

                        คราทำงานเพื่อเลี้ยง          กายตน

            จงซื่อสัตย์อดทน                          ชอบไว้

            คดโกงอย่าสับสน                         ตรองชอบ  เอานา

            ใจซื่อสัตย์ทำได้                             เหล่านี้นามธรรม

                        มีครอบครัวแต่งตั้ง           สมรส  รักเอย

            จงมั่นคงยอยศ                             แม่บ้าน

            จงใจอย่าพูดปด                            กับครอบ  ครัวตน

            ใจไม่คิดออกบ้าน                        เหล่านี้นามธรรม

                        คราลูกยาอ่อนน้อย           เติบมา

            เราก็หาทรัพยา                             กอบไว้

            เมตตาที่บุตรธิดา                          เราชื่น  ชมเอย

            ใจที่คิดเพียงให้                             เหล่านี้นามธรรม

                        คราชราอ่อนคล้อย           วัยวาร

            วัยล่วงเลยมานาน                        รู้ได้

            ถือศีลชอบบุญทาน                      เตรียมมอบ  กายคืน

            ใจที่คิดปลงได้                               เหล่านี้นามธรรม

                        ความรักโลภซื่อทั้ง           เมตตา

            ความชั่วดีนานา                          เหล่านั้น

            อดทนชอบกายา                          ใจเที่ยง  ธรรมเอย

            ใจที่คิดดีได้                                    เหล่านี้นามธรรม

..................................... (1. พิศุทธิธาดา)...................................... 

 

2. อาษา

ส่งทางอีเมล์ : Monday, October 1, 2012 9:54 AM

 

สิ่งที่มองไม่เห็น?  (2. อาษา)  

๑. บุญ-บาป-ดี-ชั่วไซร้                 ไคลเห็น

สัตว์ป่าปัญญาเป็น                                      ไป่รู้

มนุษย์จึ่งคะนึงเข็น                                    ขจ่าง

สำเหนียกสมาทานสู้                                  ต่ำช้าสละหนี ฯ

๒. ทำความดีบ่เว้น                  เป็นบุญ

สุจริตสัมฤทธิ์คุณ                                    ขอบให้

ละเบียนเบียดเจียดจุน-                           เจือจิต

ละก่อเวรเข็ญไคล้                                    ก่ายส้องครองศานติ์ ฯ

            ๓. การกระทำชั่วร้าย                   กลายบาป

ลัก-ฆ่า-มุสาฯลฯ หยาบ                          หลาบไร้

ประพฤติผิดกามสาบ                              สรรสบ

คอรัปชั่นครั่นใช้-                                    ชดคล้ายคืนสนอง ฯ

๔. ครรลองกรรมห่ามให้                ไขหวน

พ่อแม่แดทรามซวน                                        บุตรซ้ำ  

สังคมแส่แลรวน                                              สถุลร่าน

ภัยพล่านเภทผลาญพล้ำ                                 ร่ำร้อนซอนกระแส ฯ

๕. ชวนแลแชชาติเชื้อ                       ชาญฉล

ชาติย่อยยับอับจน                                                จัดแจ้ง

ประชาใฝ่ไผทสน                                                 สุจริต

ประกฤติสัมฤทธิ์แก้ง                                         เสื่อมไร้ไกรเหลือ ฯ

๖. เธียรทันทอนฟั่นเฟื้อ             วัตถุ

หยุดย่ามมุทะลุ                                             อยากยั้ง

ศีลธรรม์หมั่นบรรจุ                                    กุศลจิต

คงมั่นสันติ์สุขรั้ง                                         ต่างเรื้องเมืองไสว ฯ                              

..................................... (2. อาษา)......................................

 

3. ส.สิริภัทร

ส่งทางอีเมล์ : Monday, October 1, 2012 10:32 AM

 

นามธรรม (3. ส.สิริภัทร) ส่งครั้งแรก มีแก้ไข

 

๑.ธรรมารมณ์ห่มฟ้า        นามธรรม

เจิดจรัสประภัสลำ                            ส่องสล้าง

สร้างสติหิริธรรม                              ล้ำสว่าง กระจ่างแล

มารหมู่ม้วยมล้าง                             สร่างสิ้นรพินทร์สูญ 

            ๒.จรูญจรุงรุ่งริ้ว               ระรินธรรม

เอมอิ่มเกษมธรรม                       เอิบฟ้า

รัญจวนกลีบกลิ่นธรรม                ขจรซ่าน ทรวงเอย

เหวยแว่วเหวยเอ๋ยข้า                    ข่มข้ามอนันตกาล

            ๓.กาญจ์กวีก่อเกื้อ            เอื้อธรรม

เติมแต่งต่อแต้มคำ                       เคลิบเคลิ้ม

ลิลิตลิขิตลำ                                   นำเรื่อง เลิศแล

แส่เสกรจเรขเฟิ้ม                        เพิ่มแพร้วแล้วสาร

            ๔.ละเลงลานร่องริ้ว         พริ้วระบัด

เส้นซัดเต้นสะบัด                          ปัดป้าย

ศิลปินสืบสานหัตถ-                     ศิลป์สื่อ สารแล

คณึงนิตย์ประดิษฐ์คล้าย                ก่อด้ายนามธรรม

            ๕.รูปธรรมส่องสะท้อน    ก้อนธรรม

ปรากฏธรรมอิงธรรม                    เพริศแพร้ว

ปฏิจจเรียบเรียงธรรม                   นำก่อ ธรรมนา

สุมุปบาทเลิศแล้ว                           ก่อแก้วกิ่งกานต์

            ๖.ธารเปลวเทียนเอ่งอ้าง   อวดแสง

นามรูปดับสำแดง                          สร่างสิ้น

อนัตถแถลงแผลง                          แสดงส่ง นามนา

น้ำเนตรดาดับดิ้น                           สุดสิ้นสังสารวัฏ

            ๗.ปรมัตถ์พิพัฒน์พร้อง    สนองสม

ท้าวเดชเรศอินทร์พรหม               เพริศพร้อง

จรูญจรุงรุ่งริ้วลม                             หวนซึ่ง มรรคเอย

ประเสริฐประสิทธิ์คล้อง               เฟื่องฟุ้งรุ่งเรือง

..................................... (3. ส.สิริภัทร)......................................

 

4. ส.สิริภัทร

ส่งทางอีเมล์ : Tuesday, October 2, 2012 8:56 AM

 

นามธรรม (4. ส.สิริภัทร) แก้ไขครั้งที่ 1 มีแก้ไขเพิ่มเติม

๑.ธรรมารมณ์ห่มฟ้า        นามธรรม

เจิดจรัสประภัสลำ                          ส่องสล้าง

สร้างสติหิริธรรม                            ล้ำสว่าง กระจ่างแล

มารหมู่ม้วยมล้าง                            สร่างสิ้นรพินทร์สูญ

            ๒.จรูญจรุงรุ่งริ้ว                 ระรินธรรม

เอมอิ่มเกษมธรรม                         เอิบฟ้า

รัญจวนกลีบกลิ่นธรรม                 ขจรซ่าน ทรวงเอย

เหวยแว่วเหวยเอ๋ยข้า                     ข่มข้ามอนันตกาล

            ๓.กาญจ์กวีก่อเกื้อ           เอื้อธรรม

เติมแต่งต่อแต้มคำ                       เคลิบเคลิ้ม

ลิลิตลิขิตลำ                                   นำเรื่อง เลิศแล

สรรเสกรจเรขเฟิ้ม                       เพิ่มแพร้วแล้วสาร

            ๔.ละเลงลานร่องริ้ว         พริ้วระบัด

เส้นซัดเต้นสะบัด                          ปัดป้าย

ศิลปินสืบสาน                               หัตถ- ศิลป์สื่อ สารแล

คณึงนิตย์ประดิษฐ์คล้าย               ก่อด้ายนามธรรม

            ๕.รูปธรรมส่องสะท้อน    ก้อนธรรม

ปรากฏธรรมอิงธรรม                    เพริศแพร้ว

ปฏิจจเรียบเรียงธรรม                   นำก่อ ธรรมนา

สุมุปบาทเลิศแล้ว                          ก่อแก้วกิ่งกานต์

            ๖.ธารเปลวเทียนเอ่งอ้าง   อวดแสง

นามรูปดับสำแดง                           สร่างสิ้น

อนัตถแถลงแผลง                           แสดงส่ง นามนา

น้ำเนตรดาดับดิ้น                           สุดสิ้นสังสารวัฏ

            ๗.ปรมัตถ์พิพัฒน์พร้อง    สนองสม

ท้าวเดชเรศอินทร์พรหม               เพริศพร้อง

จรูญจรุงรุ่งริ้วลม                             หวนซึ่ง มรรคเอย

ประเสริฐประสิทธิ์คล้อง               เฟื่องฟุ้งรุ่งเรือง

..................................... (4. ส.สิริภัทร)......................................

 

5. ส.สิริภัทร

ส่งทางอีเมล์ : Friday, October 5, 2012 8:42 AM

 

นามธรรมค้ำรูปธรรม (5. ส.สิริภัทร) แก้ไขครั้งที่ 2 มีแก้ไขเพิ่มเติม

๑.ธรรมารมณ์ห่มฟ้า        นามธรรม

เจิดจรัสประภัสร์ลำ                     ส่องสล้าง

สร้างสติหิริธรรม                         ล้ำสว่าง กระจ่างแล

มารหมู่ม้วยมล้าง                        สร่างสิ้นรพินทร์สูญ

            ๒.จรูญจรุงรุ่งริ้ว               ระรินธรรม

เอมอิ่มเกษมธรรม                       เอิบฟ้า

รัญจวนกลีบกลิ่นธรรม                ขจรซ่าน ทรวงเอย

เหวยแว่วเหวยเอ๋ยข้า                    ข่มข้ามอนันตกาล

            ๓.กาญจ์กวีก่อเกื้อ            เอื้อธรรม

เติมแต่งต่อแต้มคำ                       เคลิบเคลิ้ม

ลิลิตลิขิตลำ                                   นำเรื่อง เลิศแล

สรรค์เสกรจเรขเฟิ้ม                     เพิ่มแพร้วแล้วสาร

            ๔.ละเลงลานร่องริ้ว         พริ้วระบัด

เส้นซัดเต้นสะบัด                          ปัดป้าย

ศิลปินประทินวัตร                        สร้างหัตถ- ศิลป์เอย

เผยผลึกสำนึกคล้าย                      ก่อด้ายนามธรรม

            ๕.รูปธรรมส่องสะท้อน    ก้อนธรรม

ปรากฏธรรมอิงธรรม                    เพริศแพร้ว

ปฏิจจเรียบเรียงธรรม                    นำก่อ ธรรมนา

สุมุปบาทเลิศแล้ว                           ก่อแก้วกิ่งกานต์

            ๖.ธารเปลวเทียนเอ่งอ้าง   อวดแสง

นามรูปดับสำแดง                          สร่างสิ้น

อนัตถแถลงแผลง                          แสดงส่ง นามนา

น้ำเนตรดาดับดิ้น                          สุดสิ้นสังสารวัฏ

            ๗.ปรมัตถ์พิพัฒน์พร้อง     สนองสม

ท้าวเดชเรศอินทร์พรหม                เพริศพร้อง

ต้องปฏิเวธวิเศษสม                        ชมชื่น มรรคเอย

ประเสริฐประสิทธิ์คล้อง               เฟื่องฟุ้งรุ่งเรือง

..................................... (5. ส.สิริภัทร)......................................

 

6. ส.สิริภัทร

ส่งทางอีเมล์ : Wednesday, October 10, 2012 5:13 PM

 

นามธรรมค้ำรูปธรรม (6. ส.สิริภัทร) แก้ไขครั้งที่ 3 มีแก้ไขเพิ่มเติม

๑.ธรรมารมณ์ห่มฟ้า        นามธรรม

เจิดจรัสประภัสร์ลำ                        ส่องสล้าง

สร้างสติหิริธรรม                            ล้ำสว่าง กระจ่างแล

มารหมู่ม้วยมล้าง                            สร่างสิ้นรพินทร์สูญ

            ๒.จรูญจรุงรุ่งริ้ว               ระรินธรรม

เอมอิ่มเกษมธรรม                       เอิบฟ้า

รัญจวนกลีบกลิ่นธรรม                 ขจรซ่าน ทรวงเอย

เหวยแว่วเหวยเอ๋ยข้า                    ข่มข้ามอนันตกาล

            ๓.กาญจ์กวีก่อเกื้อ           เอื้อธรรม

เติมแต่งต่อแต้มคำ                       เคลิบเคลิ้ม

ลิลิตลิขิตลำ                                   นำเรื่อง เลิศแล

สรรค์เสกรจเรขเฟิ้ม                     เพิ่มแพร้วแล้วสาร

            ๔.ละเลงลานร่องริ้ว         พริ้วระบัด

เส้นซัดเต้นสะบัด                          ปัดป้าย

ศิลปินประทินวัตร                         สร้างหัตถ- ศิลป์เอย

เผยผลึกสำนึกคล้าย                      ก่อด้ายนามธรรม

            ๕.รูปธรรมส่องสะท้อน    ก้อนธรรม

ปรากฏธรรมอิงธรรม                    เพริศแพร้ว

ปฏิจจเรียบเรียงธรรม                    นำก่อ ธรรมนา

สุมุปบาทเลิศแล้ว                           ก่อแก้วกิ่งกานต์

            ๖.ธารเปลวเทียนเอ่งอ้าง   อวดแสง

นามรูปดับสำแดง                           สร่างสิ้น

อนัตถแถลงแผลง                          แสดงส่ง นามนา

น้ำเนตรดาดับดิ้น                          สุดสิ้นวัฏสงสาร

            ๗.แตกฉานปริยัติน้อม       สนองสม

ท้าวเดชเรศอินทร์พรหม               เพริศพร้อง

ต้องปฏิเวธวิเศษสม                        ชมชื่น มรรคเอย

ประเสริฐประสิทธิ์คล้อง               เฟื่องฟุ้งรุ่งเรือง

..................................... (6. ส.สิริภัทร)......................................

 

7. ส.สิริภัทร

ส่งทางอีเมล์ : Thursday, October 11, 2012 10:19 AM

 

นามธรรมค้ำรูปธรรม (7. ส.สิริภัทร) แก้ไขครั้งที่ 4 

๑.ธรรมารมณ์ห่มฟ้า        นามธรรม

เจิดจรัสประภัสร์ลำ                          ส่องสล้าง

สร้างสติหิริธรรม                              ล้ำสว่าง กระจ่างแล

มารหมู่ม้วยมล้าง                              สร่างสิ้นรพินทร์สูญ 

            ๒.จรูญจรุงรุ่งริ้ว                ระรินธรรม

เอมอิ่มเกษมธรรม                        เอิบฟ้า

รัญจวนกลีบกลิ่นธรรม                ขจรซ่าน ทรวงเอย

เหวยแว่วเหวยเอ๋ยข้า                   ข่มข้ามอนันตกาล

            ๓.กาญจ์กวีก่อเกื้อ            เอื้อธรรม

เติมแต่งต่อแต้มคำ                        เคลิบเคลิ้ม

ลิลิตลิขิตลำ                                    นำเรื่อง เลิศแล

สรรค์เสกรจเรขเฟิ้ม                     เพิ่มแพร้วแล้วสาร

            ๔.ละเลงลานร่องริ้ว         พริ้วระบัด

เส้นซัดเต้นสะบัด                         ปัดป้าย

ศิลปินประทินวัตร                       สร้างหัตถ- ศิลป์เอย

เผยผลึกสำนึกคล้าย                      ก่อด้ายนามธรรม

            ๕.รูปธรรมส่องสะท้อน    ก้อนธรรม

ปรากฏธรรมอิงธรรม                    เพริศแพร้ว

ปฏิจจเรียบเรียงธรรม                    นำก่อ ธรรมนา

สุมุปบาทเลิศแล้ว                          ก่อแก้วกิ่งกานต์

            ๖.ธารเปลวเทียนเอ่งอ้าง   อวดแสง

นามรูปดับสำแดง                           สร่างสิ้น

อนัตถแถลงแผลง                           แสดงส่ง นามนา

น้ำเนตรดาดับดิ้น                           สุดสิ้นวัฏสงสาร

            ๗.แตกฉานปริยัติน้อม      พร้อมสม บุญเอย

ท้าวเดชเรศอินทร์พรหม               เพริศพร้อง

ต้องปฏิเวธวิเศษสม                       ชมชื่น มรรคเอย

ประเสริฐประสิทธิ์คล้อง               เฟื่องฟุ้งรุ่งเรือง

..................................... (7. ส.สิริภัทร)......................................

  

8. นริศ

ส่งทางอีเมล์ : Wednesday, October 3, 2012 6:41 AM

 

นามธรรม (8. นริศ)

                                    ความหมายที่มิต้อง                      มีตัว  ตนเอย

                        สุกสว่างหรือมืดมัว                                 หยั่งรู้

                        แย้มนัยแห่งกล้ากลัว                               นานเนิ่น

                        จิตแจ่มใสใจสู้                                           เพื่อรู้กลนัย

                                    ใช้จินตภาพเพื่อสร้าง                 ความจริง

                        ใช้เหตุผลอ้างอิง                                      ตรึกไว้

                        ใช้ตรรกศาสตร์อ้างอิง                            หนักแน่น

                        สรุปจากข้อมูลได้                                    สิ่งรู้ที่ทำ

                                    คุณธรรมนำจิตให้                        เกิดคุณ

                        จิตก่อเกิดแรงบุญ                                     เลิศล้ำ

                        ปฏิบัติอย่างสมดุล                                   ประโยชน์ยิ่ง

                        จิตนิ่งดั่งห้วงน้ำ                                      นิ่งนี้ไหลลึก

                                    ตรึกตรองรอบคอบแล้ว               จึงทำ

                        ปฏิบัติเพื่อน้อมนำ                                   สิ่งรู้

                        รู้แล้วเร่งจดจำ                                           ต่อยอด

                        สังเคราะห์ความรู้สู้                                 วิกฤตร้ายโลกา

                                    บูชาไตรรัตน์อ้าง                          สถาบัน

                        พุทธศาสน์บรรเจิดพลัน                         แจ่มจ้า

                        บริษัทสี่ครบครัน                                      ทุกสิ่ง

                        ประกาศก้องทั่วหล้า                                ครอบฟ้าจักรวาล

                                    มารดาเราท่านนี้                          มีคุณ

                        บิดาเพิ่มเสริมแรงบุญ                             ก่อเกื้อ

                        กำเนิดอย่างสมดุล                                   เจริญยิ่ง

                        กายเกิดจากเลือดเนื้อ                              จิตนี้เข้าครอง

                                    สองมือยกนอบน้อม                  บูชา

                        คุณบิดรมารดา                                        เทิดไว้

                        สรรพคุณอื่นนานา                                ฤาเปรียบ

                        คุณใหญ่ยิ่งเทียบได้                                 แผ่นฟ้าพสุธา        

                                    บารมี ธ ปกเกล้า                         ชาวสยาม

                        ให้อยู่สุขทุกยาม                                      ค่ำเช้า

            ปวงชนทุกเขตคาม                                  ปีติยิ่ง

น้อมนบ ธ เหนือเกล้า                     พ่อผู้ทรงธรรม

..................................... (8. นริศ)......................................

  

9. เงารัตติกาล

ส่งทางอีเมล์ : Thursday, October 4, 2012 9:59 AM

 

นามธรรม (9. เงารัตติกาล)  

๐๐ คำว่ารักเอ่ยเอื้อน                 ออกมา

ประหนึ่งการเสาะหา                               ยากแท้

ความรักจากวาจา                                       คงมั่น แน่ฤา

เอื้อนเอ่ยแล้วจักแก้                                  เปลี่ยนได้น้ำคำ

๐๐  จงจำความรักนี้             นามธรรม

เป็นแค่เพียงบางคำ                                 จดไว้

สัมผัสสิ่งที่ทำ                                         นี้ยาก

ความรักมักขาดไร้                                  สิ่งนี้รูปธรรม

๐๐ คงเป็นกรรมจึ่งต้อง               ประสบ

ความรักมิรู้จบ                                               เช่นนี้

เปรียบเหมือนอยู่สนามรบ                         สนามรัก

แม้ว่าอยากหลบลี้                                       ไม่ได้ดั่งใจ

๐๐ สัมผัสในรักแท้                      แค่ฝัน

เพียงแค่ความผูกพัน                                 ที่ได้

สัมผัสผ่านวานวัน                                   ผันเปลี่ยน

ความรักแม้อยู่ใกล้                                   แค่เอื้อมสุดคว้า

๐๐ ที่มาของรักนี้                    แห่งไหน

มาจากก้นบึ้งใจ                                       เท่านั้น

หรือความรักจากใคร                              คนอื่น

หยิบยื่นจับแต่งปั้น                                 ส่งให้หลายคน

๐๐ กี่หนที่ชอกช้ำ                   จากรัก

ยอมที่จะจมปลัก                                     รักร้าย

ถึงแม้ว่าเจ็บหนัก                                    คราวก่อน

ช้ำชอกอกข้างซ้าย                                   พ่ายแพ้ทรมาน

๐๐ สานต่อซึ่งรักแท้               สุขสม

ความรักคืออารมณ์                                  จิตไซร้

แม้ความรักภิรมย์                                    หรือทุกข์

มิหยุดความรักได้                                     รักแท้แค่รอ

..................................... (9. “เงารัตติกาล)......................................

 

10. รติ รัตติกาล

ส่งทางอีเมล์ : Saturday, October 6, 2012 2:52 PM

 

นามธรรม (10. รติ รัตติกาล)  

@ วาดทรวดทรงแต่งแต้ม         สีสัน

     สะบัดตวัดพู่กัน                                            เร่าร้อน

     ละเลงเร่งล้อฝัน                                           สรรค์เสก

     กลับขยักขย่อนยอกย้อน                            ยั่วเย้าอารมณ์

                 @ รูปทรงรูปร่างสร้าง                  พิกล

     ตกแต่งแต้มสีจน                                        เปรอะเปื้อน

     หยาบละเอียดระคน                                 คละคล่ำ

     ศิลปินแย้มเยื้อน                                      เอ่ยเอื้อนนามธรรม

                 @ รูปไร้ดั่งลูบไล้                   อากาศ

     รูปวาดบนกระดาษ                            เปล่าสิ้น

     ลวดลายช่างประหลาด                     โดดเด่น

     ผิดแผกแปลกทุกชิ้น                         ซ่อนเร้นนามธรรม

                 @ รูปสร้างเหมือนรูปร้าง           เลือนลาง

     รูปร่างเหมือนรูปพราง                           ก่อไว้

     รูปไร้ไม่คลายวาง                                     ก่อรูป

     เสพรูปด้วยตาไซร้                                    ห่อนได้ถึงธรรม

                 @ อรรถบทซ่อนไว้                      ในรูป

     ยกจิตเข้าเสพสูบ                                     ซาบซึ้ง

     อรรถรสดับวูบ                                        ลงพรึบ พรับแล

     กลับโกรธเกลียดเคียดขึ้ง                       แต่งขึ้นโดยพลัน

                 @ เพียงรูปหนึ่งลึกซึ้ง                ถึงดวง จิตนา

     รูปหลอกตาหลอกลวง                           จิตได้

     กระพี้แน่นแก่นกลวง                           กลอกกลับ

     มีแต่รูปทรงไว้                                         มิได้มีจริง

                 @ รูปกายก็ดั่งคล้าย                     รูปวาด

     รูปหนึ่งมีสี่ธาตุ                                       กอบเข้า

     เพียงตาเพ่งสามารถ                              หยั่งคาด ได้ฤา

     คงแต่กองฟอนเถ้า                                 ส่อเค้าความจริง

                 @ รูปหนึ่งนามสี่พร้อม                ครบขันธ์

     ก่อเกิดกำเนิดพันธุ์                                   เผ่าได้

     กองทุกข์หนึ่งนี้ผัน                                   แปรเปลี่ยน เสมอนา

     กองธาตุแตกเหลือไว้                                แต่เถ้าเชิงตะกอน

                 @ นามขันธ์สี่บอกไว้                   สมบัติ

     คุณลักษณ์บอกชัด                                   บ่งชี้

     แต่กิเลสร้อยรัด                                        มัดแน่น

     หลงว่านามธรรมนี้                                  เที่ยงแท้ยืนยงฯ

..................................... (10. รติ รัตติกาล)......................................

 

11. มารุโกะ

ส่งทางอีเมล์ : Sunday, October 7, 2012 3:50 PM

 

นามธรรม (11. มารุโกะ)

บางสิ่งมิอาจจ้อง                      ด้วยนัยต์

เฝ้าเพ่งพินิจไป                                        ไป่รู้

เฝ้ามองอย่างครวญใคร่                          หามิ พบไม่

อันสิ่งนี้เองรู้                                           ชื่อนี้นามธรรม

            นามธรรมสิ่งนี้                            คือใคร

คือสิ่งมิรู้ได้                                             แน่แท้

จะสัมผัสห้าใช้                                        ว่าใช่ แต่ไม่

ลิ้นไม่สามารถแม้                                    จมูกหูตากาย

            นามธรรมหนึ่งนั้น                       เวทนา

ทั้งทุกข์สุขพอใจหนา                               นิ่งเฉย

ความรู้สึกมนุษย์นา                                 บ่อห่อนวางเว้น

ความรักความชังเอ่ย                                ก่อเกิดแต่ตรม

            นามธรรมสองนั่นรู้                      สัญญา

มีสติรู้ตัวเองหนา                                     จำได้

ยามลุกนั่งรู้ทุกครา                                   รู้สึกนึกได้

รู้ทั่วหนาวแดงดำล้วน                              สิ่งนี้สัญญา

            นามธรรมสามส่วนนี้                   สังขาร

เฟ้าคิดครุ่นทุกการณ์                                คิดไว้

ความคิดพลุ่งคิดนาน                                คิดดีคิดเลว

ทุกสิ่งที่คิดล้วน                                       ปรุงแต่งภายใน

นามธรรมสี่สุดท้าย                      วิญญาณ

มีสิ่งมากระทบพาน                                 เกิดรู้

เสียงดัง กลิ่นหอม หวาน                          สัมผัสรู้ได้

สัมผัสอายตนะผู้                                     ก่อได้วิญญาณ

..................................... (11. มารุโกะ)......................................

 

12. นิวัฒน์

ส่งทางอีเมล์ : Tuesday, October 9, 2012 11:38 AM

 

นามธรรม (12. นิวัฒน์) 

            ไม่อาจเห็นรับรู้                           ด้วยตา

เกิดจากใจสั่งมา                                      เท่านั้น

ความรู้สึกนั้นหนา                                   บ่งบอก

ยากยิ่งเกินขวางกั้น                                  จิตไว้ควบคุม

            อุปสรรครุมเร่งเร้า                       พัวพัน

ยึดมั่นหลักจรรยาบรรณ                            ต่อสู้

ซื่อสัตย์ทุกสิ่งอัน                                     ก่อเกิด ศรัทธาเฮย

หมายมาดเพื่อกอบกู้                                ก้าวข้ามอบาย

            หญิงชายในโลกล้วน                     มัวเมา

ติดยึดสิ่งอับเฉา                                         ต่ำช้า

หลงกิเลสเกินบรรเทา                               คาดคิด มากนา

จิตวิปริตแรงกล้า                                       หมดสิ้นมโนธรรม

            เลิกก่อกรรมหมั่นสร้าง                 กุศล

มุ่งคิดช่วยผู้คน                                           ค่ำเช้า

เมืองย่อมสงบดาลดล                               สันติ สุขแฮ

ไร้ทุกข์หยุดเรื่องเศร้า                                ฆ่าทิ้งรายวัน

            แบ่งปันจักดับร้อน                       แผ่นดิน

ตัดโลภฉ้อโกงกิน                                   จากนี้

เผื่อแผ่เมตตาถวิล                                    ผู้อื่น บ้างนา

ยุติเรื่องร้ายหลีกลี้                                   ผ่านพ้นเภทภัย

            ประสานใจเพื่อหล้า                     ร่มเย็น

ฟันฝ่าข้ามยุคเข็ญ                                    อยู่ได้

ยอมถอยตัดประเด็น                                 แตกแยก นี้นา

ก่อนทั่วถิ่นร่ำไห้                                      แผ่นพื้นเนื่องนอง

..................................... (12. นิวัฒน์)......................................

 

13. นกฮูก สีฟ้า

ส่งทางอีเมล์ : Wednesday, October 10, 2012 1:35 AM

 

ตะไคร่อารมณ์ (13. นกฮูก สีฟ้า) ส่งครั้งแรกมีแก้ไข 

๏ กระจกเงาสะท้อน               นัยตน

ครวญใคร่ยังสับสน                                  บ่งชี้

จิตร้อนรุ่มวกวน                                      เวียนว่าย

ปีนป่านอารมณ์นี้                                    ข่าวร้ายเสกสรร๚ะ

๏ ครั้นหยั่งลึกรากเหง้า                 เนาจิต

คล้ายแอบแฝงปกปิด                                    ม่านเศร้า                                            

สัมผัสฉากอำมหิต                                        อีกหนึ่ง                      

ถูกกลั่นแกล้งยั่วเย้า                                       ดั่งให้ใจสลาย๚ะ

๏ หลายเรื่องทุกข์มากล้น              ทาบทบ

สุขส่วนดีกลายกลบ                                       ชะล้าง

เคืองแค้นยากกลบเกลื่อน                             รอยฝาก

เหมือนดั่งฟ้าเวิ้งว้าง                                     หมดสิ้นเงาจันทร์๚ะ

๏ ช่วงนั้นโลกนิ่งได้                      เบื่อคน

หลายสิ่งสัญจรวน                                        ป่ายย้ำ

เฝ้าคอยขุดเพื่อยล                                         เย้ยยั่ว

เงียบนิ่งเพราะชอกช้ำ                               อัดอั้นอกตรม๚ะ

๏ กักตนบ่มอยากแก้                    อารมณ์

สะกดความขื่นขม                                       สุดกลั้น

ตรึงด้วยหมุดระทม                                    ปักแน่น

ชีวิตเผยสิ่งกั้น                                             ข่าวร้ายกาลหลัง ๚ะ

๏ ลังเลตระหนกคล้าย                  หวาดผวา

ตระหนักวุ่นตัณหา                                      จิตย้อน

ซับซ้อนแหล่งที่มา                                      ดั่งคลื่น

ล้วนซึ่งเหมือนถูกค้อน                             ตอกย้ำหมุดเดิม๚ะ

๏ อยากจะเสริมหน่วยรู้               กู่กลับ

จิตล่องหลบหลีกลับ                                    ซ่อนเร้น

สมองแย่ใจปรับ                                           แปรเปลี่ยน

ตะไคร่อารมณ์เน้น                                      เกาะก้านกินใจ๚ะ

๏ ไร้สภาวะซ้อน                     ความคิด

สารพัดเรื่องผิด                                        โทษฟ้า

แสงใจพร่าจวนมิด                                  มัวหม่น

ส่งแก่นสมองล้า                                      เอ่ยเอื้อนทัดทาน๚ะ๛

..................................... (13. นกฮูก สีฟ้า)...................................... 

 

14. นกฮูก สีฟ้า

ส่งทางอีเมล์ : Wednesday, October 10, 2012 8:20 AM

 

ตะไคร่อารมณ์ (14. นกฮูก สีฟ้า) แก้ไขครั้งที่ 1 มีแก้ไขเพิ่มเติม

๏ กระจกเงาสะท้อน               นัยตน

ครวญใคร่ยังสับสน                                  บ่งชี้

จิตร้อนรุ่มวกวน                                      เวียนว่าย

ปีนป่านอารมณ์นี้                                    ข่าวร้ายเสกสรร๚ะ

๏ ครั้นหยั่งลึกรากเหง้า          เนาจิต

คล้ายแอบแฝงปกปิด                                ม่านเศร้า                                            

สัมผัสฉากอำมหิต                                   อีกหนึ่ง                      

ถูกกลั่นแกล้งยั่วเย้า                                  ดั่งให้ใจสลาย๚ะ

๏ หลายเรื่องทุกข์มากล้น              ทาบทบ

สุขส่วนดีกลายกลบ                                       ชะล้าง

เคืองแค้นยากกลบเกลื่อน                             รอยฝาก

เหมือนดั่งฟ้าเวิ้งว้าง                                    หมดสิ้นเงาจันทร์๚ะ

๏ ช่วงนั้นโลกนิ่งได้                      เบื่อคน

หลายสิ่งสัญจรวน                                   ป่ายย้ำ

เฝ้าคอยขุดเพื่อยล                                     เย้ยยั่ว

เงียบนิ่งเพราะชอกช้ำ                               อัดอั้นอกตรม๚ะ

๏ กักตนบ่มอยากแก้                    อารมณ์

สะกดความขื่นขม                                   สุดกลั้น

ตรึงด้วยหมุดระทม                                  ปักแน่น

ชีวิตเผยสิ่งกั้น                                         ข่าวร้ายกาลหลัง ๚ะ

๏ ลังเลตระหนกคล้าย            หวาดผวา

ตระหนักวุ่นตัณหา                                  จิตย้อน

ซับซ้อนแหล่งที่มา                                  ดั่งคลื่น

ล้วนซึ่งเหมือนถูกฆ้อน                             ตอกย้ำหมุดเดิม๚ะ

๏ อยากจะเสริมหน่วยรู้           กู่กลับ

จิตล่องหลบหลีกลับ                                 ซ่อนเร้น

สมองแย่ใจปรับ                                         แปรเปลี่ยน

ตะไคร่อารมณ์เน้น                                   เกาะก้านกินใจ๚ะ

๏ ไร้สภาวะซ้อน                     ความคิด

สารพัดเรื่องผิด                                        โทษฟ้า

แสงใจพร่าจวนมิด                                  มัวหม่น

ส่งแก่นสมองล้า                                      เอ่ยเอื้อนทัดทาน๚ะ๛

..................................... (14. นกฮูก สีฟ้า)......................................

 

15. นกฮูก สีฟ้า

ส่งทางอีเมล์ : Monday, October 15, 2012 8:17 PM

 

ตะไคร่อารมณ์ (15. นกฮูก สีฟ้า) แก้ไขครั้งที่ 2

 

๏ กระจกเงาสะท้อน                นัยตน                   

ครวญใคร่ยังสับสน                                  บ่งชี้

จิตร้อนรุ่มวกวน                                      เวียนว่าย

ปีนป่ายอารมณ์นี้                                     ข่าวร้ายเสกสรร๚ะ

๏ ครั้นหยั่งลึกรากเหง้า            เนาจิต

คล้ายแอบแฝงปกปิด                                ม่านเศร้า                                            

สัมผัสฉากอำมหิต                                   อีกหนึ่ง                      

ถูกกลั่นแกล้งยั่วเย้า                                  ดั่งให้ใจสลาย๚ะ

๏ หลายเรื่องทุกข์มากล้น         ทาบทบ

สุขส่วนดีกลายกลบ                                   ชะล้าง

เคืองแค้นยากกลบเกลื่อน                          รอยฝาก

เหมือนดั่งฟ้าเวิ้งว้าง                                หมดสิ้นเงาจันทร์๚ะ

๏ ช่วงนั้นโลกนิ่งได้                เบื่อคน

หลายสิ่งสัญจรวน                                   ป่ายย้ำ

เฝ้าคอยขุดเพื่อยล                                     เย้ยยั่ว

เงียบนิ่งเพราะชอกช้ำ                               อัดอั้นอกตรม๚ะ

๏ กักตนบ่มอยากแก้               อารมณ์

สะกดความขื่นขม                                   สุดกลั้น

ตรึงด้วยหมุดระทม                                  ปักแน่น

ชีวิตเผยสิ่งกั้น                                         ข่าวร้ายกาลหลัง ๚ะ

๏ ลังเลตระหนกคล้าย             หวาดผวา

ตระหนักวุ่นตัณหา                                  จิตย้อน

ซับซ้อนแหล่งที่มา                                  ดั่งคลื่น

ล้วนซึ่งเหมือนถูกฆ้อน                             ตอกย้ำหมุดเดิม๚ะ

๏ อยากจะเสริมหน่วยรู้           กู่กลับ

จิตล่องหลบหลีกลับ                                 ซ่อนเร้น

สมองแย่ใจปรับ                                         แปรเปลี่ยน

ตะไคร่อารมณ์เน้น                                   เกาะก้านกินใจ๚ะ

๏ ไร้สภาวะซ้อน                         ความคิด

สารพัดเรื่องผิด                                        โทษฟ้า

แสงใจพร่าจวนมิด                                  มัวหม่น

ส่งแก่นสมองล้า                                      เอ่ยเอื้อนทัดทาน๚ะ๛

..................................... (15. นกฮูก สีฟ้า)......................................

 

16. นิวัฒน์

ส่งทางอีเมล์ : Wednesday, October 10, 2012 8:33 PM

 

นามธรรม (16. นิวัฒน์)

เปลือกนอกดูออกได้                                 คนเรา นี้เฮย

สภาพจิตส่วนลึกเขา                                            มิรู้

ต่อหน้าจัดฉากเอา                                               ตีบท แตกเฮย     

ลาลับกลับขับสู้                                                   ใส่ไคล้ทำลาย

            วุ่นวายต่างมุ่งหน้า                                   กอบโกย

เฉกเช่นเปรตหิวโหย                                             ชั่วแท้

มองประโยชน์กลิ่นโชย                                         น้ำลายหก

ยากยิ่งจักคิดแก้                                                   รับรู้คุณธรรม

            มุ่งนำอำนาจเข้า                                      ใส่ตัว

ทุจริตลากพันพัว                                                 มากล้น

แย่งตำแหน่งสวมหัว                                            โขนยักษ์

ดุจดั่งโจรจี้ปล้น                                                   ไล่ล้างเผ่าพันธุ์

            ดึงดันเฝ้าคิดค้น                                       วิธี

หาช่องทางโจมตี                                                 เล่ห์ล้ำ

ขาดไร้ซึ่งความปรานี                                           เพื่อนมนุษย์ กันแฮ

สันติเลิกไม่ต้องย้ำ                                                หมดสิ้นปรองดอง

            ตามครรลองถูกต้อง                                 วิถี

รีบเร่งเชื่อมสามัคคี                                              แหล่งหล้า

มิแบ่งแยกเอื้ออารี                                                ทุกหมู่ เหล่าเฮย

สรรพสัตว์อยู่ใต้ฟ้า                                               ภาคพื้นแหล่งเดียว

            กลมเกลียวรักใคร่ให้                                 เพิ่มพลัง

ประหนึ่งเวทมนต์ขลัง                                          แกร่งกล้า

ทุกสิ่งย่อมสำเร็จดัง                                             คาดคิด ไว้แฮ

สุขสงบถึงโลกหน้า                                              ดั่งขึ้นวิมาน                                            .

.................................... (16. นิวัฒน์)......................................

 

17. รุ่งฟ้า

ส่งทางอีเมล์ : Wednesday, October 10, 2012 8:44 PM

 

นามธรรม (17. รุ่งฟ้า) ส่งครั้งแรก มีแก้ไข

๏  กราบองค์พระพุทธเจ้า             ชินวงศ์

กราบพระธรรมดำรง                                สัจจ์แก้ว

กราบอริยะพระสงฆ์                                สาวก

ก่อนเคลื่อนนิทราแล้ว                              นิมิตแจ้งคำสอนฯ

๏ เอนนอนแล้วหลับล้า                เลือนหาย

ฝันแจ่มแสงพร่างพราย                             ร่างรุ้ง

นางหนึ่งชื่อ รตี ฉาย                                 จริตชอบ

นางหนึ่ง อรตี ฟุ้ง                                    ผุดคล้ำดำทมิฬฯ

๏ เหล่านางผินร่างฟ้อน                เริงรำ

นางชื่อ ตัณหา นำ                                   รุ่มร้อน

บริวารเบิกระบำ                                      เย้ายั่ว

โลภ โกรธ หลง ย้ำย้อน                             ยุ่งเยื้อเวทีฯ

๏ ริ้วราตรีม่านฟ้า                        มืดสลัว

หลายหลากอารมณ์มัว                             หม่นถ้วน

โลดแล่นโลกเริงรัว                                   สังคีต

เร่งกระตุ้นจิตล้วน                                   สติรั้งฤๅไหวฯ

๏ กระแสใสสาดสร้าง                  สะพาน

แห่งเมตตาบันดาล                                   หว่านฟ้า

ประสิทธิแห่งดวงฌาน                             ตบะแกล้ว

ส่องสว่างกระจ่างหล้า                             ดับแล้วร้อนเข็ญฯ

๏ เหล่านางเป็นเปลี่ยนหน้า           สยบหาย

โลภโกรธหลงก็คลาย                                เร่าร้อน

ผกผันสิ่งวุ่นวาย                                      สงบดับ  ลงเอย

หยุดนิ่งบรรเลงฟ้อน                                 คีตเร้นสงัดเสียงฯ

๏ จวบเช้าเพียงสะดุ้ง                   จากฝัน

เหลือแต่ นามธรรม อัน                            ลุ่มล้ำ

สติตื่นไตร่ตรองพลัน                                กำหนด

ตามติดอารมณ์ย้ำ                                    โลกนี้สร้าง-สลาย

๏ ประกายปัญญ์ทราบแจ้ง            สัจธรรม

ไตรลักษณ์กฎเกณฑ์กำ-                            หนดแท้

เกิด-ดับ-เปลี่ยนปรวนนำ                          กัลป์โลก

แม้บาปบุญยังแพ้                                     กฎใต้แปรผันฯ

๏ เพียงฝันนิมิตแก้ว                     บันดาล

สถิตสั่งสอนดวงฌาน                               เพื่อรู้

สรรพสิ่ง ชื่อ นามขาน                              สมมุติ

เกิดย่อมดับสูญสู้                                     กอร์ปเกื้อการย์บุญฯ

๏ กราบคุณพระพุทธเจ้า               บรมครู

สอนสั่ง นามธรรม ดู                               กำหนดได้

เหตุทุกข์สมุทัยปู-                                    ฐานจิต

ดับเหตุสู่สุขให้                                        นิโรธแล้วมรรคผลฯ        

..................................... (17. รุ่งฟ้า)...................................... 

 

18. รุ่งฟ้า

ส่งทางอีเมล์ : Thursday, October 11, 2012 1:05 PM

 

นามธรรม (18. รุ่งฟ้า) แก้ไขครั้งที่ 1 มีแก้ไขเพิ่มเติม

๏  กราบองค์พระพุทธเจ้า                         ชินวงศ์

กราบพระธรรมดำรง                                            สัจจ์แก้ว

กราบอริยะพระสงฆ์                                            สาวก

ก่อนเคลื่อนนิทราแล้ว                                          นิมิตแจ้งคำสอนฯ

๏ เอนนอนแล้วหลับล้า                            เลือนหาย

ฝันแจ่มแสงพร่างพราย                                         ร่างรุ้ง

นางหนึ่งชื่อ รตี ฉาย                                             จริตชอบ

นางหนึ่ง อรตี ฟุ้ง                                                ผุดคล้ำดำทมิฬฯ

๏ เหล่านางผินร่างฟ้อน                            เริงรำ

นางชื่อ ตัณหา นำ                                               รุ่มร้อน

บริวารเบิกระบำ                                                  เย้ายั่ว

โลภ โกรธ หลง ย้ำย้อน                                         ยุ่งเยื้อเวทีฯ

๏ ริ้วราตรีม่านฟ้า                                    มืดสลัว

หลายหลากอารมณ์มัว                                         หม่นถ้วน

โลดแล่นโลกเริงรัว                                               สังคีต

เร่งกระตุ้นจิตล้วน                                               สติรั้งฤๅไหวฯ

๏ กระแสใสสาดสร้าง                              สะพาน

แห่งเมตตาบันดาล                                               หว่านฟ้า

ประสิทธิแห่งดวงฌาน                                         ตบะแกล้ว

ส่องสว่างกระจ่างหล้า                                         ดับแล้วร้อนเข็ญฯ

๏ เหล่านางเป็นเปลี่ยนหน้า                       สยบหาย

โลภโกรธหลงก็คลาย                                            เร่าร้อน

ผกผันสิ่งวุ่นวาย                                      สงบดับ  ลงเอย

หยุดนิ่งบรรเลงฟ้อน                                 คีตเร้นสงัดเสียงฯ

๏ จวบเช้าเพียงสะดุ้ง                   จากฝัน

เหลือแต่ นามธรรม อัน                            ลุ่มล้ำ

สติตื่นไตร่ตรองพลัน                                กำหนด

ตามติดอารมณ์ย้ำ                                    โลกนี้สร้าง-สลายฯ

๏ ประกายปัญญ์ทราบแจ้ง            สัจธรรม

ไตรลักษณ์กฎเกณฑ์กำ-                            หนดแท้

เกิด-ดับ-เปลี่ยนปรวนนำ                          กัลป์โลก

แม้บาปบุญยังแพ้                                     กฎใต้แปรผันฯ

๏ เพียงฝันนิมิตแก้ว                     บันดาล

สถิตสั่งสอนดวงฌาน                               เพื่อรู้

สรรพสิ่ง ชื่อ นามขาน                              สมมุติ

เกิดย่อมดับสูญสู้                                     กอปรเกื้อการย์บุญฯ

๏ กราบคุณพระพุทธเจ้า               บรมครู

สอนสั่ง นามธรรม ดู                               กำหนดได้

เหตุทุกข์สมุทัยปู-                                    ฐานจิต

ดับเหตุสู่สุขให้                                        นิโรธแล้วมรรคผลฯ        

..................................... (18. รุ่งฟ้า)......................................

 

19. รุ่งฟ้า

ส่งทางอีเมล์ : Thursday, October 11, 2012 9:11 PM

 

นิมิตสัจจ์ (19. รุ่งฟ้า) แก้ไขครั้งที่ 2

๏  กราบองค์พระพุทธเจ้า                         ชินวงศ์

กราบพระธรรมดำรง                                            สัจจ์แก้ว

กราบอริยะพระสงฆ์                                            สาวก

ก่อนเคลื่อนนิทราแล้ว                                          นิมิตแจ้งคำสอนฯ

๏ เอนนอนแล้วหลับล้า                            เลือนหาย

ฝันแจ่มแสงพร่างพราย                                         ร่างรุ้ง

นางหนึ่งชื่อ รตี ฉาย                                             จริตชอบ

นางหนึ่ง อรตี ฟุ้ง                                                ผุดคล้ำดำทมิฬฯ

๏ เหล่านางผินร่างฟ้อน                            เริงรำ

นางชื่อ ตัณหา นำ                                               รุ่มร้อน

บริวารเบิกระบำ                                                  เย้ายั่ว

โลภ โกรธ หลง ย้ำย้อน                                         ยุ่งเยื้อเวทีฯ

๏ ริ้วราตรีม่านฟ้า                                    มืดสลัว

หลายหลากอารมณ์มัว                                         หม่นถ้วน

โลดแล่นโลกย์เริงรัว                                             สังคีต

เร่งกระตุ้นจิตล้วน                                               สติรั้งฤๅไหวฯ

๏ กระแสใสสาดสร้าง                              สะพาน

แห่งเมตตาบันดาล                                               หว่านฟ้า

ประสิทธิแห่งดวงฌาน                                         ตบะแกล้ว

ส่องสว่างกระจ่างหล้า                                         ดับแล้วร้อนเข็ญฯ

๏ เหล่านางเป็นเปลี่ยนหน้า                       สยบหาย

โลภโกรธหลงก็คลาย                                            เร่าร้อน

ผกผันสิ่งวุ่นวาย                                                  สงบดับ  ลงเอย

หยุดนิ่งบรรเลงฟ้อน                                             คีตเร้นสงัดเสียงฯ

๏ จวบเช้าเพียงสะดุ้ง                               จากฝัน

เหลือแต่ นามธรรม อัน                                        ลุ่มล้ำ

สติตื่นไตร่ตรองพลัน                                            กำหนด

ตามติดอารมณ์ย้ำ                                                โลกนี้สร้าง-สลายฯ

๏ ประกายปัญญ์ทราบแจ้ง                        สัจธรรม

ไตรลักษณ์กฎเกณฑ์กำ-                                        หนดแท้

เกิด-ดับ-เปลี่ยนปรวนนำ                                      กัลป์โลก

แม้บาปบุญยังแพ้                                                 กฎใต้แปรผันฯ

๏ เพียงฝันนิมิตแก้ว                                 บันดาล

สถิตสั่งสอนพุทธะญาณ                                       หยั่งรู้

สรรพสิ่ง ชื่อ นามขาน                                          สมมุติ

เกิดย่อมดับสูญสู้                                                 กอปรเกื้อการย์บุญฯ

๏ กราบคุณพระพุทธเจ้า                           บรมครู

สอนสั่ง นามธรรม ดู                                           กำหนดได้

เหตุทุกข์สมุทัยปู-                                                ฐานจิต

ดับเหตุสู่สุขให้                                                    นิโรธแล้วมรรคผลฯ        

..................................... (19. รุ่งฟ้า)......................................

 

20. งงงวย

ส่งทางอีเมล์ : Thursday, October 11, 2012 12:49 PM

 

นามธรรม (20. งงงวย)

1.นามธรรมขันธ์ห้าคู่                รูปธรรม

มีสี่ประการจำ                                        จดไว้

มากกว่าค่าก็นำ                                       นายรูป  ธรรมนา

จิตว่านายกายได้                                      สั่งสร้างกรรม

            2.นามธรรมสัมผัสได้                ด้วยใจ

ไร้รูปร่างทางใด                                       ไม่รู้

ตาหูจมูกลิ้นใด                                        กายไม่   รู้แฮ

จิตใหญ่ให้เป็นผู้                                      สั่งได้กายพา

3.เวทนาว่าได้รับ                      อารมณ์

ทุกข์สุขกายจิตจม                                    จับย้ำ

ไม่สุขไม่ทุกข์กลม                                    กลืนกับ เฉยนา

กิเลสเกิดทำกรรมซ้ำ                                วิบากให้วนหัน

            4.สัญญาจำได้ก่อน                   เคยพบ  

อายตนะห้าจบ                                        จดไว้

รูปเสียงกลิ่นรสครบ                                 สัมผัส   กายนา

ไม่เที่ยงแท้แปรได้                                    จดแล้วลืมหลัง

            5.สังขารปรุงแต่งแจ้ง                จิตใจ

บุญบาปทราบแก่ใจ                                 เจตน์แล้ว

ไม่บาปไม่บุญใด                                      กลางก็   สบายนา

เว้นชั่วคิดดีแผ้ว                                       ผ่องแพร้วเพริศมาน

            6.วิญญาณรู้แจ้งแจ่ม                เมื่อพบ 

อายตนะ            ในกระทบ                      นอกพร้อม

รูปรสกลิ่นรสครบ                                    สัมผัส   กายนา

ความคิดจิตอาจย้อม                                ยุ่งด้วยโกรธกาม

            7.นามธรรมสัมผัสได้                   ด้วยจิต

อย่างอื่นไม่มีสิทธิ์                                    สืบรู้

นามธรรมกับมีฤทธิ์                                 ดลรูป    เกิดนา

รูปชั่วดีนามผู้                                          ส่งให้วิบากกรรม

            8.นามธรรมคือจิตล้ำ                    สำคัญ

สืบต่อหลายกัปกัลป์                                 ก่อนไว้

สะสมเก็บ กรรมพันธุ์”                           พรรณชั่ว           ดีแฮ

นามสืบสร้างรูปให้                                  ร่างนี้ดีทราม

            9.นามธรรมชั่วสร้างชั่ว                สรรกิจ

ตนวิปลาสวิปริต                                     เร่งเร้า

โลกวิกลคนวิกฤติ                                    พิษทั่ว   โลกนา

ละชั่วทำดีเข้า                                         รูปสร้างร่างงาม

            10.นามธรรมดีก่อสร้าง                ทางดี

ด้วยสะสมบารมี                                     มากไว้

ตนสุขโลกสันต์ศรี                                    สวัสดิ์สงบ         สง่าแฮ

ยึดพระธรรมนำให้                                   โลกกว้างสว่างไสว

..................................... (20. งงงวย)......................................

  

21. งงงวย

ส่งทางอีเมล์ : Thursday, October 11, 2012 12:49 PM

 

นามธรรม (21. งงงวย)

            นามธรรมกรรมก่อไว้                   ในตน    ติดนา

จมวัฏสงสารวน                                     วุ่นซ้ำ

คือจิตติดตามตน                                      ตลอดกัป            กัลป์แฮ

กรรมชั่วดีมากล้ำ                                     เก็บไว้ไม่วาง

            สะสมอย่างซับซ้อน                     ซ่อนใจ

ตายเกิดหลายอสงไขย                               ไม่รู้

ดีชั่วบาปบุญใด                                       ใครก่อ   ไว้นา

ตามดุจเงาของผู้                                      ก่อแล้วตามมา

            อวิชชาความไม่รู้                         โง่การ

เป็นปัจจัยสังขาร                                     คิดสร้าง

ตัณหาอุปาทาน                                       อยากยึด มั่นนา

วนว่ายวังวนว้าง                                     ไม่เว้นทุกข์กัน

            ปัญญาความรอบรู้                       คู่วิชา

อริยสัจตัดตัณหา                                     สุขล้น

บารมีที่สร้างพา                                      พ้นทุกข์             เทวษแฮ

ไตรสิกขาพาพ้น                                      กิเลสร้ายหายเข็ญ

            เห็นได้ยินได้กลิ่น                      รู้รส

สัมผัสกายปรากฎ                                    ร่างได้

นามธรรมท่านกำหนด                             ไม่เที่ยง 

เป็นทุกข์อนัตตาให้                                  ห่างพ้นอวิชชา

เวทนาสุขทุกข์ทั้ง                        กายใจ

ไม่ทุกข์ไม่สุขใด                                       เสื่อมแล้ว

ปัญญาสติกันภัย                                      กิเลสทุกข์          ถอยนา

มรรคดุจดังจักรแก้ว                                 ตัดพ้นตัณหา

            สัญญาจำได้สิ่ง                            เคยพบ

อายตนะประจบ                                      บ่อยครั้ง

รูปรสกลิ่นเสียงครบ                                 สัมผัส   กายนา

เหตุก่อกรรมเติมตั้ง                                  แต่งแต้มตามมาร

            สังขารปรุงแต่งข้าง                      ทางจิต

ยิ่งใหญ่คือความคิด                                  นี่แล้ว

บาปบุญหนุนแรงฤทธิ์                              วิบากก่อ            กิเลสนา

กลางก็พอผ่องแผ้ว                                   ลบร้ายเหลืองาม

            นามธรรมกรรมส่งสร้าง               สืบไป

ทำชั่วตัวต่ำไป                                         ไป่พ้น

ทุคติวินิบาตไฟ                                        นรกแผด            เผานา

เวียนว่ายตายท่วมท้น                               ทุกข์ท้อทรมาน

            การกุศลฉลาดสร้าง                     ทางดี

เป็นเกียรติเป็นศักดิ์ศรี                               โลกหล้า

นามธรรมเพิ่มบารมี                                ไตรสิก   ขาแฮ

รูปจักดีภายหน้า                                      เนื่องสร้างทางเกษม

..................................... (21. งงงวย)......................................

 

22. เชษฐภัทร วิสัยจร

ส่งทางอีเมล์ : Saturday, October 13, 2012 3:57 PM

 

จักรพรรดิแห่งนามธรรม (22. เชษฐภัทร วิสัยจร) ส่งครั้งแรกมีแก้ไข

. ตื่น

คือผู้ยิ่งใหญ่เจ้า                            จักรวรรดิ

เปิดสี่เหลี่ยมจอชัด                                   ช่วงใช้

มนตราทะลุทะลวงจัด                              การบอก

พื้นที่ตะบี้ตะบันให้                                    โลกซึ้งนามธรรม

ฉันเล่นนำสนุกด้วย                      สาระ

รูปภาพข่าวสารจะ                                      แจ่มรู้

ผ่านคอมฯ แท็บเล็ตสะ-                       สมใส่ ใจนอ

จนหลับเหนื่อยเถียงผู้                                โพสข้อความเห็น

 

. หลับฝันชั้นที่หนึ่ง

ฝันเห็นเอวเอิกโอ้                         ออนซอน

ข้อยเบิ่งตลอดหลอน                                 แลบลิ้น

ตามแอ๊ดหมู่ขาจร                                       ใจจริต

สาวคักผ้าน้อยชิ้น                                       ใส่แล้วโพสเทอญ

 

เพิ่นไปเลาะทั่วทั้ง                        ทะเลมา

บิกินี่น้อยชิ้นตา                                   เบิ่งไว้

ข้อยสิตาม เซฟหา                               ม่องเก็บ

แต่บ่อยากกด ไล้ค์”                                 ย่านขะเจ้าฮู้ทัน

เมามันสาวแลก ไล้ค์”                 แสดงตัว

มักพวกเปิด แคมหัว-                           เราะดิ้น

มือขยับออก-เข้าระรัว                              “คีย์บอร์ด

จนหลับคาคอมฯสิ้น                                สติฮู้สมประดี

 

.  ฝันชั้นที่สอง

ใดมี ดราม่าเพ้อ                      ผลใด

ฉันรีบฉันรุดไป                                       ปะทะด้วย

การเมืองทุ่มเถียงใคร                                ก็สนุก

ด่าด่าด่าด่ากล้วย                                      แจกโอ้สนุกจัง

ปลูกฝังโกรธโก้เก่ง                  เกรียนจอ

กระทืบกระทืบ คีย์บอร์ดขอ                  แค่นี้

ประสาอวดถล่มถล่มรอ                            รุมด่า

จนเหนื่อยจะหลับจะหลับชี้                       ชัดอ้างอิทธิพล

 

. ตื่น

จนเช้าฟ้าฮุ่งแจ้ง                          จางปาง

เสียงแม่เอิ้นตื่นวาง                                     ก่อนเด้อ

ปิดคอมฯลูก! ฮ่วย!พลาง                      ป้อยจ่ม

นอนเปิดไฟทิ้มเพ้อ                                 เพิ่นเพี้ยนเหมิดคืน

ฝืนจบการบ้านก่อน                    ส่งครู

เรื่อง ซักเกอร์เบิร์กพรู-                         พรั่งล้น

จักรพรรดิ เฟสบุ๊คหนู                           แสนทึ่ง

พื้นที่พิเศษท้น                                         ท่วมด้วยข้อมูล

            รวมศูนย์จักรพรรดิเจ้า                  นามธรรม

มาร์ค ซักเกอร์เบิร์กจำ-                        จดไว้

การบ้านสรุปความสำ-                             นวนบอก ครูเนอ

แล้ว คลิกอีเมล์ใช้                                ส่งข้อความเขียน   

..................................... (22. เชษฐภัทร วิสัยจร)......................................

 

23. เชษฐภัทร วิสัยจร

ส่งทางอีเมล์ : Saturday, October 13, 2012 11:40 PM

 

จักรพรรดิแห่งนามธรรม (23. เชษฐภัทร วิสัยจร) แก้ไขครั้งที่ 1

 

. ตื่น

คือผู้ยิ่งใหญ่เจ้า                            จักรวรรดิ

เปิดสี่เหลี่ยมจอชัด                                   ช่วงใช้

มนตราทะลุทะลวงจัด                              การบอก

พื้นที่ตะบี้ตะบันให้                                 โลกซึ้งนามธรรม

ฉันเล่นนำสนุกด้วย                      สาระ

รูปภาพข่าวสารจะ                                         แจ่มรู้

ผ่านคอมฯ แท็บเล็ตสะ-                          สมใส่ ใจนอ

จนหลับเหนื่อยเถียงผู้                                  โพสข้อความประเด็น

 

. หลับฝันชั้นที่หนึ่ง

ฝันเห็นเอวเอิกโอ้                         ออนซอน

ข้อยเบิ่งตลอดหลอน                                 แลบลิ้น

ตามแอ๊ดหมู่ขาจร                                    ใจจริต

สาวคักผ้าน้อยชิ้น                                    ใส่แล้วโพสเทอญ

เพิ่นไปเลาะทั่วทั้ง                        ทะเลมา

บิกินี่น้อยชิ้นตา                                  เบิ่งไว้

ข้อยนำ เซฟเสาะหา                            ม่องเก็บ

แต่บ่อยากกด ไล้ค์”                                 ย่านขะเจ้าฮู้ทัน

เมามันสาวแลก ไล้ค์”                 แสดงตัว

มักพวกเปิด แคมหัว-                          เราะดิ้น

มือขยับออก-เข้าระรัว                              “คีย์บอร์ด

จนหลับคาคอมฯสิ้น                                สติฮู้สมประดี

 

. ฝันชั้นที่สอง

ใดมี ดราม่าเพ้อ                      ผลใด

ฉันรีบฉันรุดไป                                       ปะทะด้วย

การเมืองทุ่มเถียงใคร                                ก็สนุก

ด่าด่าด่าด่ากล้วย                                      แจกโอ้สนุกจัง

            ปลูกฝังโกรธโก้เก่ง                      เกรียนจอ

กระทืบกระทืบ คีย์บอร์ดขอ                  แค่นี้

ประสาอวดถล่มถล่มรอ                            รุมด่า

จนเหนื่อยจะหลับจะหลับชี้                       ชัดอ้างอิทธิพล

 

. ตื่น

จนเช้าฟ้าฮุ่งแจ้ง                         จางปาง

เสียงแม่เอิ้นตื่นวาง                                      ก่อนเด้อ

ปิดคอมฯลูก! ฮ่วย!พลาง                      ป้อยจ่ม

นอนเปิดไฟทิ้มเพ้อ                                  เพิ่นเพี้ยนเหมิดคืน

ฝืนจบการบ้านก่อน                     ส่งครู

เรื่อง ซักเกอร์เบิร์กพรู-                         พรั่งล้น

จักรพรรดิ เฟสบุ๊คหนู                             แสนทึ่ง

พื้นที่พิเศษท้น                                        ท่วมด้วยข้อมูล

            รวมศูนย์จักรพรรดิเจ้า                 นามธรรม

มาร์ค ซักเกอร์เบิร์กจำ-                        จดไว้

การบ้านสรุปความสำ-                             นวนบอก ครูเนอ

แล้ว คลิกอีเมล์ใช้                                 ส่งข้อความเขียน   

..................................... (23. เชษฐภัทร วิสัยจร)......................................

 

24. ก.ไกรศิรกานท์

ส่งทางอีเมล์ : Sunday, October 14, 2012 7:00 PM

 

                                                จตุนามธรรม (24. ก.ไกรศิรกานท์) 

                                                ๏ ชีวิตเวียนวุ่นเวิ้ง                       รอยกรรม

                                    จาก“จตุนามธรรม”                                สี่ไซร้

                                    ละเลิกย่อมน้อมนำ                                  ความสุข

                                    ส่งสู่จิตผู้ไร้                                             รากเชื้อรอยกรรม

                                                ถลำ“รัก” คือเริ่มแล้ว                   อารมณ์

                                    รักเริ่มผสานผสม                                   รุ่มร้อน

                                    สมสุขระคนตรม                                     เศร้าโศก

                                    จมจ่อมสะอื้นก้อน                                  ก่อช้ำดวงฤดี

                                                มีรักย่อม“โลภ”เร้า                       เลียลาม

                                    รุก-ไล่ สืบติดตาม                                    ต่อไซร้

                                    เป็นอีกหนึ่งธรรมนาม                              สิงสู่ ทรวงนา

                                    ลองโลภทุกข์เริ่มได้                                  สอดคล้องฟันเฟือง

                                                ต่อเนื่องเป็น“โกรธ”ขึ้ง                 เคืองใจ

                                    ร้อนรุ่มดังมีไฟ                                        บ่มเชื้อ

                                    รักโลภบ่สมใจ                                        จึงขุ่น เคืองนา

                                    รักโลภโกรธเกิดเกื้อ                                  ก่อสร้างทางเวร

                                                เอียงเอน“หลง”ชั่วช้า                   ชักนำ

                                    จิตชั่วชุบมโนธรรม                                  เกลือกกลั้ว

                                    หลงโลภก็ก่อกรรม                                   ตรองห่อน มีเฮย

                                    ธรรมหล่นหลุดขาดขั้ว                              จากเนื้อมโนองค์

                                                “รัก โลภ หลง โกรธ”นี้                น้อมนำ

                                    สัตว์ส่ำสู่เสี้ยวกรรม                                 แน่ไซร้

                                    รวมเรียก“จตุนามธรรม”                         ต้องจับ ได้ฤๅ

                                    หากย่อมสัมผัสได้                                    จากเนื้อในมโน๛

..................................... (24. ก.ไกรศิรกานท์)......................................

 

25. หญิงแจ่มจันทร์

ส่งทางอีเมล์ : Sunday, October 14, 2012 10:23 PM

 

ความคิด (25. หญิงแจ่มจันทร์)  

๐สัมผัสรับเรื่องร้อย         หลากหลาย

ฟังผ่านหูดูกาย                            เกี่ยวข้อง

ตาสอดส่องสารสาย                     เสริมส่ง

รสกลิ่นจำจดจ้อง                        แจ่มแจ้งแถลงไข ฯ

 

๐ซึมซาบใดคล่องใช้                     ชำนาญ

โดดเด่นดีถึงการ                          กล่าวถ้อย

ยอยกย่องสืบสาน                        สุขยิ่ง

วจีไตร่ตรองชดช้อย                      ชื่นซึ้งคนึงหา ฯ 

๐วาจาหวานผ่านพ้น        กลสมอง

ปากส่งหูตามอง                                      ไม่ทิ้ง

วิเคราะห์ก่อนจึงกรอง                  เกิดสง่า

เสริมส่งความเพริดพริ้ง                พรั่งพร้อมจินตนา ฯ

 

๐กิริยาอ่อนน้อม              นำทาง

ยามหยิ่งยวนกวนขวาง                 ข่มผู้

ลดตนปล่อยเบาบาง                     บดเบ่ง

ทำท่าทีเชิดสู้                              ส่อไร้ฝึกฝน ฯ

 

๐เติบโตตนต่างต้อง          ติงคิด

ควรเพ่งนบพินิจ                                      นุ่มช้า

สารรับส่งเปิดปิด                        เป็นต่อ

ชนช่างคุยคบค้า                          ข่าวร้ายเขมือบขวัญ

 

๐ทบทวนทันหมั่นข้อง     ความฉงน

เป็นอยู่คือแบบคน                        คล่องได้

โศกสุมสร่างสุดรน                      หลบห่าง

ใจสว่างคิดไกลใกล้                                  ก่อกู้เกียรติสูง ฯ

..................................... (25. หญิงแจ่มจันทร์)......................................

  

26. นิวัฒน์

ส่งทางอีเมล์ : Monday, October 15, 2012 1:06 PM

 

นามธรรม (26. นิวัฒน์)

            อันดีชั่วย่อมรู้                                          ภายใน ใจเฮย

การกระทำเป็นไฉน                                             กล่าวได้

ใช่เพียงแค่แสดงไป                                              จัดฉาก

ทุกอย่างบ่งบอกไว้                                               ธาตุแท้ของคน

            หนทางพิสูจน์ม้า                                     ฉันใด

กาลยิ่งพิสูจน์ใจ                                                   ดั่งนั้น

ที่ทำทุ่มเพื่อใคร                                                   ดูออก

หลงลาภยศดื้อรั้น                                                หมดสิ้นวิญญาณ

            เนิ่นนานการต่อต้าน                                 รุนแรง

ระบาดทั่วหัวระแหง                                            เจ็บช้ำ

บุกกระหน่ำฆ่าแกง                                              ซ้ำซาก

เหี้ยมโหดเกินกล่าวย้ำ                                           แต่ล้วนเวรกรรม

            นำเสนออวดแอบอ้าง                               สิ่งดี งามเฮย

ปกปิดเรื่องบัดสี                                                  ชั่วร้าย

คิดเพียงแค่มั่งมี                                                   ความสุข ตนนา

ทำผิดกลับโยนป้าย                                               ช่างไร้คุณธรรม

            จดจำอดีตล่วงแล้ว                                   บทเรียน

ร่างประวัติศาสตร์เขียน                                        ถูกต้อง

ไม่ให้วกวนเวียน                                                 หมุนกลับ อีกนา

ต่างเร่งปรับสอดคล้อง                                          เพื่อให้สมานฉันท์

            ร่วมมือกันคิดสร้าง                                  สิ่งสุข

นำชาติผ่านพ้นยุค                                                เดือดร้อน

สามัคคีขจัดทุกข์                                                 ไกลห่าง เมืองแฮ

สันติกลับคืนย้อน                                     จากนี้วัฒนา      

..................................... (26. นิวัฒน์)......................................

  

27. มะละกอ

ส่งทางอีเมล์ : Monday, October 15, 2012 2:29 PM

 

นามธรรม (27. มะละกอ)

ข้อความตามสลักไว้                    ใต้นาม

บ่งบอกทุกการ-ความ                              ผ่านพ้น

คำสอนอักษรงาม                                    ความสงบ

ในชื่อในเสียงค้น                                      ค่าล้ำความหมาย

นายพลตรีกาจกล้า                       ยุทธการ

พักสงบชั่วกาลนาน                                 ที่นี้

เหรียญตราติดอกทหาร                             ผ่านศึก

ประกาศเกียรติยศชี้                                  ชื่อผู้วายชนม์

บนศิลาสลักนั้น                           มหากวี

กล่าวปรัชญาสดุดี                                    ฝากถ้อย

เศรษฐีเศรษฐีนี                                        นอนสงบ

ใต้แผ่นดินเพียงน้อย                                 แผ่นนี้นิรันดร์

ร้อยพันนามผ่านสร้าง                  ผลิตผล

เกียรติยศปรากฏบน                                 แผ่นหล้า

ดีชั่วโฉดฉ้อฉล                                        ฝากชื่อ

จารึกไว้ใต้ฟ้า                                          เล่าย้ำตำนาน

หรือเพียงผ่านภพแล้ว                   ผ่านไป

ไร้สถูปศิลาใด                                         ถูกสร้าง

ไร้จารึกใดใน                                           ประวัติศาสตร์

หลุมศพอันรกร้าง                                 ร่วมพื้นเดียวกัน

เลือดเนื้อพลันกร่อนสิ้น                สลายลง

กระดูกกลายเป็นผง                                  ถ่านเถ้า

เหมือนกันต่างกันคง                                แต่ชื่อ

ฝังโลกสุขโศกเศร้า                                   สลักไว้ในนาม.

..................................... (27. มะละกอ)......................................

 

28. ก.ไกรศิรกานท์

ส่งทางอีเมล์ : Monday, October 15, 2012 4:31 PM

 

                                                            นามธรรม (28. ก.ไกรศิรกานท์)

                                                ๏ เตาะแตะตึงเต่งต้อง                  ตายตาม

                                    พบทั่วทุกรูปนาม                                    แน่ไซร้

                                    นับเนื่องพิริยพลภาม                                ธ กษัตริย์

                                    ทบไพร่ผู้ยากไร้                                        ลุ่ยเนื้อลำเค็ญ

                                                เห็นเกิดแก่เจ็บแล้ว                      ลาตาย

                                    เวียนว่ายวัฏอุบาย                                    โลกนี้

                                    ตราบบ่ล่วงธรรมกาย                               บรรลุ

                                    เทียรย่อมบ่หลีกลี้                         หลุดพ้นวงจร

                                                คำสอนปฏิบัติโน้ม                       นำมา

                                    คือพระธรรมพุทธา                                  พบไว้

                                    เกิดแก่เจ็บมรณา                                     ใครล่วง มีฤๅ

                                    นอกจากจะหลุดได้                                  ล่วงด้วยนิพพาน

                                                ผ่านอริยสัจไซร้                           สี่ประการ

                                    ทุกข์หนึ่งย่อมพบพาน                              ทุกผู้

                                    อีกหนึ่งสมุทัยขาน                                   สาเหตุ

                                    นิโรธเร่งเรียนรู้                                        หลุดด้วยมรรคา

                                                ศาสดาใช่กล่าวแกล้ง                    กลลวง

                                    ด้วยห่วงสัตว์ทั้งปวง                                จึ่งแจ้ง

                                    นามธรรม ชั่ว-ดี สรวง                             นรกเร่า ร้อนฤๅ

                                    มีอยู่จริงหรือแสร้ง                                   สว่างรู้โดยใจ

                                                สวรรค์อยู่ในอกนี้             มิเนาไกล

                                    นรกย่อมเนาในใจ                                    แนบนั้น

                                    นามธรรม ชั่ว-ดี ไหล                               ทุกเมื่อ

                                    ขวักไขว่ขวิดข้างขวั้น                               แน่งเนื้อนามมโน ๛

..................................... (28. ก.ไกรศิรกานท์)......................................

  

29. ก.ไกรศิรกานท์

ส่งทางอีเมล์ : Monday, October 15, 2012 4:31 PM

 

                                                            พระผู้ทรงนามคุณ (29. ก.ไกรศิรกานท์)

                                       ๏ ทรงทานพระเพิ่มพ้น                         บารมี

                                    ทรงเผื่อทรงปรานี                                    ไป่เว้น

                                    ทรงศีลและทรงศรี                                   ทรงศักดิ์

                                    ทรงราชทรงเลือกเฟ้น                               แต่เนื้อนามคุณ

                                                ทรงบุญบริจาคเอื้อ                       อวยชน

                                    ทรงสละอุทิศตน                                     ต่อหล้า

                                    ทรงภพพระภูมิพล                                   ทรงอ่อน โยนนา

                                    ทรงมิ่งมัทวะกล้า                                                เกียรติก้องเกริกไกร

                                                ทรงไว้ซึ่งสัตย์น้อม                      ศรัทธา

                                    ทรงพรั่งพร้อมอุดมอา-                             ชวะไว้

                                    ทรงขัดข่มกามา                                      กองกิเลส

                                    ทรงตบะทรงบุญให้                                  ห่อนสร้างกรรมกง

                                                ทรงเกียรติมิส่งกริ้ว                      โกรธา

                                    ทรงยิ่งอักโกรธะมา                                  แต่ต้น

                                    ทรงหลักอวิหิงสา                                    บ่เบียด เบียนเฮย

                                    ทรงท่าน ธ ทรงพ้น                                  แน่แล้วมโนกรรม

                                                ทรงนำขันติน้อม                         ในองค์

                                    ทรงอาจองปลิดปลง                                 บาปช้า

                                    อวิโรธนะพระทรง                                   เต็มเปี่ยม

                                    พระปิ่นภพไป่ล้า                                     เลื่อนคล้อยธรรมกาม

                                                 ทรงนามทรงเกียรติก้อง               “ภูมิพล

                                    ทรงสถิต ณ กลางกมล                             ไพร่ฟ้า

                                    ทรงประสิทธิ์ดั่งหวังผล                            ดำริ

                                    ทรงราชย์ลือลบหล้า                                 ร่วมร้อยพันชนม์ ๛

..................................... (29. ก.ไกรศิรกานท์)......................................

 

30. รัตนโกสินทร์ศก

ส่งทางอีเมล์ : Monday, October 15, 2012 7:43 PM

 

                                    5 องศา 37 ลิปดา : ไฟ – สงบ (30. รัตนโกสินทร์ศก)

๐ละมุนละไมกรุ่นกลิ่นแก้ว           กาแฟ

สยดสยองซากศพแผล                              กลิ่นฟุ้ง

ขณะจิบเขาแล                                        โลกสงบ

เขาส่งกระสุนกระทุ้ง                               กระแทกเนื้อมนุษย์โหย

๐โดยตื่นปกติเช้า                          แดดฉาย

เขาแบกปืนสะพาย                                  ครู่พร้อม

เขาคว้ารูปเล่มราย                                   งานเด็ก

กับพวกที่เคยล้อม                                         ลอบสู้สังหาร

๐ออกสถานบ้านพัก                     ของครู

หมุนลูกบิดประตู                                     ต่างก้าว

ทหารติดตามดู                                        รับส่ง

ดักซุ่มฮึกหาญห้าว                                   โหดเหี้ยมรอคอย

๐สร้อยคอเขารูปเจ้า                     อยู่หัว

รอยสักเลอะน่ากลัว                                 ฉกาจกล้า

ปณิธานอุทิศตัว                                      เสียสละ

เขารับคำหัวหน้า                                     แนะให้ลงมือ

๐คือเช้าเขาผ่านเช้า                      แดดฉาย

เขากดระเบิดทลาย                                   ถล่มเช้า

ทหาร, เขากระเด็นหงาย                           บาดเจ็บ

ก่อนคะนองซ้ำเข้า                                   กระหน่ำเปรี้ยงปังปัง

๐เบื้องหลัง - แม่ยุดยื้อ                  อย่าไป

ลูกถูกทหารไทย                           ฆ่าทิ้ง

หาสงบกลางไฟ                                       ฝันฟั่น

เขาถอดพระขึ้นหิ้ง                                   เก็บสิ้นสงสาร

๐ปานสงบเมื่อจิบแก้ว                  กาแฟ

ลืมโลกหนักหน่วงแล                               หมดเกลี้ยง

กี่ใครใฝ่กระแส                            สงบ

พ่ายบาปกระสุนเปรี้ยง                             ป่วนปล้นนามธรรม        

..................................... (30. รัตนโกสินทร์ศก)......................................

 

31. รัตนโกสินทร์ศก

ส่งทางอีเมล์ : Monday, October 15, 2012 7:43 PM

 

                                    เหมือนฝนกำลังจะตก  (31. รัตนโกสินทร์ศก)

            ๐โคลงของขวัญแต่งไว้                  นานนัก

กอดเก็บคนรู้จัก                                       อดีตเสี้ยว

สัมผัสกระดาษลักษณ์                              ลูบรูป

แสนคิดถึงเกี่ยวเกี้ยว                                เก็บไว้นิรันดร์

๐วันคืนฟองคลื่นขึ้น                     กระทบหาด

ยืนรับแรงอากาศ                                     กระซิบฟ้า

ดวงดาริกาดาษ                                       จันทร์กระจ่าง

ฉันกล่อมทะเลเหว่ว้า                               วิเวกคว้างคิดถึง

๐อีกหนึ่งครบรอบแล้ว                  ของเรา

เธอ – ฟากฟ้าฝั่งเขา                                 ลิบลี้

ครบรอบแต่งงานเนา                                นานเนิ่น

ฉันกลับมาที่นี้                                        ที่นั้นที่เดิม

๐อยากเริ่มชีวิตก้าว                      ต่อไป

แต่สิ่งหนึ่งในใจ                                       เหนี่ยวรั้ง

คือความคิดถึงใคร                                   คนหนึ่ง

หนาวคลื่นจูบทรายครั้ง                            ครู่จ้องเหน็บหนาว

๐หรือดาวใดระยิบนั้น                   คือเธอ

คืนทุกคืนแหงนละเมอ                             เหม่อคว้าง

แสนรักมั่นเสมอ                                     กระซิบบอก

รักเท่าทรายที่ร้าง                                     คลื่นไล้เคียงกัน

๐ของขวัญครบรอบนี้                   สิเนหา

โคลงกระดาษเวลา                                   ร่ำไห้

มีแต่หยดน้ำตา                                        เต็มกระดาษ

นั่นแหละเนื้อโคลงไว้                               กลั่นด้วยคิดถึง

..................................... (31. รัตนโกสินทร์ศก)......................................

 

32. ดินสอจิ๋ว

ส่งทางอีเมล์ : Monday, October 15, 2012 8:17 PM

 

                                    นามเป็นธรรม  (32. ดินสอจิ๋ว)

๏ ความดีชนชอบสร้าง                 สัมฤทธิ์ ผลนา

หวังประโยชน์มาประสิทธิ์                        ส่งซ้อง

ความชั่วเลี่ยงฤๅชิด                                  ชนชอบ ห่างแฮ

หวังบ่จนตรอกต้อง                                  ต่ำหน้าหามัน๚

            ๏ ความรักหมั่นรักให้                   ใฝ่หา

หากชื่นรื่นหฤทยา                                    ยิ่งแล้ว

ความชังไป่หมั่นมา                                  มีมิตร เลยนอ

หากขื่นจิตคิดแคล้ว                                  คลาดหน้าหนีหาย๚

            ๏ ความกล้ากลายให้มั่น               มีใจ

ยอมเสี่ยงกับผองภัย                                 อาจพลั้ง

ความกลัวห่อนออกไป                              เปิดเนตร ดูนา

ยอมอ่อนตามทางตั้ง                                แต่งไว้ให้เดิน๚

            ๏ ความเชื่อเชิญทุกผู้                    พิสูจน์

ใดเท็จจริงจักพูด                                      ดั่งเพ้อ

ความแคลงคิดจนบูด                                แบกเบื่อ ไว้แฮ

ใดเท็จจริงจักเก้อ                                     แก่นไร้ลืมเลือน๚

            ๏ ความหวังเยือนอย่างรู้               รอคอย

คิดสักคราคงพลอย                                   พึ่งได้

ความท้อถอดใจหงอย                               เหงาเงื่อง อยู่แล

คิดซึ่งสำเร็จไซร้                                      สักครั้งใครมี๚

            ๏ ความสุขทีสุขแม้น                   มาเปรอ

แสนสราญบำเรอ                                    รื่นแท้

ความทุกข์ระทดเผลอ                               เพลินทุกข์ เทียวพ่อ                                 

แสนสะเทือนทนแล้                                 หลากเศร้าเสียใจ๚

            ๏ ความว่างในว่างนั้น                  นิพพาน

บ่จักเป็นดังขาน                                      สักถ้อย

สิ่งใดบ่ดีปาน                                          ประหนึ่ง นี้แฮ

คำจักบรรยายร้อย                                    แต่งร้อยฤๅเสมอ๚ะ๛

..................................... (32. ดินสอจิ๋ว)......................................  

 

33. สราวุธ

ส่งทางอีเมล์ : Monday, October 15, 2012 9:09 PM

 

                        นามธรรมสัมผัส (33. สราวุธ) ส่งครั้งแรก มีแก้ไขเพิ่มเติม

หู ตา จมูก ลิ้น                            “รูปกาย

ภาพ รส กลิ่น เสียง ราย                            รับรู้

สัมผัสสื่อความหมาย                               มโนภาพ แสดงเฮย

นามรูปแต่งจิตผู้-                                     พิศเพี้ยงภาพจินต์

วิญญาณรูปรับรู้                    ผัสสะ

กระทบอายตนะ                                        หกถ้วน

สัญญาก่อกายะ                                      รู้สึก ตัวแล

ทุกข์สุข เวทนาล้วน                              หล่อเลี้ยง สังขาร

            ประสานขันธ์ห้าครบ                   องค์ธรรม

สรรพชีพวนเวียนกรรม                             ดับ-ฟื้น

รวม นาม รูป ตรากตรำ                         สรรพโศก สลดแล

หมด รูป นาม สะอื้น                             อกเศร้าธุลีสลาย

            “รูปวาย ดิน น้ำ แยก                 ลม ไฟ

เกิดก่อแลดับไป                                       ยากพ้น

รัก โลภ โกรธ หลง ใจ-                             อยากสดับ ยิ่งแล

เพียงครู่หนึ่งท่วมท้น                                ยากแท้อยู่เสถียร

            "ไตรลักษณ์" เวียนวัฏเวิ้ง              สังวรณ์ จิตเอย

มี "เกิด" "ตั้งอยู่" ก่อน                               "ดับสิ้น"

พุทธพจน์พิสุทธิ์สอน                                สรรพสัตว์ ทั่วนา

จงอย่าหลงรสลิ้น                                     รับรู้โลกย์ลวง

            ปทุมปวงพวงผลิพ้น                    ธารา

นัย...มนุษย์ผลิปัญญา                               ตื่นรู้

บัวช่อชื่นอุษา                                           สล้างส่อง ฉานเฮย

เปรียบพุทธาภากู้                                     ส่องเกล้าสาธุชน

            โดยกล..กิเลสสร้าง                      ปรุงใจ

อยากอยู่ ยิ่ง เพลิงไฟ                             ต่อเชื้อ

หลงลาภ โลภเกินใคร                            โกยกอบ ทรัพย์นา

เงินบาป กัดกร่อนเนื้อ                            เน่าแล้วมนุษย์ร้าย

ชีพวายขันธ์ดับสิ้น                       รูป-นาม

ดี-ชั่ว ชม-หยันหยาม                           โฆษณ์ให้

สุจริต และ เสื่อมทราม                           เลือกสดับ ผลแฮ

บุญบาปสนองได้                                     เที่ยงแท้เป็นธรรม

            ก่อกรรมยากหลุดพ้น                    ภัยพาล

สัมผัสทุรภูมิกาล                                    ชดใช้

วันหนึ่งรูปธรรมลาญ                               เรื้อแหลก ลงแล

ตกนรกจิตหมกไหม้                                 ยากพ้นพึงตรอง

ธรรมสัมผัสเนื้อ                                      นาบุญ

ไตรรัตน์พิพัฒน์คุณ-                                 ค่าแท้

จิตเอิบอิ่มการุณย์                                    สรวงเสพย์ สถิตเฮย

เฉกอุ่นฉานส่องแล้                                  บ่ไร้ใจสราญ ฯ

 

ขันธ์ห้า "รูป" "เวทนา" "สัญญา" "สังขาร" วิญญาณ

นามธรรมสี่  "เวทนา" "สัญญา" "สังขาร" วิญญาณ

..................................... (33. สราวุธ)......................................

  

34. สราวุธ

ส่งทางอีเมล์ : Monday, October 15, 2012 9:09 PM

                                                                                                             

                                    นามธรรมสัมผัส (34. สราวุธ) แก้ไขครั้งที่ 1

หู ตา จมูก ลิ้น                            รูปกาย

ภาพ รส กลิ่น เสียง ราย                            รับรู้

สัมผัสสื่อความหมาย                               มโนภาพ แสดงเฮย

นามรูปแต่งจิตผู้-                                     พิศเพี้ยงภาพจินต์

            “วิญญาณรูป รับรู้                     ผัสสะ

กระทบอายตนะ                                      หกถ้วน

สัญญาก่อกายะ                                   รู้สึก ตัวแล

ทุกข์สุข เวทนาล้วน                            หล่อเลี้ยง สังขาร

ประสานขันธ์ห้าครบ                   องค์ธรรม

สรรพชีพวนเวียนกรรม                             ดับ-ฟื้น

รวม นาม รูป ตรากตรำ                         สรรพโศก สลดแล

หมด รูป นาม สะอื้น                             อกเศร้าธุลีสลาย

            “รูปวาย ดิน น้ำ แยก                 ลม ไฟ

เกิดก่อแลดับไป                                       ยากพ้น

รัก โลภ โกรธ หลง ใจ-                             อยากสดับ ยิ่งแล

เพียงครู่หนึ่งท่วมท้น                                ยากแท้อยู่เสถียร

            "ไตรลักษณ์" เวียนวัฏเวิ้ง              สังวรณ์ จิตเอย

มี "เกิด" "ตั้งอยู่" ก่อน                                           "ดับสิ้น"

พุทธพจน์พิสุทธิ์สอน                                           สรรพสัตว์ ทั่วนา

จงอย่าหลงรสลิ้น                                                 รับรู้โลกย์ลวง

            ปทุมปวงพวงผลิพ้น                    ธารา

นัย...มนุษย์ผลิปัญญา                               ตื่นรู้

บัวช่อชื่นอุษา                                                     สล้างส่อง ฉานเฮย

เปรียบพุทธาภากู้                                     ส่องเกล้าสาธุชน

            โดยกล..กิเลสสร้าง                      ปรุงใจ

อยากอยู่ ยิ่ง เพลิงไฟ                             ต่อเชื้อ

หลงลาภ โลภเกินใคร                            โกยกอบ ทรัพย์นา

เงินบาป กัดกร่อนเนื้อ                            เน่าแล้วมนุษย์ร้าย

            ชีพวายขันธ์ดับสิ้น                       รูป-นาม

ดี-ชั่ว ชม-หยันหยาม                            โฆษณ์ให้

สุจริต และ เสื่อมทราม                            เลือกสดับ ผลแฮ

บุญบาปสนองได้                                     เที่ยงแท้เป็นธรรม

            ก่อกรรมยากหลุดพ้น                    ภัยพาล

สัมผัสทุรภูมิกาล                                    ชดใช้

วันหนึ่งรูปธรรมลาญ                               เรื้อแหลก ลงแล

ตกนรกจิตหมกไหม้                                 ยากพ้นพึงตรอง

            ครองธรรมสัมผัสเนื้อ                   นาบุญ

ไตรรัตน์พิพัฒน์คุณ-                                 ค่าแท้

จิตเอิบอิ่มการุณย์                                    สรวงเสพย์ สถิตเฮย

เฉกอุ่นฉานส่องแล้                                  บ่ไร้ใจสราญ ฯ

 

ขันธ์ห้า "รูป" "เวทนา" "สัญญา" "สังขาร" วิญญาณ

นามธรรมสี่  "เวทนา" "สัญญา" "สังขาร" วิญญาณ  

..................................... (34. สราวุธ)......................................                                                 

 

35. แบ่งปัน

ส่งทางอีเมล์ : Monday, October 15, 2012 10:33 PM

 

                                                                       ความหวัง  (35. แบ่งปัน) 

                 ความหวังหวังวาดไว้                   วิไล

"ธรรมสถิต"แนบเนื้อใน                                 สนิทแล้

ปรากฏดั่งสุริยะไข                                        ขับมืด

แสงสู่ถิ่นทั่วแท้                                            ทุกผู้รับผล

                ดลประโยชน์สรรพสิ่งรู้                 บูชา

"หน้าที่"ประจักษ์ตรึงตา                                อ่าแฉล้ม

สีสันแต่งแปลงนภา                                      หล้าจรัส

รังสฤษดิ์ชีวิตแย้ม                                         แจ่มแจ้งธรรมไข

                ไฉนตอกติดแต่ร้าย                       เลวพาล

ปลูกอยู่คู่สันดาน                                          เด่นไซร้

ปัญญาเร่งรอนราญ                                       รุกไล่

มุ่งมั่นยืนหยัดไว้                                                       วับสิ้นสูญสลาย

                มิมีสายดอกเจ้า                           เศร้าไย

ลุกใหม่เพียรกระทำไป                                   ใช่ช้า

ปฏิบัติหลั่งจากใจ                                         ไสวแน่

อย่าหยุดแม้แรงล้า                                        "ค่า"นี้ไป่สูญ

                 เพิ่มพูนส่งสู่เจ้า                           จิตธรรม์

ผุดผ่องทุกวารวัน                                         วุ่นเว้น

สันติสุขทุกสถานพลัน                                   แผ่ทั่ว กันนา

สกลโลกลุกโลดเต้น                                       แต่งแต้มโลกสวรรค์

                 คนพลันเกิดใหม่แล้ว                    แผ้วทาง

"หวัง"สว่างมิเลือนราง                                  ห่างพ้น

นิพพานใช่เปล่าจาง                                      ร้างจิต

ธรรมสถิตสุขสงบล้น                                    หม่นแพ้หฤหรรษ์

..................................... (35. แบ่งปัน)......................................    

 

36. สิริพร

ส่งทางอีเมล์ : Monday, October 15, 2012 10:58 PM

 

                                    นามธรรม  (36. สิริพร)

ชีวิตเราดำรงอยู่ได้            ยาวนาน

รีบเร่งศึกษาวิชาการ                     ถ่องแท้

กาลเวลาเปลี่ยนวันวาน                เลยผ่าน

อุปสรรคอย่าพ่ายแพ้                     ปรับใช้เลี้ยงตน

เป็นคนจงหมั่นตั้ง            มีกตัญญู

คุณแม่พ่อคุณครู                          ท่วมท้น

คุณของแผ่นดินอยู่                       มากค่า

ใครตอบแทนดีล้น                        แซ่ซ้องสรรเสริญ

เชิญชวนมวลพี่น้อง         คนไทย

มาร่วมจิตกายใจ                         ตระหนักย้ำ

รักชาติศาสน์กษัตริย์                     ยึดมั่น

รวมหมู่เชิดชูค้ำ                           ปกป้องผองไทย

ชาวไทยมาร่วมสร้าง        สังคมดี

มวลหมู่ทุกถิ่นธานี                      สอดคล้อง

สมานฉันท์มุ่งสามัคคี                  เป็นหนึ่ง

พลังสู่ญาติพี่น้อง                         ต่างต้องหนึ่งเดียว

กลมเกลียวกันต่อตั้ง         สัจธรรม

กายจิตคิดหนุนนำ                        มั่นไว้

ฝึกปฏิบัติจดจำ                          คงอยู่

เป็นกิจวัตรหนุนให้                      ร่วมสร้างสิ่งดี

เรามีบุญร่วมสร้าง           ศีลธรรม

เครือข่ายขับเคลื่อนนำ                  มุ่งเน้น

สังคมสู่กิจกรรม                          สันติสุข

หวังว่าจะเลือกเฟ้น                      ปรับแก้ปรองดอง

ผองไทยในถิ่นกว้าง          ร่วมสามัคคี

ทุกที่อย่าได้มี                              ผิดข้อง

ความคิดอาจชั่วดี                                    ปรับเปลี่ยน       

ทุกกลุ่มเป็นเพื่อนพ้อง                  ปกป้องปฐพี

ความดีมิอาจสร้าง           ทันใจ

ความชั่วสิเร็วไว                          แผ่คลุ้ง

ความจริงอยู่ตลอดไป                   มิเสื่อม

ความเท็จกลับกลอกฟุ้ง                ปิดได้ไม่นาน

กาลเวลาพิสูจน์ให้           เห็นคน

ความประพฤติยึดตน                    บอกได้

ระยะทางบอกม้าทน                    หรือเหนื่อย

ความแกร่งฝึกฝนให้                     วิ่งช้าหรือไว

คนใดใจต่อตั้ง                 นามธรรม

คิดใคร่ครวญบาปกรรม                 ถ่องแท้

เรียนรู้อย่างจดจำ                         ปัญญาเกิด

ดีชั่วเลือกปรับแก้             อย่าเน้นรูปธรรม

..................................... (36. สิริพร)...................................... 

 

37. เกษชัย

ส่งทางอีเมล์ : Monday, October 15, 2012 11:04 PM

 

                                    นามธรรม  (37. เกษชัย)

สิ่งใดในแหล่งหล้า           เรียนกัน

หลายอย่างต่างสัมพันธ์                 สืบค้น

ความหวังเกิดคุณอนันต์               สานก่อ

ผลต่อเติมมากล้าน                       ร่วมสร้างสิ่งดี

โลกเรามีสิ่งสร้าง             มานาน

มนุษย์ต่างมีประสบการณ์             จัดไว้

นามธรรมก่อประสาน                  หมวดหมู่

มาร่วมเรียนรู้ให้                         ปรับใช้ดีงาม

นาม เป็นคำชื่อให้            เรียกขาน

ธรรม ก่อติดในสันดาน                 ต่อตั้ง

นำ พาสู่ประสบการณ์                  วิธีหนึ่ง

วิถี ที่ไม่พลาดพลั้ง                       ล่วงพ้นบาปกรรม

ทำ อะไรคิดถี่ถ้วน            ใคร่ครวญ

ความ ผิดอาจชักชวน                   ตระหนักไว้

ดี จริงมุ่งทบทวน                                    ทำต่อ

งาม ยิ่งเกิดผลได้                          ถูกต้องเป็นคุณ

บาป บุญหนุนเนื่องได้      เลวดี จริงเฮย

กรรม ก่อเกิดแก่ชีวี                      ยิ่งไซร้

นำ ผลสู่เสริมบารมี                     คงอยู่ มานา

ติด ต่อตามตัวไว้                          ช่วยสร้างความดี

เรา โชคดีเกิดได้               เจริญมา

คิด ใฝ่เรียนมีปัญญา                     มุ่งสร้าง

ก่อน เติบใหญ่มีวิชา                     ชาญฉลาด

ทำ แต่สิ่งดีอ้าง                            ก่อเกื้อเกิดคุณ

จง ทำบุญก่อเกื้อ            ชำระใจ เราแฮ

ทำ ผิดโปรดขออภัย                      เพื่อนพ้อง

ความ คิดต่างกันไป                      ปรับสู่ กันนา

ดี ต่อกันสอดคล้อง                       หลุดพ้นบาปกรรม

ทำดี ไม่อาจสิ้น               สูญสลาย

ทำชั่ว สิมลาย                             เสื่อมได้

ความดี ย่อมกระจาย                    ยกย่อง

ความชั่วดับวูบไว้                        ถูกเย้ยนินทา

ธรรมะ พาช่วยชี้              มีธรรม

ย่อม ส่งผลน้อมนำ                      สุขแท้

ชนะ มารหมู่ครอบงำ                   หลุดผ่าน

อธรรม ย่อมพ่ายแพ้                     หยุดสร้างสิ่งอัปรีย์

ผู้ ใดที่ต่อตั้ง                    ความดี

มี สุจริตกายวจี                           เที่ยงแท้

คุณ หนุนส่งมากมี                       คงอยู่

ธรรม ย่อมนำปลดแก้                   สิ่งร้ายเป็นดี

..................................... (37. เกษชัย)......................................    

 

38. พล

ส่งทางอีเมล์ : Monday, October 15, 2012 11:42 PM

 

                                                ประเทศนามธรรม  (38. พล)

                                                โสตผัสสะซาบซึ้ง           แสดงเห็น

                                    แลเลือดหลั่งลงเป็น                      ประเทศด้าว

                                    ฟังเรื่องเล่าลำเค็ญ                        ครั้งเศิก ศึกเอย

                                    ชื่นกลิ่นอายทุ่งข้าว                      ขอบคุ้งกสิกรรม

                                                อิ่มคำรสเลิศล้วน             โภชนา

                                    ก้มกราบแผ่นพสุธา                     ถิ่นนี้

                                    หลากร้อยสืบศรัทธา                    เนาเนิ่น มานา

                                    คือแหล่งป้องภัยลี้                        หลีกเร้นทุกข์สลาย

                                                สืบสายสยามแหล่งหล้า    เลอสวรรค์

                                    ด้วยจิตแจ้งคุณอนันต์                   มอบให้

                                    รักษาแต่บางบรรพ์                       แบบบท ชาติเอย

                                    สามัคคีธรรมเทิดไว้                     สถิตเบื้องมโนชน

                                                จวบจนวันเลื่อนคล้อย      ขยับกาล

                                    สยามชาติกลับรุกราน                   เลือดร้อน

                                    เศษซากแห่งสามานย์                   หมายมุ่ง สยามเอย

                                    แตกพรรคแตกกลุ่มก้อน                กร่อนเนื้อเถือหนัง

                                                ชิงชังไทยรุกสู้                 ศึกไทย

                                    ชาติย่อยยับบรรลัย                        พินาศแล้ว

                                    สยามนามเกริกเกรียงไกร              ฝังกลบ

                                    เอกราชคงมิแคล้ว                        คลาดเหย้าแดนสยาม

                                                ความอาลัยสุดเศร้า          โศกตรม

                                    มองซากความจ่อมจม                 จิตไห้

                                    เพราะห้วงแห่งอารมณ์                 เร้นซ่อน ทรวงนา

                                    กางแผ่นแผนที่ไร้             ภาพแจ้งขวานทอง

                                                มองดินแลฟากฟ้า            เป็นไฟ

                                    ฟังเรื่องแตกร้าวไทย                     ทุกข์แท้

                                    เหม็นคาวเลือดรินไหล                  ชโลมร่าง

                                    เค็มขื่นรสผู้แพ้                            เนตรน้ำนองชล

                                                ภัยผจญจนหมดสิ้น          สยามแดน

                                    รอยทุกข์มาทดแทน                     ระทดท้อ

                                    เมืองสยามที่หวงแหน                  แพ้พ่าย

                                    เหล่าอนุชนตัดพ้อ                        ประเทศนี้นามธรรม

            ..................................... (38. พล)......................................        

 

39. เล็ก นรสิงห์

ส่งทางเว็บบอร์ด : วันที่ตอบ 2012-10-02 04:52:46

 

                                                นามธรรม  (39. เล็ก นรสิงห์) 

            สามโลกสมมุติล้วน                     ดาษดา

    ปรุงรูปนามธรรมปรา-                      กฏเยิ้ม

    เนืองนองไม่หยุดอา-                            รมณ์จิต

    เกิดดับเกิดดับเทิ้ม                                แต่เที้ยรเวียนวง

            พุทธองค์ทรงค้นพบ                     สัจธรรม

    ปฏิจจสมุปบาทนำ                              เกิดคล้อง

    สายธรรมที่จองจำ                               ใจสัตว์

    วนเปลี่ยนไม่เที่ยงต้อง                          ติดข้องอนิจจัง   

            ทุกขังเพราะเสื่อมแล้ว                  สลายลง

    อนัตต์เพราะไม่ทรง                              ตลอดได้

    เป็นไตรลักษณ์ยืนคง                            ตราบชาติ     มีนา

    ปรุงสืบสันตติไว้                                  เหตุไร้วิชชา

            อาวิชช์เพราะไม่รู้                     บรมอัตถ์

    จตุราริย์สัจจ์                                       ผ่องแผ้ว

    คือวชิราตัด                                         วัฏฏ์ทุกข์     ฉับแล

    โดยมรรคองค์แปดแก้ว                         เพริศแพร้วศัสตรา

            สัตตานังบอดใบ้                           วิมุตติ

    เพราะอวิชชาดุจ                                  ฉากกั้น

    ตัณหาเครื่องผูกยุด                               สมมุติ     โลกนา

    ไตรสิกขาสะบั้น                                  เครื่องกั้นผูกคลาย

            หายใจเข้าออกรู้                             สั้นยาว

    ตรึงรูปคือลมคราว                               จิตตั้ง

    เผลอจิตคิดเรื่องราว                             สามธาตุ*     นามแฮ

    ดึงกลับมารูปรั้ง                                   อยู่ยั้งลมเพียร

            เวียนจิตเกิดดับนี้                         ดูไป

    ทรงตรัสมิมีใด                                    กว่านี้

    อันสาวกควรใน                                  ปฏิบัติ

    วันหนึ่งจักเกิดรี้-                                  พลแกล้วเบ็ญญา

            เบ็ญจาขันธ์นั้นไม่                        เป็นดนู

    และไม่เป็นของตู                                 แน่ไสร้

    สัมฤทธิ์มรรคบรมครู                           กระจ่าง

    วิมุตติ์ญาณทัสสน์ได้                            หลุดพ้นวนเวียน

..................................... (39. เล็ก นรสิงห์)......................................       

  

40. พีรมิตร

ส่งทางเว็บบอร์ด : วันที่ตอบ 2012-10-14 16:33:15

 

                                                สรรพศัพท์สร้อยสมมุติ  (40. พีรมิตร)

สรรพสมมุติสุดสิ้น                      สารหมาย

นาม-รูป รวบบรรยาย                               แยกย้ำ

หู ตา จมูก ลิ้น กาย                                  เป็นรูป

สิ่งเกิดแต่ใจล้ำ                                        หลากล้วนเป็นนาม

            ตามจริง นาม-รูป เชื้อ                  ปรากฏ

สมมุติจากเกณฑ์กฎ                                ก่อตั้ง

โดยความเชื่อกำหนด                                อักขระ

สารสื่อในกิจครั้ง                                     ชีพพลั้งตัณหา

            เวทนาทุกข์สุขสร้าง                     นรกสรวง

อุเบกขากลลวง                                       เล่ห์ร้าย

เกิดแต่จิตทั้งปวง                                     บุญบาป

จิตสื่อนามธรรมคล้าย                              คลุกเคล้าเสพเสวย

            สัญญาเผยเภทผู้                          เพรงกาล

ผุดเกิดหน่อเหนี่ยวพาล                             พิษพร้อง

ประดิษฐ์อดีตดาษดาล                              ลำดับ

จิตสื่อนามธรรมซ้อง                                เสกสร้างเสพเสมอ

            สังขารเลอเลิศล้วน                      แต่งปรุง

สภาพจิตเจริญจรุง                                   จรัสจ้า

กลางกลาง ชั่ว ดี ผดุง                               ดิบดื่ม

จิตสื่อนามธรรมกล้า                                เกลือกกลั้วเสมอเสมือน

            เรือนวิญญาณแจ่มแจ้ง                 อารมณ์

อายตนะหกพรม                                      บ่มเชื้อ

เกิดแต่ผัสสะสม                                      ส่วนเสก

จิตสื่อนามธรรมเกื้อ                                 เกลือกกลิ้งกรรมเกณฑ์

            ขันธ์สี่เณรกล่าวอ้าง                     อวดคำ

คือศัพท์แห่งนามธรรม                             ถ่องแท้

อ่อนประสบการณ์นำ                               อ่อนหัด

อาราธนาคุณพระแก้                                โปรดแจ้งแถลงไข

            ศัพท์สมัยสมมุติเนื้อ                     นามธรรม

ศัพท์เกิดแต่ใจยำ                                      ยอกย้อน

สรรพสิ่งสับลงกรรม                                สัตว์ก่อ

ผลรูปสรรพศัพท์ป้อน                               สู่ป้ายนามธรรม

..................................... (40. พีรมิตร)......................................  

 

41. เนาวรัตน์

ส่งทางเว็บบอร์ด : วันที่ตอบ 2012-10-15 00:12:23

 

                                                นามธรรม  (41. เนาวรัตน์) 

พุทธทาสกล่าวไว้                        พึงจำ

       สอนสั่งมองเห็นธรรม                                   แน่ไซร้

       ยกตัวอย่างเรียกคำ                                        เขียนร่าง (เรียงแฮ)

       แยกแบ่งนามธรรมไว้                                    สี่ข้อเห็นจริง

                        นามธรรมว่าข้อ                          เวทนา

       เกิดก่อรู้สึกพา                                              เกี่ยวข้อง

       รับรู้สู่กันมา                                                 ด้วยจิต

       รู้เท่ารู้สึกพร้อง                                             ก่อขึ้นเป็นคน

                        นามธรรมว่าข้อ                          สองใคร่  (ครวญนา)

        สติสมปฤดีใคร                                            อย่าแคล้ว

        สัญญาเกิดจากใจ                                         ยากยิ่ง    (ลืมนา)

        ตื่นอยู่มิหลับแล้ว                                         บ่งรู้ตัวเอง

                        นามธรรมสามกล่าวนั้น               สังขาร

         เรียกว่ากิจอาการ                                        คิดได้

         หากคิดชั่วเฉกพาล                                      ตกต่ำ     (ตนแล)

         หากไป่คิดยากไร้                                         แน่แท้คิดดี

                        สี่วิญญาณบ่งรู้                                        สัมผัส

          หน้าที่รู้เด่นชัด                                          สิ่งต้อง

          จึ่งใช่ดั่งภูตกัด                                           ดูดดื่ม

          แสนหมื่นผัสสะพ้อง                                  ใคร่รู้ด้วยใจ

                        นามธรรมไป่ต้อง                                     ด้วยตา

          แต่สื่อสารออกมา                                      ย่อมได้

          ผิดชอบชั่วดีปรา-                                       กฎสู่   (มวลแฮ)

          หากสื่อแต่ดีไซร้                                        แน่แท้คนดี

..................................... (41. เนาวรัตน์)......................................          

  

42. หัวเต๋อ

ส่งทางไปรษณีย์ : 4 ตุลาคม 2555

 

นามธรรมคือ เสียง (42. หัวเต๋อ)

1.) เสียงนกร้องเจื้อยแจ่ว              สนทนา

                                    ยืนจับกิ่งต้นมะคา                                                     ฝั่งโน้น

                                    ทุ่มแหลมเรียบเรียงภาษา                                        งามเด่น

                                    ผ่านแมกไม้แต่ละต้น                                              กระทบเข้าโสตวิญญาณ

2.) เสียงกระดิ่งที่ห้อย                บอกกาล

ครูเคาะดังกังวาน                                      จบแจ้ง

นักเรียนช่างสุขศานต์                               สุขยิ่ง

เปรียบดั่งฝนตอนแล้ง                               ชุ่มชื้น  แผ่นดิน

3.) เสียงร้องไห้สุดสิ้น                  ความหลัง

                                    แด่มนุษย์ผู้ร่างพัง                                                  มอดม้วย

                                    เสียงสะอื้นเด่นดัง                                                 ก้องโสต

                                    เป็นทุกข์เหนียวหยาบย้วย                                   พาดเข้า  ใจตน

4.) เสียงมนุษย์ชนกล่าวด้วย          วาจา

                                    พูดหยาบเล่าภาษา                                                   แก่นกระด้าง

                                    พูดปดเกิดกังขา                                                       ข้อผิด

                                    พูดเสียดแทงรอบข้าง                                             มิตรแค้นเคืองกัน

5.) เสียงแม่กล่อมลูกน้อย              จิตพัน  ผูกเฮย

                                    โอ้ละเห่มองจอมขวัญ                                            ห่วงเจ้า

                                    ดั่งประหนึ่งใจจวน                                                 จะขาด

                                    ยามลูกร้องหมองเศร้า                                           สะอึกอื้น  ร้องระงม                   

6.) เสียงมนุษย์ผู้ใคร่น้อม              กล่าวชม

                                    เหล่าประชามั่นนิยม                                              มอบให้

                                    หกสิบล้านร่วมใจพรม                                           ทั่วถิ่น

                                    ดั่งประโยคกล่าวกันไว้                                             สนั่นก้อง  ทรงพระเจริญ...

..................................... (42. หัวเต๋อ)......................................

 

43. คุณพบรัก  วันนักกลอน

ส่งทางไปรษณีย์ : 12 ตุลาคม 2555

 

นามธรรม (43. คุณพบรัก  วันนักกลอน)

            รูป รส เสียง กลิ่นสร้าง     สัญญา

สัมผัสเนตร โสต ชิวหา                จมูกพร้อม

ธรรมชาติเช่นธรรมดา                  โดยทั่ว

คน-สัตว์ เวียดแวดล้อม                ล่อล้นหลงใหล

            เหมือนนัยยะหน่อเนื้อ      นามธรรม

ใจต่างคิดแตกกรรม                      ก่อเกื้อ

สัมมาทิฐิหนุนนำ                        แนวถูก  ธรรมเฮย

มวลมิจฉาทิฐิเอื้อ                                    โอ่อ้างเอนเอียง

            เหตุเคียงคราวยุคเบื้อง      บรรพกาล

บุญ-บาป ระบุจาร                       จดไว้

หลากจริตบันดาล                        ดี-ชั่ว

สืบศัพท์สรรเสริญให้                    ห่างชั้นติฉิน

            จินตนาการแปลกเพี้ยน     ผิดกัน

ตามแต่อัตภาพสรรค์                    เสกสร้าง

ผลลัพธิ์สิ่งยืนยัน                          สุข-ทุกข์

โลกเยี่ยงยุทธภูมิกว้าง                   กราดเกรี้ยวขวัญหาย

            คลายอัตตาร่วมกู้             สังคม

ใจสฤษฎ์นามธรรมสม                 วิศิษฏ์แท้

ลดตนเพิ่มหลักอุดม-                    การณ์ยิ่งยงแฮ

หวังส่วนรวมเลิศแล้                    ล่วงพ้นปัญหา

            พัฒนาจิตภาพด้วย           สายกลาง

นอกกรอบมีกรอบวาง                  ไม่เว้น

นามธรรมดั่งทิศทาง                    ทิพย์ส่อง-  จิตนา

เนตรเพ่งดาวบาทเน้น                  แนบพื้นดินเสมอ

..................................... (43. คุณพบรัก  วันนักกลอน)......................................

  

44. เพชร  ปราการ

ส่งทางไปรษณีย์ : 12 ตุลาคม 2555

 

นามธรรม (44. เพชร  ปราการ)

            รูป-ทรงแสงสาดต้อง       ตาเห็น

รส-หลากแผกประเด็น                 ผ่านลิ้น

กลิ่น-หอมกรุ่น, บูดเหม็น             นาสิก  แยกนอ

เสียง-สื่อดลสดับสิ้น                    โสตแจ้งแจงสรรพ์

            เท่าทันอากาศร้อน           รุกรุม  กายแน

ฤๅเหน็บหนาวครอบคลุม              ห่มไข้

กำหนัดหื่นราคสุม                       ใดปลด  เปลื้องนา

กอดรัดสัมผัสไซร้                        ก่ายเนื้อกุมหนัง

            เหนือพลังงานหนึ่งนั้น      นามธรรม  เจ้าเอย

อรูปโดยจิตสำ-                            เร็จพร้อม

แจกแจงอีกจดจำ                         เจตคติเฮย

พราวพร่างกลางเพชรล้อม            เลิศแก้วมณีสรวง

            ปวงกิจสำฤทธิ์ได้            มโนทวาร

แหลกล่มมินมนาน                      พลิกฟื้น

เอาใจใส่ประกอบการ                   กุมทิศ-  ทางแล

ขาดอื่นบนภพพื้น                        บ่แม้นขาดใจ

            เป็นไฟเป็นแม่น้ำ เป็นวายุเอย

เป็นบาปอกุศลา                          แทรกซ้อน

เป็นบุญเบิกมรรคา                       ครองทิพย์-  พิมานแฮ

เป็นสุขเป็นทุกข์ร้อน                    เที่ยงแท้จิตปรุง

            อำรุงธรรมยิ่งด้วย            ชีพพลี

ชาติหนึ่งตรองให้ดี                       สุดสั้น

หลงยึดติดแสงสี                          เวียนว่าย  วัฎฎ์เนอ

ลาภยศเยินยอนั้น                         คู่ฟ้าฤๅไฉน

..................................... (44. เพชร  ปราการ)......................................

  

45. ทร  ดิษฐสุวรรณ

ส่งทางไปรษณีย์ : 15 ตุลาคม 2555

 

กรรม  (45. ทร  ดิษฐสุวรรณ)

            เพียงเกิดกายก่อก้าน                     กรรมกลวม

กรรมใส่กรรมสอดสวม                            ส่งสร้าง

รินกรรมเก่าไหลรวม                                รุ่มร่าย

ชำระรูปรดล้าง                                        ล่าล้วงฤๅหาย

            หมายกรรมหมดมุ่นไหม้               หมักหมม

บุญช่วยคลายแกะปม                               ปลดเปลื้อง

สมบุญบ่งสรรค์สม                                  บุญส่ง

กรรมย่อมกรายกรูเยื้อง                             เคลื่อนย้ายโยกหนี

            ศรีโตรรัตน์ร่มเกล้า                       กันกลึง

กรรมชั่วไกลบุญผึง                                  แผ่ล้อม

กรรมดีช่วยดีถึง                                       ทอดถ่าย

ตัวเปี่ยมสุขสราญพร้อม                            พรั่งพร้อมสุขเกษม

เปรมปราโมทย์เมื่อฉ้อ                              ฉลราษฎร์

            เบียดแบ่งบังหลวงอาจ                 อิ่มได้

จึงใครต่อใครประหลาด                            เหลือที่

คิดมิถึงอีไอ้                                             ชั่วอื้อทรามเอ๋ย

            เผยออกในสื่อให้                          โลกเห็น

เป็นข่าวมีเช้าเย็น                                     เยอะด้วย

หลอกลวงฆ่าฉุดเข็น                                ลากขู่

ผลาญป่าถมหุบห้วย                                 หดเหี้ยนแสนหาญ

            จารหมดดีชั่วช้า                          มนุษย์ชาติ

จารร่วมเปรตรึปราชญ์                              เปล่าร้าง

จารก็เพื่อมิพลาด                                     ผิดซึ่ง  ตัวแล

กรรมก่อตัวตนสร้าง                                 จึ่งเศร้ากรรมสนอง

..................................... (45. ทร  ดิษฐสุวรรณ)......................................

 

46. พ.ไผ่ ตาลสุม

ส่งทางไปรษณีย์ : 9 ตุลาคม 2555

 

หลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง (46. พ.ไผ่ ตาลสุม)

เกิดเป็นคนอย่าได้            เอียงอาย  ทำกิน

                        จงต่อกรใจหมาย                         อย่าคร้าน

เดินไปสู่จุดปลาย                         เราก่อ  ไว้นา

จงอย่าทำตนต้าน                         ก่อให้เสียหาย

             เศรษฐกิจพ่อให้               พอเพียง  ดีนา

จงอย่าลืมเรียบเรียง                       ใส่ไว้

จดจำท่องเทียบเคียง                     จำใส่  ใจนา

ทุกอย่างเราทำได้                          ก่อให้เห็นผล

             ปลูกพืชขุดบ่อเลี้ยง           ปลานา  ไว้กิน

จงช่วยกันจัดหา                           อย่าท้อ

สองมือเร่งนำพา                         เกิดก่อ  ให้มี

ชีพเลื่อนไปเหมือนล้อ                   อย่าได้ถอยหลัง

             ทำใดจงหมั่นสู้                อดทน  ใจนา

จะก่อเกิดเป็นคน                          อยู่ได้

คนเราอย่าสับสน                         เอาแต่  สบาย

ตนไม่เคยคิดให้                            ก่อตั้ง  ตนหมาย

             คนเกิดอยู่มาได้                เป็นคน  นานมา

เขาย่อมมีความทน                       ต่อสู้

เกิดมาไม่ยอมจน                          มือเปล่า  เลยนา

ขอแต่มีความรู้                             อยู่ได้ดังหมาย

..................................... (46. พ.ไผ่ ตาลสุม)......................................

 

หมายเหตุ : ผิดกติกา ส่งไม่ถึง 6 บท

 

47. พ.ไผ่ ตาลสุม”

ส่งทางไปรษณีย์ : 9 ตุลาคม 2555

 

นามธรรม (47. พ.ไผ่ ตาลสุม)

             พอเพียงสามห่วงให้         จำเอา  ไว้นา

ตนอย่าหลงจนเขลา                      ทั่วหล้า

ขอเตือนอย่ามัวเมา                       เอาเล่น  ตามใจ

จะไม่เกิดผลให้                            ต่อท่านเลยหนา

             พอประมาณหนึ่งข้อ        จดจำ  ในใจ

สองอย่ามีผลนำ                           อยู่ได้

มีสองอย่างแนะนำ                       ตนก่อน  ลงมือ

สามสิ่งมีภูมิคุ้ม                           อยู่ได้หรอกนา

             เราทำตามย่อมได้            ผลดี  ดีนา

ควรแต่ขอเรามี                            ก่อเกื้อ

เป็นคนอย่าหลบหนี                      งานท่าน  ต้องทำ

จะก่อเกิดเป็นเสื้อ                         ช่วยป้องภัยหนาม

             เกิดเป็นคนพ่อให้ ทำดี  ต่อตน

ทำเพื่อเป็นศักดิ์ศรี                        อยู่ยั้ง

ทำเกิดก่อให้มี                              เลยท่าน  ควรทำ

ขออย่าทำพลาดพลั้ง                     หนึ่งครั้งเสียหาย

             ทำบัญชีจ่ายไว้                ทุกคน  เลยนา

จงอย่าทำสับสน                          ไม่แจ้ง

รายรับจ่ายของตน                        ทำก่อน  ใดนา

ขออย่าทำเป็นแกล้ง                      ว่ารู้ทีเหลว

..................................... (47. พ.ไผ่ ตาลสุม)......................................

 

หมายเหตุ : ผิดกติกา ส่งไม่ถึง 6 บท




โคลงสี่สุภาพ 2555

ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป (โคลงสี่สุภาพ) : หัวข้อ “อุษาคเนย์”
ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป (โคลงสี่สุภาพ) : หัวข้อ “อคติ”



bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ