ReadyPlanet.com
dot dot
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “ความสุข”

 

 

ผลงานกลอนสุภาพ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย
ปักษ์หลัก กันยายน
2457 จำนวน 25 ชิ้น 

1. กุลธิดา
ส่งทางอีเมล

หยุดดิ้นรนเพื่อเป็นเหมือนคนอื่น จงหยัดยืนแบบตนผลคือสุข (1. กุลธิดา)

คนเราหนอแค่พอก็อยู่ได้                           แต่มิใช่ย่ำอยู่ที่มิมีผล
เพียงอยากได้คลั่งไคล้ใฝ่ดิ้นรน                                ยอมอดทนวิ่งไล่ให้ได้มา
            แม้ไม่เป็นเฉกเช่นคนอื่นเขา                      ยอมไต่เต้าดิ้นรนทนอิจฉา
ทรมานปานตายไร้ชีวา                                         เฝ้าไขว้คว้าแม้ไกลเพียงได้ครอง
            จะอดทนทรมานอีกนานไหม                     เขย่งไปก็เท่านั้นฉันเป็นสอง
สู้ให้ตายแต่สุดท้ายได้เป็นรอง                                ไม่ช่ำชองเชี่ยวชาญการดิ้นรน
            แค่ยอมหยุดความอยากจากเคยมี                หยุดเสียทีใครว่าจงอย่าสน
ขอเพียงมีหลักธรรมประจำตน                               ก็สุขล้นดุจได้ไขว้คว้าดาว
            สุขอยู่ไหนไม่ต้องไปตามหา                       สุดฟากฟ้าภูเขาหรือกลางหาว
เพียงแค่พอก็สุขสะพรั่งพราว                                 ความเหน็บหนาวกลางใจมลายเลือน
            คำบ่นว่าดุด่าที่สาหัส                               คือสมบัติล้ำค่าหาใดเหมือน
จงเป็นเราแบบเราเฝ้าย้ำเตือน                                อย่าเป็นเดือนตราบใดที่เป็นดิน
            จงเป็นดินที่ดีมีคุณค่า                               จงศรัทธาเชื่อมั่นไม่โผผิน
สุขไม่ได้อยู่ไกลใจโบยบิน                          แค่ใจสิ้นสร่างทุกข์สุขก็มา
            แม้สูงต่ำจำไว้หากใจฝืน                           จะต้องยืนดำรงคงสง่า
ใช่เขย่งอยู่ได้ทุกเวลา                                            ใจอาจล้าเพราะความทุกข์เข้าคุกคาม
            ………………………. (1. กุลธิดา) …………………………

 

 

 

 

 

2. กิตติ
ส่งทางอีเมล

 

 

 

คำถามในวัยเด็ก (2. กิตติ)

            เพียงรูปภาพเก่าเก็บเหน็บเสาบ้าน              แขวนไว้นานคราวหลังครั้งปู่ย่า
จากวันนั้นจนวันนี้ที่ผ่านมา                                  ภาพยังตราตรึงใจไม่ลืมเลือน
            เมื่อเยาว์วัยหลายครั้งตั้งคำถาม                 เหตุด้วยความรู้น้อยด้อยกว่าเพื่อน
นั่นรูปใครในบ้านเราตรงเสาเรือน                           มองไม่เหมือนพ่อแม่แม้สักนิด
           เห็นย่าไหว้เป็นประจำทุกค่ำเช้า                  ปู่ก็เฝ้าแหนหวงดั่งดวงจิต
ถามทำไมต้องเชิดชูและบูชิต                                             ท่านไม่คิดตอบกลับมาแค่ว่ารัก
          เพราะคือภาพพ่อของคนชนทั้งชาติ              มหาราชจักรีวงศ์ผู้ทรงศักดิ์
พ่อนำไทยให้สุขศานต์มานานนัก                           ทั้งหญิงชายหมายรักเทิดภักดี
          หลานเห็นไหมบ้านเมืองเราเรืองรุ่ง              ทั้งบ้านนอกในกรุงได้สุขี
เพราะคำสอนของพ่อให้พอดี                                             สร้างวิถีแนวทางอยู่อย่างไทย
         จึงงดงามความสุขทุกวันนี้                           ถึงไม่รวยเรายังมีที่อาศัย
มีมิ่งแคว้นขวัญเมืองผู้เรืองชัย                                เป็นศูนย์รวมดวงใจไว้มั่นคง
         เพียงเหตุผลน้อยนี้ที่ตอบเจ้า                         คำคนเฒ่าก่อนชีพวายกลายเป็นผง
หากหลานเป็นคนดีที่ซื่อตรง                                  เติบใหญ่คงเข้าใจได้กว่านี้
       ภาพความสุขที่เรียนรู้จากปู่ย่า                        เปื้อนน้ำตาตอนคิดเป็นเห็นถ้วนถี่
หากใครถามคำถามนั้นฉันอีกที                              ใจดวงนี้คงตอบมาเพราะว่ารัก

………………………. (2. กิตติ) …………………………

 

 

 

 

 

3. กิตติ
ส่งทางอีเมล

 

สุขที่ใจรู้ค่าคำว่า  พอ (3. กิตติ)

         รวยเงินทองของนอกกายเครื่องใช้สอย            รวยเพชรพลอยแวววาวพราวล้ำค่า
แต่กลับจนที่หัวใจไร้ศรัทธา                                   มุ่งไขว่คว้าเปลือกความสุขปลอบปลุกตน
          สุขแท้จริงคือสิ่งใดไม่เคยรู้                      
    เพราะหวังสู่ประโยชน์แห่งโภชน์ผล
ถูกกิเลสครอบงำใจให้มืดมน                                 ยากหลุดพ้นเหมือนบัวใหญ่ใต้โคลนตม
          ตราบใดใช้ชีวิตอย่างปิดกั้น                 
        ไม่มีวันชีพพื้นจากขื่นขม
ตราบใดหลงห่วงหาห้องอารมณ์                            ตราบนั้นจมหุบเหวความเลวร้าย
         ความสุขที่เที่ยงแท้อยู่แค่เอื้อม                      ไหวกระเพื่อมตามความคิดที่จิตหมาย
เพียงรู้หลีกปลีกทางเดินเมินอบาย                           ย่อมคลี่คลายปมเขื่องเรื่องรุงรัง
       ลองปล่อยวางความดิ้นรนที่บนบ่า                   จะพบว่าหัวใจไม่คลุ้มคลั่ง        
ทิ้งเสียเถิดอคติที่เหนี่ยวรั้ง                                     สุขฤายั่งทุกข์ฤายืนอย่าฝืนเลย     
      ชีวิตเราเท่านี้แหละชีวิต                                  อย่ายึดติดปลงอัตตานิจจาเอ๋ย  
เดินสายกลางสร้างผลบุญให้คุ้นเคย                         ดีกว่าเฉยแล้วประมาทขาดซึ่งธรรม
     ใจเป็นนายกายเป็นบ่าวคำกล่าวสอน                 พึงสังวรอย่าเห็นเป็นเรื่องขำ
ศีลปัญญาสมาธินี้ควรทำ                                      เพื่อผลนำชีพสร้างแต่ทางดี
       พอกับสิ่งที่มีใช่ที่ฝัน                                      ใจเรานั้นต้องคิดเป็นเห็นถ้วนถี่
ให้อย่าหลงมัวเมาตามเขามี                                               สุขทวีเพียงรู้ค่าคำว่า  พอ

………………………. (3. กิตติ) …………………………

 

4. อรรถพล ส่งครั้งแรก มีแก้ไข
ส่งทางอีเมล

ความสุข (4. อรรถพล ส่งครั้งแรก มีแก้ไข)

สุข...ได้เกิดเป็นคนล้นศักดิ์ศรี                    สุข...ได้มี"แม่พ่อ"รักประจักษ์ค่า
สุข...ได้เป็นศิษย์ดีมี"ครูบา"                                   สุข...ได้มาเป็น"คนไทย""ไท้"การุณ
            ใช่...สุขที่ยศฐาบรรดาศักดิ์                        ใช่...สุขนักที่เงินทองมากองหนุน

ใช่...สุขที่มีอำนาจเหนือบาปบุญ                            ใช่...สุขที่หอมกรุ่นละมุนรัก
            สิ่ง...รัก,โลภ,โกรธ,หลง ยังคงฉุด               สิ่ง...ที่จิตมนุษย์นั้นจมปัก
สิ่ง...ที่คิดว่าสุขแท้ทุกข์นัก                                    สิ่ง...นี้จักทำลายสุขเร่งปลูกธรรม
            แน่นอน...หากเป็นคนดีมีธรรมะ                แน่นอน...ต้องลดละชั่วถลำ
แน่นอน...สามัคคีที่ควรจำ                                    แน่นอน...ชาติสงบล้ำนำสุขคืน
            หาก...ยังหวังผลประโยชน์โฉดชั่วช้า           หาก...ยังถืออัตตาพาแตกตื่น
หาก...ยังหลงกิเลสเหตุยากฟื้น                               หาก...ยังชื่นในสุขปลอมย่อมพบภัย
            มี..."อริยสัจสี่"ทางลี้ทุกข์                          มี..."สติ"ย่อมพบสุขปลูกทางใหม่
มี..."ปัญญา"ย่อมล้ำเลิศเปิดทางชัย                         มี..."ศีล"ไว้ครองตนผลอนันต์
            ธรรม...นำคนพ้นบ่วงบาปปราบชั่วสิ้น       ธรรม...หลั่งริน"สุขแท้จริง"สิ่งคงมั่น
ธรรม...นำประเทศชาติปราศอธรรม์                       ธารธรรม...นั้นฉ่ำทิพย์ลุนิพพาน

………………………. (4. อรรถพล ส่งครั้งแรก มีแก้ไข) ………………………… 

5. อรรถพล แก้ไขครั้งที่ 1
ส่งทางอีเมล

ความสุขที่แท้จริง (5. อรรถพล แก้ไขครั้งที่ 1)

สุข...ได้เกิดเป็นคนล้นศักดิ์ศรี                    สุข...ได้มี"แม่พ่อ"รักประจักษ์ค่า
สุข...ได้เป็นศิษย์ดีมี"ครูบา"                                   สุข...ได้มาเป็น"คนไทย""ไท้"การุณ
            ใช่...สุขที่ยศฐาบรรดาศักดิ์                        ใช่...สุขนักที่เงินทองมากองหนุน
ใช่...สุขที่มีอำนาจเหนือบาปบุญ                            ใช่...สุขที่หอมกรุ่นละมุนรัก
            สิ่ง...รัก,โลภ,โกรธ,หลง ยังคงฉุด               สิ่ง...ที่จิตมนุษย์นั้นจมปัก
สิ่ง...ที่คิดว่าสุขแท้ทุกข์นัก                                    สิ่ง...นี้จักทำลายสุขเร่งปลูกธรรม
            แน่นอน...หากเป็นคนดีมีธรรมะ                แน่นอน...ต้องลดละชั่วถลำ
แน่นอน...สามัคคีที่ควรจำ                                    แน่นอน...ชาติสงบล้ำนำสุขคืน
            หาก...ยังหวังผลประโยชน์โฉดชั่วช้า           หาก...ยังถืออัตตาพาแตกตื่น

หาก...ยังหลงกิเลสเหตุยากฟื้น                               หาก...ยังชื่นในสุขปลอมย่อมพบภัย
            มี..."อริยสัจสี่"ทางลี้ทุกข์                          มี..."สติ"ย่อมพบสุขปลูกทางใหม่
มี..."ปัญญา"ย่อมล้ำเลิศเปิดทางชัย                         มี..."ศีล"ไว้ครองตนผลอนันต์
            ธรรม...นำคนพ้นบ่วงบาปปราบชั่วสิ้น       ธรรม...หลั่งริน"สุขแท้จริง"สิ่งคงมั่น
ธรรม...นำประเทศชาติปราศอธรรม์
                       ธารธรรม...นั้นฉ่ำทิพย์ลุนิพพาน

………………………. (5. อรรถพล แก้ไขครั้งที่ 1) ………………………… 

6. วิษณุ
ส่งทางอีเมล

ความสุข (6. วิษณุ)

สุขซึมซับจากหัวใจสู่ใบหน้า                     ผ่านแววตาที่ปรากฏความสดใส
ยิ้มหัวเราะร่าเริงบันเทิงใจ                                     คนอยู่ใกล้ก็พลอยสุขทุกชีวา
            เหมือนกับที่ร้องไห้ในวันเศร้า                    ทุกข์ทึมเทาข่มชีวิตพิษปัญหา
ความสุขเคยโบกโบยก็โรยลา                                  เหมือนท้องฟ้าครึ้มฝนจนเงียบงัน
            น้ำตาแห่งความสุขใจอาจไหลบ่า               เท่าน้ำตาความวิโยคอันโศกศัลย์
หากสุขคือฟ้าสว่างตอนกลางวัน                            ความทุกข์นั้นคืออีกด้านอันมืดมัว
            สัจธรรม...ความรู้สึกความนึกคิด               เงาตามติดเหมือนโลกมีความดีชั่ว
สะท้อนภาพความจริงสิ่งรอบตัว                           มีสองขั้วแห่งสุขเศร้าเท่ากันไป
            สร้างความสุขด้วยความดีทวีค่า                 ย่อมดีกว่าฉ้อฉลชาติหม่นไหม้
ตนมีสุขแล้วคนอื่นขมขื่นใจ                                  สุขหรือไรที่ผู้คนก่นประนาม
            เสียสละมากมายให้เกิดสุข                        รังสรรค์ยุครุ่งเรืองเมืองสยาม
โลกเทิดคุณคนเทิดค่าสง่างาม                                สร้างสุขคามคือในหลวงทรงห่วงใย
            คือแบบอย่างสร้างนิยามของความสุข         ต้องบั่นบุกต้องครุ่นคิดวินิจฉัย
สร้างรอยยิ้มเบ่งบานบนลานไทย                            เพื่อสุขใจที่ร่วมกันทุกชั้นชน
            สุขส่วนตัวสุขส่วนรวมร่วมกันสร้าง          รักแนวทางคุณความดีมีเหตุผล
คือสุขแท้อันเนิ่นนานผ่านมืดมน                            สรรค์สุขล้นด้วยจิตยึด...ประพฤติธรรม

………………………. (6. วิษณุ) …………………………

 

 

 

 

7. วิษณุ
ส่งทางอีเมล

 

สร้างสุขด้วยสร้างตนเป็นคนดี (7. วิษณุ)

ความสุขคือสงบใจไม่ว้าวุ่น                      สุขอิ่มบุญแสนผ่องใสใครใครเห็น
ดับร้อนแห่งกิเลสได้ใจก็เย็น                                   สุขให้เป็นด้วยเสริมสร้างทางธรรมา
            หลงวัตถุ...มิสร้างสุข...ปลุกสำนึก            ขอเพื่อนอย่า...ถลำลึก...แสวงหา
สุขชั่วครู่อยู่ไม่นานเพียงผ่านตา                              ของเสื่อมค่า...สุขหดหาย...ไม่คงทน
            สุขง่ายง่ายรักพ่อแม่ดูแลท่าน                     รู้จักการมอบให้ไม่หวังผล
นั่งล้อมคุยในครอบครัวก็สุขล้น                              สุขใกล้ตนคนมองข้ามน่าช้ำใจ
            เมตตาจิตคิดดีย่อมมีเพื่อน                         ต่างคอยเตือนเคียงข้างอย่างสดใส
ทุกรอยยิ้มแห่งมิตรแท้มิแปรไป                              คอยร่วมสุขร่วมทุกข์ได้ห่วงใยกัน
            แต่หากหลงสุขภายนอกหลอกชีวิต             ใจยึดติดมวลกิเลสเหตุโศกศัลย์
โลกความสุขจอมปลอมย้อมชีวัน                           เหมือนคิดสั้น...อ้างว้าง...บนทางภัย
            เปรียบสุขเป็นต้นกล้ามีค่ายิ่ง                      ปลูกสุขจริงด้วยธรรมนำสดใส
รู้ประพฤติยึดปล่อยวางกลางหัวใจ                          อย่ายึดติดกับสิ่งใดให้ทุกข์ทน
            ความสุขแท้อยู่ที่ใจใช่สิ่งของ                    สร้างครรลองเป็นทางต่อก่อกุศล
สงบนิ่งด้วยธารธรรมนำกมล                                             เริ่มสร้างสุขด้วยสร้างตนเป็นคนดี

………………………. (7. วิษณุ) …………………………

8. ศุภญาดา
ส่งทางอีเมล

ความสุข (8. ศุภญาดา)

ทะเลซัดพัดคลื่นหวนทวนเข้าฝั่ง                ใบไม้ยังแปรสลับปรับเปลี่ยนสี
ฤดูกาลผ่านเลื่อนเคลื่อนแรมปี                               ทุกนาทีดำเนินก้าวข้ามผ่านไป
            แม้ตะวันจันทราอีกราตรี                         นั้นล้วนมีแต่เพียงความเคลื่อนไหว
สรรพสิ่งยังมีวันแปรผันไป                                    ฉะนั้นไซร้หัวใจคนย่อมต่างกัน
            บ้างว่าสุขที่ตนเฝ้าใฝ่หา                            คือเงินตราเติมเสริมสร้างเสกสรรค์
เปรมปรีดิ์ปริ่มปรนเปรอแค่ชั่ววัน                           แล้วหมดฝันพลันหายในพริบตา
            บ้างว่าสุขคืออำนาจอาจหาญศรี                 บารมียำเกรงทั่วทิศา
มียศถาบรรดาเป็นศัสตรา                                      ไม่เห็นค่าน้ำใจมิตรไมตรี
            บ้างว่าสุขที่แท้จริงต้องยิ่งใหญ่                   สนองใจปรารถนาให้สุขี
ลืมคำนึงคุณค่าความจริงมี                                    ความสุขที่แท้จริงคือสิ่งใด
            เพียงรำพึงคะนึงคิดติดดวงจิต                    เพียรพินิจความสุขอยู่แห่งไหน
ความสุขแท้แสนสำคัญยิ่งสิ่งใด                             อยู่ภายในมโนมัยใจกมล
            เพียงหลับตาพิงลงบนไม้ใหญ่                     ทำใจให้ว่างเปล่าเถิดจะเกิดผล
ธรรมชาติทำหน้าที่ของตัวตน                                บันดาลดลรื่นเริงรมย์ปิติดี
            แล้วจะพบสุขแท้อันลึกล้ำ                        จักพานำชีวีตามทางวิถี
จิตสุขสันต์คุณค่างามดั่งมณี                                  เพียงแค่มีใจสงบสง่างาม

………………………. (8. ศุภญาดา) …………………………

 

9. วิษณุ
ส่งทางอีเมล

หนทางแห่งความสุข (9. วิษณุ)

เพียง...ได้อยู่ชิดใกล้ใครคนนั้น                    สุขชีวันกราบพ่อแม่ผู้แก่เฒ่า
ยามลำเค็ญมีพ่อแม่ดูแลเรา                                    ความทุกข์เศร้าค่อยจางหายมลายไป
            เพียง...เมตตาอารีย์ก็มีสุข                         บรรเทาทุกข์พี่น้องจิตผ่องใส
สุขหลั่งรินรื่นเริงบันเทิงใจ                                    รักมอบให้จากมิตรแท้ดูแลกัน
            เพียง...รู้จักให้อภัยใจจึงสุข                        เปลี่ยนแปลงยุคสดใสใจสุขสันต์
สามัคคีปรองดองครองชีวัน                                   รู้แบ่งปันย่อมอิ่มเอมสุขเปรมปรีดิ์
            เพียง...จิตใจเย็นสงบพบธรรมะ                รู้ลดละมวลกิเลสเหตุบัดสี
เริ่มต้นใหม่ด้วยประพฤติยึดความดี                         สร้างสุขที่สดใสจากใจตน
            หาก...หลงสุขในเงินทองหรือของใช้           เหมือนเชื้อไฟลามเพิ่มเติมฉ้อฉล
คือความสุขชั่วครู่อยู่ไม่ทน                                    กอปรกุศลคือสุขแท้ยากแปรไป
            เพียง...ทำดีทุกขณะครองสติ                     สมาธิจักเกิดก่อก็สุขได้
สร้างโลกที่สงบมากจากภายใน                              อยู่ที่ไหนก็สุขได้ทุกครา
            เกิดมาแล้วหนึ่งชีวิตคิดให้กว้าง                  รู้ปล่อยวางมวลกิเลสเหตุตัณหา
สร้างสุขที่สดใสในธรรมา                                     สร้างคุณค่าคำว่าคนล้นความดี
            เพียง...ความสุขจากใจในทุกสิ่ง                 เป็นความจริง  เป็นความรัก  เป็นศักดิ์ศรี
เป็นความสุข  เป็นเยื่อใยและไมตรี                         เป็นสุขที่...อยู่ใกล้ใกล้....ไม่เคยมอง  

………………………. (9. วิษณุ) …………………………

 

 

 

 

 

10. ประไหมสุหรี มะเดหวี มะโต
ส่งทางอีเมล

 

ความสุข (10. ประไหมสุหรี มะเดหวี มะโต)

ภาพเด็กน้อยเดินต้อยต้อยเลียบชายทุ่ง          กลิ่นคละคลุ้งหอมแผ่นดินถิ่นพื้นบ้าน
ร้อยบรรเลงเพลงคลายทุกข์สุขดวงมาลย์                  แว่วกังวาลแม้ห่างไกลยังได้ยิน
            พ่อเล่าว่านาของเราคือทุ่งทอง                               มิเคยหมองยังสดใสไม่สุดสิ้น
เป็นอู่ข้าวอู่น้ำให้เรากิน                                                    คือทรัพย์สินถิ่นแท้แต่โบราณ
            แม่เล่าว่าภูมิปัญญาล้ำเลิศผล                                 บรรพชนฝากไว้ให้ลูกหลาน
คือวิถีดีงามล้ำตระการ                                                      เราเป็นเด็กจะสืบสานให้สืบไป
            ปู่เล่าว่าเจอหน้ากันปันรอยยิ้ม                                แก้มอวบอิ่มพริ้มแพรวแววสดใส
ตาจ้องตามือจับมือประสานใจ                              หอมละมุนอุ่นละไมในบ้านเรา

            ย่าเล่าว่าพระธรรมาคอยสอนสั่ง                  คอยปลูกฝังจิตใจไม่อับเฉา
มีพฤกษาป่าไม้ให้ร่มเงา                                                    ยังคอยเฝ้าบรรเทาภัยในทุกครา
            คือความสุขของเด็กตัวน้อยน้อย                  ที่ค่อยค่อยเติบใหญ่ไปข้างหน้า
ร้อยคืนวันพันเรื่องราวที่ผ่านมา                             ขอสัญญาจะรักษาแผ่นดินไทย
            แผ่นดินนี้คือแผ่นดินแห่งความสุข              แม้เปลี่ยนยุคยังคงสุขทุกสมัย
สุดเลิศล้ำงามประภัสจรัสไกล                                           สำนึกในถิ่นฐานบ้านเมืองนอน

            มีพ่อแม่พี่น้องคล้องไออุ่น                         หอมละมุนผดุงสุขสโมสร
แม้อยู่ไกลในทุ่งนาป่าดงดอน                                             ยังเปียกปอนฉ่ำความสุขแห่งบ้านเรา

       ………………………. (10. ประไหมสุหรี มะเดหวี มะโต) …………………………

 

 

 

 

 

11. “ ครูเท่ง
ส่งทางอีเมล

 

ความสุข (11. “ ครูเท่ง )

๑.         น้ำค้างพรมยอดหญ้าเวลาเช้า                     พระเดินเท้าบิณฑบาตไม่ขาดสาย
แสงแดดส่องน้ำค้างดูพร่างพราย                            คนหลากหลายเตรียมอาหารการทำบุญ

๒.        ชนบทวัดพึ่งบ้านบ้านพึ่งวัด                      คิดเจนจัดช่วยเหลือคอยเกื้อหนุน
มีเพื่อนบ้านแย้มยิ้มอิ่มละมุน                                 ความอบอุ่นผูกไมตรีที่ชุมชน

๓.        อยู่พอพียงเพียงพอใจไม่หรูหรา                   ข้าวในนาปลาในน้ำงามพืชผล
ผักสวนครัวรั้วกินได้ไม่ยากจน                               เราทุกคนยึดดำรัสกษัตริย์ไทย

๔.        วัฒนธรรมประเพณีมีคุณค่า                      สืบสานมาคงอยู่คู่สมัย
งานฝีมือศิลปาชีพประทีปไกล                                ส่งเสริมงานสานรายได้ให้มีกิน

๕.        ไม่ต้องมีไม่ต้องการบ้านหลังใหญ่               บ้านหลังเล็กแต่สุขใจไร้หนี้สิน
ถึงทำงานหลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน                                 เหนื่อยหมดสิ้นด้วยครอบครัวรั้วคุ้มกัน

๖.         ความสุขจึงอยู่ใกล้ไม่ต้องคว้า                    มองด้วยตาก็สุขใจใช่ปิดกั้น
ความสุขคือความสุขใจในทุกวัน                            พร้อมแบ่งปันสุขยิ่งใหญ่ให้สังคม      

………………………. (11. “ ครูเท่ง ) …………………………

 

 

 

 

 

12. วิชุดา
ส่งทางไปรษณีย์

 

ความสุข (12. วิชุดา)

แสงสีทองส่องหล้าวันฟ้าเปิด                                โลกบรรเจิดแจ่มจ้าวันฟ้าใส
วันที่ฟ้าสีทองผ่องอำไพ                                                    จะสร้างความสดใสให้แผ่นดิน
            นั่นก็คือความสุขคนยุคใหม่                                   แสวงหากันได้ด้วยทรัพย์สิน
ชีวิตต้องพัฒนาเป็นอาจิณ                                                 หมั่นถวิลห่วงใยไทยด้วยกัน
            สุขภายนอกนั้นหามาเสริมได้                                สุขภายในนั้นเน้นทางต้องสร้างสรรค์
อริยะสัจสี่ที่สำคัญ                                                           คือสำพันธ์ผลลัพธ์การดับทุกข์
            รู้สมุทัยนิโรธและมรรค                                         นี่คือหลักดับดิ่งยิ่งเกิดสุข

ใช้ศีลธรรมชำนำใจดับไฟลุก                                              ดับไฟซุกในทรวงตัดบ่วงมวร
            สร้างความสุขยุคใหม่ใช้ธรรมะ                              ดับโมหะแห่งทุกข์เกิดสุขศานต์
สุขในธรรมค้ำคูณพิบูลย์บาล                                             พระนิพพานสุขอย่ายิ่งมิ่งมงคล
            สันติภาพสันติธรรมเกิดความสุข                           อยู่ในยุคมนุษย์แย่งแสวงผล
ไมตรีย้ำสัมพันธ์สันติชน                                                   เพื่อโลกล้นความรักสามัคคี

………………………. (12. วิชุดา) …………………………

 

 

 

 

 

13. สุริยวรรณ  
ส่งทางไปรษณีย์

 

ความสุข (13. สุริยวรรณ)

อันความสุขสดใสใจสว่าง                        สุขเพราะสร้างเสริมบุญหนุนกุศล
ครองศีลห้าพาดำรงมิ่งมงคล                                  ต้องอดทนทุกทางสร้างชีวิน
            ด้วยทุกยามความสุขคนยุคใหม่                  ล้วนปัจจัยปรุงแต่งแสวงหา
เพื่ออำนวยความสุขทุกเวลา                                  ล้วนศรัทธาวิกฤติชีวิตไทย
            สุขภายนอกหลอกหลอนซ่อนโมหะ            สร้างพันธะจนติดเป็นนิสัย
แสวงหาทรัพย์สินรินใจล่อใจ                                 หวังกอบได้โกยเอาเร้าอารมณ์
            มุ่งหาความสุขใจให้ชีวิต                           ทุจริตคือคลื่นอันขื่นขม
พระว่าบาปตราบที่ใจใฝ่นิยม                                 รู้จักข่มจิตบ้างสร้างความดี
            รู้จักพอก่อสุขทุกสถาน                             สร้างประสานสังคมอุดมศรี
น้ำจิตเอื้อเจือใจมอบไมตรี                         รู้วิถีแห่งธรรมส่องนำทาง
            พระนิพพานท่านว่าเป็นสุขแท้                   ไม่เกิดแก่เจ็บตายใจสว่าง
รักความสุขความเจริญเดินสายกลาง                      ช่วยกันสร้างสุขให้เกิดประเสริฐนัก

………………………. (13. สุริยวรรณ) …………………………

 

 

 

 

 

14. บารเมษฐ์  ส่งครั้งแรกมีแก้ไข
ส่งทางเว็บบอร์ด

 

ความสุขที่บ้านนา (14. บารเมษฐ์ ส่งครั้งแรกมีแก้ไข)

พ่อจับไถแม่หว่านกล้าเต็มนาข้าว               เมื่อถึงคราวน้ำ-ดินดีหวังมีผล
หนักต้องเอาเบาต้องสู้รู้อดทน                                เกิดเป็นชนรากหญ้าอย่าเพิ่งท้อ
            กลับจากนาถากไถทำไร่สวน                     ช่วยกันพรวนจนดินฉ่ำน้ำเลี้ยงหล่อ
ผักพืชผลเพาะเมล็ดพันธุ์นับวันรอ                          แตกกิ่งกอดอกผลงามตามต้องการ

            ฤดูฝนผักชุ่มนาปลาชุ่มหนอง                     เรไรร้องเขียดบรรเลงเพลงประสาน
กล่อมทุ่งนาให้สุขสันต์ทุกวันวาน                          ข้าวผลิบานรวงสีทองฉันมองดู
            ถึงเวลาจับคันเคียวร่วมเกี่ยวข้าว                ทั้งหนุ่มสาวลงแขกเกี่ยวเกี้ยวเป็นคู่
ร้องรำเพลงเกี่ยวข้าวไปใจฟ่องฟู                             นกขันคูขานรับเสียงอยู่เคียงกัน
            ข้าวเต็มรวงรายได้ดีสร้างชีวิต                    ผลผลิตจากน้ำแรงแข็งขยัน
พ่อแม่ยิ้มอิ่มเอมสุขทุกคืนวัน                                รินแบ่งปันธารน้ำใจให้ทุกคน
            ฉันบ้านนอกกิน-อยู่มิหรูหรา                     ตระหนักค่าเพียงพอก่อเกิดผล
จักประหยัดอดออมยอมอดทน                               ฟ้าหลังฝนย่อมสง่ากว่าวันเดิม
            วิถีไทยวิถีธรรมแม่พร่ำสอน                      ทุกขั้นตอนชีพดำรงพ่อส่งเสริม
ยึดครรลอง"พ่อของไทย"ใช้ต่อเติม                           สินพูนเพิ่ม"ทฤษฎีใหม่"ในชีวัน
            สุขแท้จริงได้เกิดมาบนนาไร่                      บ้านหลังใหญ่คือท้องทุ่งโอบอุ้มฝัน
รวยน้ำใจน้องพี่มีแบ่งปัน                                      เปี่ยมคุณธรรม์หมั่นทำดีมิเบียนใคร
            เกิดเป็นลูกชาวนาอย่าทิ้งหลัก                    เพราะศรีศักดิ์เหนือยิ่งกว่าสิ่งไหน
เป็นคนจนต้องบากบั่นฉันภูมิใจ                             จะมิให้ใครดูหมิ่นกลิ่นสาบควาย

………………………. (14. บารเมษฐ์ ส่งครั้งแรกมีแก้ไข) …………………………

 

 

 

 

15. บารเมษฐ์  แก้ไขครั้งที่ 1
ส่งทางเว็บบอร์ด

 

ความสุขที่บ้านนา (15. บารเมษฐ์  แก้ไขครั้งที่ 1)

พ่อจับไถแม่หว่านกล้าเต็มนาข้าว               เมื่อถึงคราวน้ำ-ดินดีหวังมีผล
หนักต้องเอาเบาต้องสู้รู้อดทน                                เกิดเป็นชนรากหญ้าอย่าเพิ่งท้อ
            กลับจากนาถากไถทำไร่สวน                     ช่วยกันพรวนจนดินฉ่ำน้ำเลี้ยงหล่อ
ผักพืชผลเพาะเมล็ดพันธุ์นับวันรอ                          แตกกิ่งกอดอกผลงามตามต้องการ

            ฤดูฝนผักชุ่มนาปลาชุ่มหนอง                     เรไรร้องเขียดบรรเลงเพลงประสาน
กล่อมทุ่งนาให้สุขสันต์ทุกวันวาน                          ข้าวผลิบานรวงสีทองฉันมองดู
            ถึงเวลาจับคันเคียวร่วมเกี่ยวข้าว                ทั้งหนุ่มสาวลงแขกเกี่ยวเกี้ยวเป็นคู่
ร้องรำเพลงเกี่ยวข้าวไปใจฟ่องฟู                             นกขันคูขานรับเสียงอยู่เคียงกัน
            ข้าวเต็มรวงรายได้ดีสร้างชีวิต                    ผลผลิตจากน้ำแรงแข็งขยัน
พ่อแม่ยิ้มอิ่มเอมสุขทุกคืนวัน                                รินแบ่งปันธารน้ำใจให้ทุกคน
            ฉันบ้านนอกกิน-อยู่มิหรูหรา                     ตระหนักค่าเพียงพอก่อเกิดผล
จักประหยัดอดออมยอมอดทน                               ฟ้าหลังฝนย่อมสง่ากว่าวันเดิม
            วิถีไทยวิถีธรรมแม่พร่ำสอน                      ทุกขั้นตอนชีพดำรงพ่อส่งเสริม
ยึดครรลอง"พ่อของไทย"ใช้ต่อเติม                           สินพูนเพิ่ม"เศรษฐกิจพอเพียง"เลี้ยงชีวัน
            สุขแท้จริงได้เกิดมาบนนาไร่                      บ้านหลังใหญ่คือท้องทุ่งโอบอุ้มฝัน
รวยน้ำใจน้องพี่มีแบ่งปัน                                      เปี่ยมคุณธรรม์หมั่นทำดีมิเบียนใคร
            เกิดเป็นลูกชาวนาอย่าทิ้งหลัก                    เพราะศรีศักดิ์เหนือยิ่งกว่าสิ่งไหน
เป็นคนจนต้องบากบั่นฉันภูมิใจ                             จะมิให้ใครดูหมิ่นกลิ่นสาบควาย

………………………. (15. บารเมษฐ์  แก้ไขครั้งที่ 1) …………………………

 

16. อิศราวรรณ
ส่งทางเว็บบอร์ด

ความสุข (16. อิศราวรรณ)

ความสุขอยู่ที่ไหน...ใครรู้บ้าง                    ต่างคนต่างโหยหาพาสับสน
พลิกด้านเหรียญของความเศร้าเงาทุกข์ทน               ย่อมจักค้นพบสุขแท้อย่างแน่นอน
            ความพอเพียงสรรค์เส้นทางสร้างชีวิต         ช่วยชี้ทิศรู้ประมาณสานคำสอน
ความสุขแท้สุขที่ใจไม่บั่นทอน                              สุขถาวรด้วยใจสร้างอย่างแท้จริง
            แต่ความสุขนอกกายไม่เที่ยงแท้                 หลอกใจแค่คิดอยากได้ในทุกสิ่ง
เกิดกิเลสเพราะหลงผิดคิดแย่งชิง                            จิตจมดิ่งสู่ห้วงเหวความเลวทราม
            เมื่อก่อนเก่าชาติเรานี้มีแต่สุข                     ยิ้มปลอบปลุกคืองามพริ้มยิ้มสยาม
ก่อนจะเหลือสุขไว้แต่ในนาม                                 ทั้งเขตคามจงฟื้นรักสามัคคี
            ลบภาพแห่งกิเลสเหตุหมองหม่น               ด้วยธรรมดลชำระใจให้สุขศรี
หยุดแบ่งแยก...จึงสร้างสุขทุกนาที                         เริ่มจากที่ตัวเราก่อนจะสอนใคร
            สุขสีขาว...เย็นล้ำ...ในธรรมะ                    สมถะ...เพียงพอ...ก็สุขได้
คือทางออกแห่งปัญหา...นำพาไทย                         สร้างสุขใจสร้างสังคม...สุขร่มเย็น

………………………. (16. อิศราวรรณ) …………………………

 

 

 

 

 

17. บารเมษฐ์  ส่งครั้งแรกมีแก้ไข
ส่งทางเว็บบอร์ด

 

ขอความสุขชายแดนใต้จะได้ไหม (17. บารเมษฐ์  ส่งครั้งแรกมีแก้ไข)

ได้ยินเสียงปืนลั่นขวัญผวา                         คราบน้ำตาอาบชายแดนแสนหดหู่
สังเวยศพโจรเลือดเย็นเข่นฆ่าครู                 ซึ่งเป็นผู้ปูทางศิษย์จิตบูชา
            ลูกกระสุนปักอกซ้ายกายมอดดับ                ครูมิกลับลาล่วงศิษย์ห่วงหา
เป็นตัวแทนล้างคราบศพลบน้ำตา                          ขอเถิดหนาให้เธอหยุดศพสุดท้าย
            ยอมเอาชีพแลกแผ่นดินสิ้นด้ามขวาน          รุดต่อต้านขัดแย้งแบ่งฝักฝ่าย
เธอทำเพื่อได้ครอบครองของนอกกาย                      น่าเสียดายความเป็นคนจนเจียนใจ
            สังหารเหี้ยมนักรบดินกลบหน้า                  เลือดท่วมตาสู้ประจัญมิหวั่นไหว
สิ้นทหารเหมือนใกล้สิ้นแผ่นดินไทย                       กำแพงไรขาดเสาหลักยึดพักพิง
            นัยน์ตาร่ำร้องขอต่อชีวิต                           เธอยังคิดหมายฆาตอนาถยิ่ง
เด็กน้อยไร้เดียงสาเธอกล้ายิง                                  กระสุนทิ้งเหลือซากศพจบกายา
            มิเห็นใจลูกหลานกันบ้างหรือ                    พวกเขาคือก้าวต่อไปในวันหน้า
เธอทำลายทุกสิ่งสิ้นล้างวิญญา                              ตัดอนาคตป่นปี้กี่ครั้งคราว
            "ขอความสุขชายแดนใต้จะได้ไหม"             แลกด้วยใจบริสุทธิ์ดุจผ้าขาว
สิทธิ์สุดท้ายก่อนสิ้นลมล้มระนาว                          บอกดวงดาวด้วยสัจจะเป็นพยาน
            นกพิราบจะคืนถิ่นแผ่นดินใต้                     เสียงปืนไร้ผ่านเศร้าทุกข์พบสุขศานต์
สันติภาพจะกลับมามิช้านาน                                หากเธอเลิกรุกรานด้านขวานไทย

………………………. (17. บารเมษฐ์  ส่งครั้งแรกมีแก้ไข) …………………………

 

18. บารเมษฐ์  แก้ไขครั้งที่ 1
ส่งทางเว็บบอร์ด

ขอความสุขชายแดนใต้จะได้ไหม (18. บารเมษฐ์  แก้ไขครั้งที่ 1)

ได้ยินเสียงปืนลั่นขวัญผวา                         คราบน้ำตาอาบชายแดนแสนหดหู่
สังเวยศพโจรเลือดเย็นเข่นฆ่าครู                 ซึ่งเป็นผู้ปูทางศิษย์จิตบูชา
            ลูกกระสุนปักอกซ้ายกายมอดดับ                ครูมิกลับลาล่วงศิษย์ห่วงหา
เป็นตัวแทนล้างคราบศพลบน้ำตา                          ขอเถิดหนาให้เธอหยุดศพสุดท้าย
            ยอมเอาชีพแลกแผ่นดินสิ้นด้ามขวาน          รุดต่อต้านขัดแย้งแบ่งฝักฝ่าย
เธอทำเพื่อได้ครอบครองของนอกกาย                      น่าเสียดายความเป็นคนจนเจียนใจ
            สังหารเหี้ยมนักรบดินกลบหน้า                  เลือดท่วมตาสู้ประจัญมิหวั่นไหว
ทหารสิ้นถิ่นด้ามขวานเผาผลาญไฟ                        กำแพงไร้ขาดเสาหลักยึดพักพิง
            นัยน์ตาร่ำร้องขอต่อชีวิต                           เธอยังคิดหมายฆาตอนาถยิ่ง
เด็กน้อยไร้เดียงสาเธอกล้ายิง                                  กระสุนทิ้งเหลือซากศพจบกายา
            มิเห็นใจลูกหลานกันบ้างหรือ                    พวกเขาคือก้าวต่อไปในวันหน้า
เธอทำลายทุกสิ่งสิ้นล้างวิญญา                              ตัดอนาคตป่นปี้กี่ครั้งคราว
            "ขอความสุขชายแดนใต้จะได้ไหม"             แลกด้วยใจบริสุทธิ์ดุจผ้าขาว
สิทธิ์สุดท้ายก่อนสิ้นลมล้มระนาว                          บอกดวงดาวด้วยสัจจะเป็นพยาน
            นกพิราบจะคืนถิ่นแผ่นดินใต้                     เสียงปืนไร้ผ่านเศร้าทุกข์พบสุขศานต์
สันติภาพจะกลับมามิช้านาน                                หากเธอเลิกรุกรานด้านขวานไทย

………………………. (18. บารเมษฐ์  แก้ไขครั้งที่ 1) …………………………

 

19. ณัฐพงษ์  ส่งครั้งแรกมีแก้ไข
ส่งทางเว็บบอร์ด

ความสุข (19. ณัฐพงษ์  ส่งครั้งแรกมีแก้ไข)

ประหนึ่งอยู่คู่สาง ณ กลางเมฆ                             ลมร้อยเสกบรรเลงเป็นเพลงหวาน
ทิวาลับจับฟ้าทิวาวาร                                                                  ดาราผ่านทอทิพย์ก็ลิบโรย
            สุริยาลอยมาให้ฟ้าเปิด                                          พริ้งเพราเพริศพัดพลิ้วพระพายโผย
สกุณาแจ้วผินแล้วบินโปรย                                               แมกไม้โกยเกาะกิ่งกะพ้อเมือง
            รุจิเรืองส่องแสงสีสับแสด                                     ร้อนเผาแผดข้าวเขียวเห็นเหลียวเหลือง
อร่ามเด่นเช่นสีฑิฆัมเดือน                                                เฉกบอกเตือนถึงทีที่ลงแรง
            เมฆาเคลื่อนเข้ากับขยับที่                                      บังสุรีย์แสงร้อนลดผ่อนแสง
ทั้งเพื่อนมิตรชิดชู้กรูลงแรง                                                ขยับแกว่งเคียวโค้งค่อยค่อยกรอ
            จนเหลียวแลหลังหลับจะลับแล้ว                            ช่อรวงเเก้วเกี่ยวสิ้นแล้วสิหนอ
รำราญเล่นรำเต้นเป็นเคล้าคลอ                                          ร้องรำพ่อรำเคียว "ชะเกี่ยวเอย..."

            ตะวันบ่ายย้ายยุดสุดสวาท                                     มาศอ่อนแรงแสงเจ้าเอ๋ย
อัมไพผ่องท้องฟ้านภาเอย                                                 ภาพพื้นเปรยเปรียบประดุจประเมืองแมน
            พิรุณโรยโชยพัดสะบัดเสบื้อน                                ค่อยเขยื้อนเคลื่อนคลามาสุดแสน
วิไวลับเหลี่ยมรุ้งพุ่งสู่แดน                                                 เป็นแฉกแล่นเจ็ดสีระวีวรรณ
            เสียงไกวซอล้อลมชมทิวทุ่ง                                   ขับลำนำคำมุ่งสู่เวหัน
เเจ้วเจรียงเสียงวิหคผกกลับกัน                                          เสนาะมั่นดุจน้ำเซาะเซาะทราย
            กระเพื่อมพรายลายน้ำเย็นย่ำสุข                             ภาพความทุกข์น้องพี่หนีห่างหาย
จูงเจ้าทุยลุยนิทัศวิลาศลาย                                                สุขสบายสุขใจไร้ทุกข์ทม
            เสียงเรไรไกรกริ่งเพราะพริ้งหู                                 ภาพอุ้มชูมิตรไมตรีที่สุขสม
สุขด้วยใจไร้มีดให้กรีดจม                                                  สุขผสมสุขนี้ที่ปลายแดน

………………………. (19. ณัฐพงษ์  ส่งครั้งแรกมีแก้ไข) …………………………

 

 

 

 

 

20. ณัฐพงษ์  แก้ไขครั้งที่ 1
ส่งทางเว็บบอร์ด

 

ความสุขที่ปลายทุ่ง (20. ณัฐพงษ์  แก้ไขครั้งที่ 1)

ประหนึ่งอยู่คู่สาง ณ กลางเมฆ                              ลมร้อยเสกบรรเลงเป็นเพลงหวาน
ทิวาลับจับฟ้าทิวาวาร                                                                  ดาราผ่านทอทิพย์ก็ลิบโรย
            สุริยาลอยมาให้ฟ้าเปิด                                          พริ้งเพราเพริศพัดพลิ้วพระพายโผย
สกุณาแจ้วผินแล้วบินโปรย                                               แมกไม้โกยเกาะกิ่งกะพ้อเมือง
            รุจิเรืองส่องแสงสีสับแสด                                     ร้อนเผาแผดข้าวเขียวเห็นเหลียวเหลือง
อร่ามเด่นเช่นสีฑิฆัมเดือน                                                เฉกบอกเตือนถึงทีที่ลงแรง
            เมฆาเคลื่อนเข้ากับขยับที่                                      บังสุรีย์แสงร้อนลดผ่อนแสง
ทั้งเพื่อนมิตรชิดชู้กรูลงแรง                                                ขยับแกว่งเคียวโค้งค่อยค่อยกรอ
            จนเหลียวแลหลังหลับจะลับแล้ว                            ช่อรวงเเก้วเกี่ยวสิ้นแล้วสิหนอ
รำราญเล่นรำเต้นเป็นเคล้าคลอ                                          ร้องรำพ่อรำเคียว "ชะเกี่ยวเอย..."

            ตะวันบ่ายย้ายยุดสุดสวาท                                     มาศอ่อนแรงแสงเจ้าเอ๋ย
อัมไพผ่องท้องฟ้านภาเอย                                                 ภาพพื้นเปรยเปรียบประดุจประเมืองแมน
            พิรุณโรยโชยพัดสะบัดเสบื้อน                                ค่อยเขยื้อนเคลื่อนคลามาสุดแสน
วิไวลับเหลี่ยมรุ้งพุ่งสู่แดน                                                 เป็นแฉกแล่นเจ็ดสีระวีวรรณ
            เสียงไกวซอล้อลมชมทิวทุ่ง                                   ขับลำนำคำมุ่งสู่เวหัน
เเจ้วเจรียงเสียงวิหคผกกลับกัน                                          เสนาะมั่นดุจน้ำเซาะเซาะทราย
            กระเพื่อมพรายลายน้ำเย็นย่ำสุข                             ภาพความทุกข์น้องพี่หนีห่างหาย
จูงเจ้าทุยลุยนิทัศวิลาศลาย                                                สุขสบายสุขใจไร้ทุกข์ทม
            เสียงเรไรไกรกริ่งเพราะพริ้งหู                                 ภาพอุ้มชูมิตรไมตรีที่สุขสม
สุขด้วยใจไร้มีดให้กรีดจม                                                  สุขผสมสุขนี้ที่ปลายแดน

………………………. (20. ณัฐพงษ์  แก้ไขครั้งที่ 1) …………………………

 

21. ณัฐพงษ์  แก้ไขครั้งที่ 2
ส่งทางเว็บบอร์ด

ความสุขที่ปลายทุ่ง (21. ณัฐพงษ์  แก้ไขครั้งที่ 2)

ประหนึ่งอยู่คู่สาง ณ กลางเมฆ                             ลมร้อยเสกบรรเลงเป็นเพลงหวาน
ทิวาลับจับฟ้าทิวาวาร                                                                  ดาราผ่านทอทิพย์ก็ลิบโรย
            สุริยาลอยมาให้ฟ้าเปิด                                          พริ้งเพราเพริศพัดพลิ้วพระพายโผย
สกุณาแจ้วผินแล้วบินโปรย                                               แมกไม้โกยเกาะกิ่งกะพ้อเมือง
            รุจิเรืองส่องแสงสีสับแสด                                     ร้อนเผาแผดข้าวเขียวเห็นเหลียวเหลือง
อร่ามเด่นเช่นสีฑิฆัมเดือน                                                เฉกบอกเตือนถึงทีที่ลงแรง
            เมฆาเคลื่อนเข้ากับขยับที่                                      บังสุรีย์แสงร้อนลดผ่อนแสง
ทั้งเพื่อนมิตรชิดชู้กรูลงแรง                                                ขยับแกว่งเคียวโค้งค่อยค่อยกรอ
            จนเหลียวแลหลังหลับจะลับแล้ว                            ช่อรวงเเก้วเกี่ยวสิ้นแล้วสิหนอ
รำราญเล่นรำเต้นเป็นเคล้าคลอ                                          ร้องรำพ่อรำเคียว "ชะเกี่ยวเอย..."

            ตะวันบ่ายย้ายยุดสุดสวาท                                     ทินมาศอ่อนแรงแสงเจ้าเอ๋ย
อัมไพผ่องท้องฟ้านภาเอย                                                 ภาพพื้นเปรยเปรียบประดุจประเมืองแมน
            พิรุณโรยโชยพัดสะบัดเสบื้อน                                ค่อยเขยื้อนเคลื่อนคลามาสุดแสน
วิไวลับเหลี่ยมรุ้งพุ่งสู่แดน                                                 เป็นแฉกแล่นเจ็ดสีระวีวรรณ
            เสียงไกวซอล้อลมชมทิวทุ่ง                                   ขับลำนำคำมุ่งสู่เวหัน
เเจ้วเจรียงเสียงวิหคผกกลับกัน                                          เสนาะมั่นดุจน้ำเซาะเซาะทราย
            กระเพื่อมพรายลายน้ำเย็นย่ำสุข                             ภาพความทุกข์น้องพี่หนีห่างหาย
จูงเจ้าทุยลุยนิทัศน์วิลาศลาย                                              สุขสบายสุขใจไร้ทุกข์ทม
            เสียงเรไรไกรกริ่งเพราะพริ้งหู                                 ภาพอุ้มชูมิตรไมตรีที่สุขสม
สุขด้วยใจไร้มีดให้กรีดจม                                                  สุขผสมสุขนี้ที่ปลายแดน

………………………. (21. ณัฐพงษ์  แก้ไขครั้งที่ 2) …………………………

 

22. ธฤตวัน
ส่งทางเว็บบอร์ด

ออกตามหาความสุข (22. ธฤตวัน)

อึกทึกครึกโครมประโลมโลก                                 สะท้อนโศกในดวงตา น่าสงสาร
เมื่อสงครามเคลื่อนบุกมารุกราน                                        สุขในวันเมื่อวานก็หายไป
            ความหม่นหมองมาครองเข้าเช่าพื้นที่                     สิ่งงามดีอพยพหลบผู้ไล่
ความชิงชังฝังแค้นแน่นหัวใจ                                            ก็คร่าไทยที่ปรองดอง พี่-น้องกัน
            ข้าพเจ้าจึงจะตามหาความสุข                              มาล้างทุกข์ที่โถมหา มาปลอบขวัญ
ด้วยรู้ดีว่ามีไทยเป็นเดิมพัน                                                ด้วยสำคัญศรัทธาประชาธิปไตย
            หิ้วกระสอบหอบกระเป๋าเข้าเมืองกรุง                     หวังจะมุ่งมาหนองจอก บางกอกใหญ่
เขตคลองสาน ยานนาวา พญาไท                                       ก็ยังไร้วี่แวว จึงจากมา
            ยอมร่อนเร่พเนจรไร้หมอนเสื่อ                               หลังชุ่มเหงื่ออีกกรำแดดแผดเผาหน้า
ลงชุมพร นครศรีฯ ลงยะลา                                               เมืองนราฯ ปัตตานีไม่มีเลย
            มีแต่ภาพรบราวีชิงดีเด่น                                       ถูกชักใยให้โลดเต้น...แต่เราเฉย ?
คิดแต่เรื่องส่วนตัวมัวละเลย                                              มิเหมือนเคยเป็นหนึ่งเดียวกลมเกลียวกัน
            อึกทึกครึกโครมประโลมโลก                                  ความโสโครกมาบดบังทางฝั่งฝัน
เปิดกระเป๋าเขย่ากระสอบตรวจสอบพลัน                            หวังแบ่งปันสุขอันน้อยจ้อยจิริด
            ข้าพเจ้าจึงจะออกปล้นความสุข                             เพื่อเปลื้องทุกข์ปลดปลงความหลงผิด
ก้มกราบพระหวังพรอุ้มคุ้มชีวิต                                        สิ่งศักดิ์สิทธิ์คงจะนำลูกกำชัย              

………………………. (22. ธฤตวัน) …………………………

 

 

 

 

 

23. ธิติสรรค์
ส่งทางเว็บบอร์ด

 

คืนความสุขแก่ทุกคน (23. ธิติสรรค์)

รอยสงครามความรุนแรงยังแดงเดือด                      ชีพถูกเชือดจนชาชินเลือดรินไหล
ร่มแดนธรรมกลับลำเค็ญลุกเป็นไฟ                                  ล้วนเพลิงไหม้จากกิเลสเหตุเสื่อมทราม
            เขม่าปืน ควันกระสุน ยังกรุ่นกลิ่น                          เสียงระเบิดดังมิสิ้น...จากถิ่นสยาม
มากปัญหาก่อเหตุทั่วเขตคาม                                            เกิดจากความขัดแย้งแบ่งข้างกัน
            ภาพเมืองแห่งความสุขทุกพื้นที่                             อาจจะมีให้เห็นได้เพียงในฝัน
หากทุกคนยังหันหน้ามาฆ่าฟัน                                          สิ้นสัมพันธไมตรีเคยมีมา
            ฟื้นความรัก พักความทุกข์ สร้างสุขสันต์                 ร่วมเดินหน้าฝ่าฟันแก้ปัญหา
หลอมความต่างอย่างเข้าใจ...ใช้ปัญญา                               จักนำพาชาติชนให้พ้นภัย
            “ผู้นำดีต้องมีธรรมนำชีวิต                                   สุจริตบนครรลองสุดผ่องใส
ผู้ตามต้องรู้หน้าที่มีวินัย                                                ร่วมแรงใจสร้างสมสังคมดี
            คงได้เห็นภาพรอยยิ้มพริ้มดวงหน้า             แทนภาพพร้อยรอยน้ำตาอยู่เต็มปรี่
 และคงเห็นภาพความรักสามัคคี                                       ไทยทุกคนล้วนมี...เลือดสีเดียว
            คำนึงหลักนิติธรรมความถูกต้อง                            ปวงประชาทั้งผองต่างข้องเกี่ยว
ใช้ชีวิตบนสังคมอย่างกลมเกลียว                                        เป็นแรงเรี่ยวผลักดันไทยให้ยั่งยืน
            นำอดีตที่ผิดพลาดสร้างบาดแผล                            มาปรับแก้ สร้างวันใหม่ ไม่ขมขื่น
รู้หน้าที่ มีคุณธรรม์ ทุกวันคืน                                            เพื่อพลิกฟื้นคืนความสุข...แก่ทุกคน

………………………. (23. ธิติสรรค์) …………………………

 

 

 

 

 

24. อภิสิทธิ์ ส่งครั้งแรก มีแก้ไข
ส่งทางเว็บบอร์ด

 

ความสุข (24. อภิสิทธิ์ ส่งครั้งแรก มีแก้ไข)

เหมือนสีหนึ่งฉาบลงตรงดวงหน้า             รอเวลาหมุนเวียนเพื่อเปลี่ยนสี
ข่ายความสุขทอดมาทุกนาที                                 ตามแปรงใจคลายคลี่สะบัดแร
            ยิ้มระบายใจบางมิร้างรักรัก                       มีน้ำหนักพอจะกลบลบรอยแผล
เมื่อต่างมอบความเป็นห่วงจากดวงแด                    โลกจะแปรวันจะเปลี่ยนขอเรียนรู้
            มิตรภาพซาบซ่านที่ผ่านพบ                     จำได้ครบฝังไว้กลางใจอยู่
จากวันแรกที่กล้าท้าโลกดู                                     ถึงวันสู้ร่วมฟันฝ่าชะตากรรม
            แสนสุขใจจริงแท้แค่ร่วมก้าว                   สุขก็พราวใจพริ้มเคียงยิ้มขำ
ร่วมต้านลมพัดแรงแห่งอธรรม                              ถึงเพลี่ยงพล้ำก็ไม่คิด...จะติดใจ
            ไม่รู้เลยว่าใคร...คนไหนผิด                        แต่รู้คิดว่าถึงวัน...เริ่มกันใหม่
แก้มป้ายสีแทนประกาศวาดธงไทย                         ก็เพราะรัก...รักใคร่...จากในทรวง
            ไม่ต้องการโทษใคร...ไม่ต้องการ                 แค่ขอค้านความชั่วดังตัวถ่วง
สันติสุขงามค่ากว่าสิ่งปวง                                    จริงหรือลวงก็ขอใช้หัวใจมอง
            รักจักสร้างสะพาน...เชื่อบ้านเก่า              บ้านซึ่งมีแค่ "เรา" เป็นเจ้าของ
ใจผูกใจต่างหมุดเมืองอันเรืองรอง                          ผู้ครอบครองต้องรักษาอย่าหวั่นท้อ
            สีความสุขจะฉาบนานเมื่อผ่านช้ำ             ความทรงจำจะเตือนใจให้สู้ต่อ
ก่อนพรุ่งนี้มีวันนี้...ทำดีพอ                                   ย่อมถักทอ...สุขวันหน้า...ฟ้างดงาม

………………………. (24. อภิสิทธิ์ ส่งครั้งแรก มีแก้ไข) …………………………

25. อภิสิทธิ์ แก้ไขครั้งที่ 1
ส่งทางเว็บบอร์ด

ความสุข (25. อภิสิทธิ์ แก้ไขครั้งที่ 1)

เหมือนสีหนึ่งฉาบลงตรงใบหน้า                รอเวลาหมุนเวียนเพื่อเปลี่ยนสี
ข่ายความสุขทอดมาทุกนาที                                 ตามแปรงใจคลายคลี่สะบัดแร
            ยิ้มระบายใจบางมิร้างรัก                           มีน้ำหนักพอจะกลบลบรอยแผล
เมื่อต่างมอบความเป็นห่วงจากดวงแด                    โลกจะแปรวันจะเปลี่ยนขอเรียนรู้
            มิตรภาพซาบซ่านที่ผ่านพบ                     จำได้ครบฝังไว้กลางใจอยู่
จากวันแรกที่กล้าท้าโลกดู                                     ถึงวันสู้ร่วมฟันฝ่าชะตากรรม
            แสนสุขใจจริงแท้แค่ร่วมก้าว                   สุขก็พราวใจพริ้มเคียงยิ้มขำ
ร่วมต้านลมพัดแรงแห่งอธรรม                              ถึงเพลี่ยงพล้ำก็ไม่คิด...จะติดใจ
            ไม่รู้เลยว่าใคร...คนไหนผิด                        แต่รู้คิดว่าถึงวัน...เริ่มกันใหม่
แก้มป้ายสีแทนประกาศวาดธงไทย                         ก็เพราะรัก...รักใคร่...จากในทรวง
            ไม่ต้องการโทษใคร...ไม่ต้องการ                 แค่ขอค้านความชั่วดังตัวถ่วง
สันติสุขงามค่ากว่าสิ่งปวง                                                จริงหรือลวงก็ขอใช้หัวใจมอง
            รักจักสร้างสะพาน...เชื่อบ้านเก่า              บ้านซึ่งมีแค่ "เรา" เป็นเจ้าของ
ใจผูกใจต่างหมุดเมืองอันเรืองรอง                          ผู้ครอบครองต้องรักษาอย่าหวั่นท้อ
            สีความสุขจะฉาบนานเมื่อผ่านช้ำ             ความทรงจำจะเตือนใจให้สู้ต่อ
ก่อนพรุ่งนี้มีวันนี้...ทำดีพอ                                   ย่อมถักทอ...สุขวันหน้า...ฟ้างดงาม

………………………. (25. อภิสิทธิ์ แก้ไขครั้งที่ 1) …………………………

 




กลอนสุภาพ 2557

ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ ความว่างเปล่า
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “ความทุกข์”



bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ