ขอนำเสนอบทกลอนแปลก ๆ ชิ้นหนึ่ง จะแปลกอย่างไรเชิญท่านอ่านดูก่อนดังนี้
๐ เป็นผู้น้อยทั้งอำนาจวาสนา
คำโบราณท่านกล่าวเป็นตำรา
เหล่าเมธาควรจะจำแล้วทำตาม
เห็นผู้ใหญ่ที่ท่านดีมียศมาก
เราควรพากเพียรเคารพด้วยเหตุสาม
หนึ่งเจ้าก้าสองประนมก้มกราบงาม
ข้อที่สามคอยฟังคำสั่งการ
เรื่องหาทรัพย์เหมือนแก่งกำแพงรั้ว
ใครอวดตัวโดดข้ามด้วยความหาญ
บางคนตกจมรั้วตัววายปราณ
ต่อนานนานจึงข้ามได้ดังใจนึก
เหมือนนักปราชญ์ที่ฉลาดความคิดล้น
ต้องอับจนเสียเพราะปองไม่ตรองตรึก
เพราะฉิบหายวายชีวิตเพราะคิดลึก
คนที่ศึกษาชำนาญการหากิน
ค่อยค่อยเดินตามหนทางอย่างเรียบร้อย
ถึงได้น้อยก็พอสมอารมณ์ถวิล
ถึงปะรั้วกั้นหน้าไม่ราคิน
ค่อยขุดดินมุดลอดตลอดไป
ถึงจะช้าสักเท่าใดคนได้ถึง
ดีกว่าปึงปังอย่างว่ากว่าไหนไหน
ไม่เดือดร้อนนอนเป็นสุขไม่ทุกข์ใจ
หากำไรทีละน้อยค่อยประทัง
อันสามีนี้เขากล่าวว่าเท้าหน้า
ถ้าพลาดท่าแล้วต้องเล่นเป็นเท้าหลัง
เสมอกันแล้วอย่างไรคงไม่ฟัง
คงจะตั้งแต่วิวาทจนขาดกัน
อนึ่งชาติเมธาปัญญาฉลาด
จึ่งสามารถรู้ว่าเขาเขลาเป็นมั่น
โง่ต่อโง่ที่จะดูรู้จักกัน
รู้ไม่ทันกันเป็นแน่เที่ยงแท้เอย ฯ
หลวงปฏิบัติราชประสงค์
(นามเดิม แอรวินมุลเลอ ภายหลังเลื่อนเป็นพระ)
บทกลอนข้างต้น ผมคัดมาจากหนังสือ “วชิรญาณสุภาษิต” อนุสรณ์งานพระราชเพลิงศพ มหาอำมาตย์โท ม.จ ฉลาดลบเลอสรร กมลาศน์ 16 พฤษภาคม 2504
ในหนังสือนั้นมีข้อสงสัยอยู่ตรงข้อความในวรรค “หนึ่งเจ้าก้าสองประนมก้มกราบงาม” คำว่า “เจ้าก้า” ผมไม่เข้าใจ เดาว่าอาจพิมพ์ผิด แต่ผมยังไม่มีเวลาไปตรวจสอบกับฉบับอื่น ๆ
สำหรับประเด็นที่ผมเห็นว่า “แปลก” ไม่ใช่เรื่องโวหารกวีดีเด่น ว่าตามสำนวนโวหารกลอนบทนี้ก็พื้น ๆ ธรรมดา ๆ
แต่ที่เห็นแปลกคือตรงที่ ผู้เขียนเป็นฝรั่ง นาม “แอรวิน มุลเลอ”
จริงอยู่ที่มีฝรั่งหลาย ๆ คนร่ำเรียนภาษาไทย ฝรั่งที่ศึกษาภาษาไทยจนทำพจนานุกรมได้คือ ท่านสังฆราชปัลเลอกัวซ์ (สมัยรัชกาลที่สี่) อีกท่านหนึ่งที่แตกฉานภาษาไทยถึงขั้นประพันธ์ร้อยกรองไทยได้ไพเราะคือท่าน ฟ.ฮีแลร์
“วชิรญาณสุภาษิต” นี้สมาชิกหอพระสมุดวชิรญาณช่วยกันแต่งขึ้นและพิมพ์แจกในงานฉลองหอพระสมุด เมื่อ พ.ศ 2432
มีฝรั่งที่เขียนสุภาษิตเป็นบทกลอนอยู่ท่านเดียว คือ แอรวิน มุลเลอ
ส่วนฝรั่งท่านอื่นนั้น เขียนภาษิตภาษาฝรั่งแล้วมีคำแปลสั้น ๆ เท่านั้น ผมจึงรู้สึกทึ่งท่านแอรวิน มุลเลอ (พระปฏิบัติราชประสงค์)
พระปฏิบัติราชประสงค์ เข้ามาอยู่สยามทำงานที่ห้าง บี.กริม บ้างก็ว่าท่านเป็นชาวออสเตรีย บ้างก็ว่าท่านเป็นชาวเยอรมัน มีภรรยาเป็นคนไทยชื่อ “จีน” อาจเป็นได้ว่ากลอนบทนี้ภรรยาท่านช่วยแต่งด้วย
คุณพระปฏิบัติราชประสงค์มีบทบาทพัฒนาสยามในเรื่อง “ขุดคลองรังสิต”
ความเป็นมาของคลองรังสิตนั้น ปี พ.ศ. 2431 พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ ทรงขออนุญาตขุดคลองรังสิต ในนามของ บริษัทขุดคลองดูแลนาสยาม มีผู้ร่วมหุ่นในระยะแรก 4 คน คือ พระวรวงค์เธอพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ พระนานาพิธภาษี (ชื่น) นายโยคิม แกรซี่และนายยม แต่ะนายยมมิได้เข้าร่วมงานผู้เข้ามารับหุ้นแทนคือ ม.ร.ว.สุวพรรณธ์ สนิทวงศ์และมีนายโยคิม แกรซี่เป็นผู้จัดการบริษัท ได้ตกลงทำสัญญากับรัฐบาล เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2431 และได้ทำหนังสืออนุญาตขุดคลองลงวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2433 บริษัทก็ได้ลงมือขุดคลองสายสำคัญเรียกว่า “คลองรังสิตประยูรศักดิ์” โดยขุดตั้งแต่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ในท้องที่ของตำบลบ้านใหม่ ใต้เกาะใหญ่แขวงเมืองปทุมธานี ไปออกแม่น้ำนครนายก ที่ตำบลปลากดหัวควายกว้าง 8 วา ลึก 6 ศอก ยาว 1,400 เส้น และขุดคลองสกัดหกวา สายบนหกสายล่างเป็นคลองทั้งสิ้น 43 คลองแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2440 บริษัทประสบปัญหาเรื่องคน ในบังคับของสยามสถานะของผู้จัดการบริษัท นายแกรซี่ยังมิได้โอนสัญชาติ จากคนในบังคับของฝรั่งเศสมาเป็นคนในบังคับของสยาม นายแกรซี่จึงได้ตัดสินใจขายหุ้นในบริษัท ส่วนของเขาให้กับพระปฏิบัติราชประสงค์เดิม ชื่อนายมูลเลอร์เป็นชาวออสเตรีย มาทำงานที่บริษัท บี.กริม และเป็นกำลังสำคัญในการบริหารงานของบริษัท ขุดคลองดูแลสยาม
แอรวิน มุลเลอ ได้เป็นหลวงปฏิบัติราชประสงค์ แล้วเลื่อนเป็นคุณพระปฏิบัติราชประสงค์ ท่านอยู่เมืองไทยและนิยมความเป็นไทย ท่านและภรรยาได้ขออนุญาตสร้างวัด (วัดคลองห้า) เมื่อ พ.ศ 2439 (บทกลอนข้างต้น เขียนเมื่อ พ.ศ 2432)
ใน พ.ศ 2445 พระปฏิบัติราชประสงค์และภรรยาทูลเกล้าถวายวัดนี้ให้เป็นวัดหลวง ทีแรกนั้นในหลวงรัชกาลที่ห้าทรงเห็นว่า วัดหลวงนั้นรัฐบาลต้องดูแล เวลานั้นมีวัดหลวงมากแล้ว ไม่อยากให้รัฐบาลรับเป้นภาระมากขึ้นอีก แต่ในวันที่ 13 มีนาคม 2445 พระองค์เสด็จฯเปิดเมืองธัญบุรีเสร็จแล้ว พระราชดำเนินไปประกอบสังฆกรรมผูกพัทธสีมาวัดนี้ และพระราชทานนามวัดว่า “วัดมูลจินดา” ให้สอดคล้องกับผู้สร้าง คือ นายมูลเลอร์และนางจีน
ตัวเป็นฝรั่งเติบโตในยุโรป แต่ร่ำเรียนภาษาไทยจนเขียนบทกวีร้อยกรองได้
เยาวชนไทยเห็นตัวอย่างอย่างนี้แล้ว ขอให้รู้สึกเห็นคุณค่าภาษาไทย ร้อยกรองไทยกันบ้าง ไม่อย่างนั้นในอนาคตอาจจะมีแต่คนฝรั่งเขียนกลอน
ทองแถม นาถจำนง