ReadyPlanet.com
dot dot
ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป (โคลงสี่สุภาพ) : หัวข้อ “ความทุกข์”

 

 

 

 

 

 ผลงานโคลงสี่สุภาพ ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป

 

หัวข้อ “ความทุกข์” ปักษ์แรก ตุลาคม 2557 จำนวน 35 ชิ้น

   

1. กอบกุล
ส่งทางอีเมล

ฉายฉาน  (1. กอบกุล)

๏ประกายเปร่งเปี่ยมล้น...ในตา
ด้วยจิตสนิทสเน่หา...ชิดชะม้อย
ปริ่มล้นออกนอกนา...เพื่อผูก  ผสานเฮย
แผ่รักเพื่อถักร้อย...ธำรงไว้จิตเกษมฯ

๏โอบอุ้มบ่มรักแล้ว...ดวงใจ
แผ่ผ่านทราบซึ้งใน...แน่แล้ว
คล้องครอบหนึ่งหฤทัย...เพียงหนึ่ง  พ่อเฮย
ปกปักษ์ไม่คลาดแคล้ว...เพื่อให้มาผสานฯ

๏เพียงรักมอบโอบคล้อง...เคียงกัน
สืบต่อก่อสัมพันธ์...ระรื่นรู้
ถักทอผูกใยฝัน...พร้อมผูก
เพื่อจิตได้ชื่นชู้...ช่อเช้าผลิผลฯ

๏ออกใบสู่นอกรื้น...ชื่นชล
แตกกิ่งก้านจวบจน...พรั่งพร้อม
บรรจงตัดแต่งตน...สมบูรณ์เปร่ง
รดรักษ์พรวนดินล้อม...แต่งด้วยเติมฝันฯ

๏ฟูมฟักด้วยมั่นรัก...ศรัทธา
ถอดออกอวิชา...รัดร้อย
เติมจิตบริสุทธิ์พา...พอกจิต
ซึมซับอีกหลากคล้อย...หลากล้วนจากใจฯ

๏เพื่อผลผลิตพร้อม...เบ่งบาน
กราบฝากครูอาจารย์...รับไว้
เพื่อพร้อมเพื่อกล่าวขาน...การศิษย์   ก่อเฮย
ตั้งมั่นจิตดีไซร้...จักพร้อมต่อผลฯ๛

………………………. (1. กอบกุล)…………………………

 

 

 

 

 

2. ศราพก
ส่งทางอีเมล

ผูกสอง ความทุกข์ (ศราพก)

ทุกข์คือทนได้ยาก            จำปลง
     สรรพเกิดย่อมตายลง              สุดแก้
     ทั้งจิต รูป นามผจง                             คงนิ-  โรธแฮ
     เพราะเกิดจึงดับแล้                             แน่แท้ธรรมดา

             ทุกข์เพราะรูปแก่เข้า                   วัยชรา
     ความเสื่อมของหูตา                            จมูกลิ้น
     ผิวกายย่นยวบปรา-                             กฏอยู่
     อาพาธก็รุมดิ้น                                   ไม่พ้นกลไก

              ทุกข์เพราะตายบีบคั้น                 เกินทน
     จะยากดีมีจน                                     สุดลี้
     ทุกภพที่มีตน                                     ยึดอยู่
     สุคติทุคตินี้                                        ต่างล้วนกลัวตาย

              ยามสุขไม่เที่ยงแล้ว                    ดับลง
     ความดับคือทุกข์ตรง                 สภาพนั้น
     ทุกข์อีกอื่นธำรง                                 โสกะ   โศกแล
     สุดปริเทวะกลั้น                                 ร่ำไห้โพยพาย

              เพราะโทมนัสขัดแค้น                เสียดาย
     ความอิ่มเอิบใจกาย                             เปลี่ยนขั้ว
     ปรวนแปรเสื่อมคลอนคลาย     โดยสม่ำ   เสมอนา
     เป็นอุปายาสกลั้ว                                เหี่ยวแห้งขัดเคือง

              การพลัดพรากสิ่งต้อง-                ใจรัก
      ปิยวิปโยคชัก                                     ทุกข์กล้า
      สัมปโยคอัปรีย์ดัก                 จิตตก  นรกแฮ
      เพราะสบของเกลียดอ้า           โกรธขึ้นในทรวง

              ปรารถนาใดไม่ได้          ครองมา
      คืออิจฉาวิฆา-                     ตะช้ำ
      เป็นทุกข์ที่นานา                    ภพประ-   สบแฮ
      รวมทุกข์ทุกแบบกล้ำ             ตอกย้ำอัตตา

              สรุปสังเขปแล้ว            ทุกข์คือ
      ความอุปาทานถือ                  มั่นไว้
      ในปัญจขันธ์ฤๅ                     รูป เวท-   นาแล
      สัญญะ สังขารไหม้                จิตด้วยยางตัณห์

              เวทนาทุกอย่างล้วน       รวมลง
      ในทุกขสัจจ์ยง                      ยั่งพื้น
      สุข ทุกข์ อุเบกข์ปลง              ลงทุกข์   ยืนแล
      เพราะเกิดจึงดับฟื้น                ดับฟื้นโดยกรรม     

              สุข ทุกข์  กรรมไม่ได้      ลอยลอย เกิดเอย
     มิใช่ตนเองคอย                      เกิดให้
     หรือคนอื่นมาพลอย               ทำยิ่ง   เท็จนา
     เกิดเพราะผัสสะไสร้               เพ่งเฝ้าตามดู.

………………………. (2. ศราพก)…………………………

 

 

 

 

 

3. สุปาจรีย์
ส่งทางอีเมล

หน่ายทุกข์ (3. สุปาจรีย์)

ใจจะขาดยิ่งแล้ว              โอ้หนอ ใจเอย
อกปริ่มริมตาคลอ                        หม่นไหม้
โลกมืดดั่งเดือนรอ                        ลับล่ม
ดุจดิ่งดำถดท้อ                            พ่ายแพ้เพียงตาย

กระดืบควานไขว่คว้า       แลเหลียว
วนว่ายเวียนแดเดียว                     ด่าวดิ้น
ศรปักหยั่งคมเคียว                       ปานแน่
ใครเล่าถอดถอนเสี้ยว                   แห่งผู้ทุกข์ทน

พุทธวัจน์ผ่านแผ้ว           เตือนใจ
โลกย์เช่นเห็นเป็นไป                     ทั่วหล้า
ทุกข์อันยิ่งทุกข์ใด                        มีอยู่ ดาดาด
ควรนิ่งวางหยุดไว้                       ก่นรู้ เตือนตน

ทุกข์คือฐานท่านให้          ศึกษา เรียนนา
ขันธ์แหล่งธาตุผัสสา                    ก่อขึ้น
กระทบทั่งมายา                          ปรุงต่อ
เกิดล่วงดับลับหล้า                       เช่นนี้ เวียนไป

อนิจจังดั่งนี้                    จริงแล
ชัดยิ่งความปรวนแปร                 เปลี่ยนผัน         
ประดุจดั่งพ่วงแพ                        ขาดลิ่ว ตัดสาย

สว่างจิตแจ้งแท้                          ถ่องถ้วน เป็นไท

ทุกข์พานำย่ำให้               แสวงหา
ตามต่อเกิดศรัทธา                       ย่อมได้
จูงจิตสู่อนัตตา                            มิใช่ ตัวตน
เวียนว่ายวัฏฏ์ขันธ์ห้า                   หน่ายแล้ว...นิพพาน

………………………. (3. สุปาจรีย์) …………………………

 

 

 

 

 

4. ปรุงคำ สำราญลิขิต
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์นั้นคือฉันใด (4. ปรุงคำ สำราญลิขิต)

สัตว์สรรพกำเนิดล้วน      ทุกข์ผจญ แท้นา
ชีพอยู่อย่างดิ้นรน                         ไขว่คว้า
เลี้ยงหล่อก่อกายตน                      คงอยู่
จนกว่าดินกลบหน้า                     จึ่งสิ้นทุกข์ทน ๚ะ

ต้นเหตุทุกข์แท้นั่น           คือใด เพื่อนเฮย
ตั้งสติตรองกายใจ                        จึ่งรู้
ค้นเหตุเกี่ยวข้องใน                      ดวงจิต แจ้งนา
รู้เหตุรู้ผลรู้                                  คู่ถ้วนครรลอง ๚ะ

ตามองต้องรูปรู้               สีสัน งามแล
หูรับสรรพเสียงอัน                       รื่นเร้า
จมูกหอมกลิ่นกระสัน                  ปรุงแต่ง
ลิ้นเร่งลิ้มรสเร้า                           ร่วมด้วยกายใจ ๚ะ

อัยตนะทั้งหกคู่นั้น          คือทาง ทุกข์เฮย
พินิจพิศสิ่งพราง                          ซ่อนซ้อน
รู้เล่ห์กิเลสขวาง                          เพียรข่ม
รู้อยู่กลางทุกข์ร้อน                       ผ่อนให้ใจเบา ๚ะ

รักเขาเราเร่าเร้า               เฝ้าปอง หมายแฮ
ตริแต่จักครอบครอง                     คลุกเคล้า
หากใช่คู่เจ้าของ                          เขาเล่า
จิตยิ่งร้อนรุมเร้า                          หม่นไหม้ใจหมอง ๚ะ

จ้องโลภโฉบฉกชั้น-         เชิงฉวย ช่องมี
ดีแต่พร่ำเรื่องรวย                         พล่านค้า
มิตรล้อมกล่อมเอออวย                 แอบพ่วง ลวงตา
หวงแต่สมบัติบ้า                         กว่ารู้ก็ตาย ๚ะ

- ๒ -

ร้ายใดไหนร้ายเท่า            โทสะ
รู้ค่อยปล่อยวางละ                       ข่มบ้าง
อีกข้อหนึ่งโมหะ              ลวงลุ่ม หลงทาง
รู้เล่ห์ทุกข้อล้าง                           กลบสร้างสังขาร ๚ะ

การกิเลสสี่ข้อ                 ล้วนก่อ ทุกข์นา
โลภ-รัก-โกรธ-หลงหนอ               แน่แท้
ตัณหาห่อนหาพอ                        พูนพอก
ภพก่อพบทางแก้                         แน่แท้ทางธรรม ๚ะ

กรรมใดครวญใคร่ถ้วน     ล้วนทุกข์
เพียรเพ่งธรรมปล้ำปลุก                ตื่นรู้
น้อมจิตสู่นิรทุกข์                        สุขสงบ
เพียรเยี่ยงพุทธองค์ผู้                     ผ่องแผ้วนฤพาน

………………………. (4. ปรุงคำ สำราญลิขิต) …………………………

 

5. พุ่มพฤกษ์
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์ (5. พุ่มพฤกษ์)

บางทุกข์ยอมปล่อยคล้อง              คอตน
บางทุกข์กลับมีกล                                   เมื่อใกล้
บางทุกข์มีสุขปน                                     แปลงจริต
บางทุกข์เลือกทุกข์ได้                               ดั่งรู้ทางแสวง

แสดงอริยสัจตั้ง                           จัตุธรรม
เป็นประโยชน์พึงจำ                                 แจ่มแจ้ง

ความจริงจึ่งแจงกรรม                              กำหนด
โดยสติอย่าแล้ง                                        ร่วงทิ้งทางสรรค์

บรรดามนุษย์นี้                            น่าสัง- เวชนอ
รู้ผิดแต่ก็ยัง                                             เร่งสร้าง

กรรมจึงต่อกรรมขัง                                 อาฆาต
 ผูกเงื่อนเกินหักล้าง                                 ออกด้วยคาขมา

เวลาใช่เปลี่ยนเว้น                       เวรา
บ่วงบาปบ่มวิญญาณ์                               ยิ่งแค้น
คือทุกข์ต่างตีตรา                                     ตรึงจิต

ผู้ก่อผู้รับแม้น                                         คู่ม้วยมวลกรรม

ทาไมทุกข์ชื่อนี้                            เนานาน
ยิ่งทุกข์ยิ่งทรมาน                                     หม่นไหม้
ใครมีวิธีการ                                           วอนกล่าว
อย่ายกเหตุ-ผลให้                                หัดรู้โดยตน

2

เวียนวนวัฏจักรร้าย                      รุนแรง
เปรียบดั่งตัวมดแดง                                 เด็ดจ้อย
ทุกข์เราเฉกหมู่แมง                                 มากัด
เพียงสลัดทุกข์ก็ข้อย                                 ขาดทิ้งคลายระทม

จ่อมจมจนจิตร้อน                       ไฉนฤๅ
ว่าหนักก็อย่าถือ                                      สิ่งนั้น
เบากายอีกเบามือ                                    บริบท
ทุกข์ที่เคยบีบคั้น                          เบี่ยงแคล้วบ่คืน

เพียงปืนเหนี่ยวนกเปรี้ยง               ปล่อยกระสุน
สองต่อสืบต่อทุน                                     ถ่องแท้
ปล่อยวางจักเจือจุน                                 ดวงจิต
หยุดและพอก่อนแพ้                                 แก่ผู้พงศ์ผอง

มองความทุกข์ดุจแม้น                 เม็ดทราย
แม้จะมีมากมาย                                      หมื่นล้าน
แต่ก็เล็กเพียงปลาย                                   เล็บจิก
อย่าวิตกเกินต้าน                                     ก่อนต้องเสื่อมกษัย
………………………. (5. พุ่มพฤกษ์) …………………………

6. บุญวิว
ส่งทางอีเมล

ความ (หมด) ทุกข์(6. บุญวิว)

๏ ถามจิตทุกจิตท้อ                      จากทุกข์                                   
ลนพล่านลานเพลิงลุก                  แผดล้อม                                   
เฆี่ยนใจขับจำคุก                         ใจขุ่น                           
เพียงหล่มเพียงลมพร้อม               ล่มแพ้ลำพัง ๚                            

๏ ทุกขังขังทุกข์ไว้                                   ในใจ                            
ตรึงติดติดตรึงไป              ตราบม้วย                                 
หลีกเลี่ยงเลี่ยงหลีกไกล                ไม่หลุด                         
เสียเปรียบเปรียบเสียด้วย              หลบลี้หนีเงา ๚                                

๏ วัยเยาว์เฝ้าไขว่คว้า                   หาทาง                         
ทำทุกข์ให้เจือจาง                       ห่างพ้น                         
พานพบแต่เลือนลาง                    ลวงหลอก

เลยล่วงทุกข์ท่วมท้น                    กลับล้นดังเดิม ๚                              

๏ เติมตักเต็มตักแล้ว                    กำไร                            
กินดื่มด่ำดื่มไป                                        เพลี่ยงพล้ำ                                
พลัดหลงลุ่มหลงใน                     ทางโลก                        
จึ่งโศกจึ่งทุกข์ซ้ำ                                     จึ่งช้ำจึ่งหมอง ๚                              

๏ ครรลองดับทุกข์ได้                    ทันใด                           
หาเหตุแห่งทุกข์ใจ                                   ท่านแจ้ง                                   
จงแก้ที่เหตุไป                             เห็นปรับ                                   
เหตุดับผลลัพธ์แล้ง                      ล่วงแล้วทุกขัง ๚                              

๏ มี ทางวางชัดแล้ว                    ควร ทำ                        
ธรรม ส่องเป็นแสงนำ                  สว่าง ให้                                   
นำ ผ่านวิบากกรรม                     ทั้ง หมด                                   
ใจ พบสงบได้                             สุขใกล้ไกล ทุกข์ ๚ะ๛

………………………. (6. บุญวิว) …………………………

 

7. วงศ์รพี
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์ (7. วงศ์รพี)

๏ คราวใจจมสู่ห้วง         โมหะ
ยั้งยุดฉุดศีรษะ                             ไป่ได้
ปรารถนาสิ่งลาภะ                       ใคร่ครอบ ครองนา
ไฟอยากโหมผลาญไหม้                 ท่วมทั้งนัยนาฯ

            ๏ หาคนตักวักน้ำ                        ดับเพลิง ทันฤๅ
เมื่อมนุษย์กระสันบันเทิง              ลาภแล้ว
หากสมย่อมรมย์เริง                     อุรามั่น
เว้นแต่พลาดห่อนแคล้ว                จ่อมห้วงทุกข์มหันต์ฯ

            ๏ เกษมสันต์แต่ผู้ที่          สมหวัง
ผู้พ่ายใจภินท์พัง                          อกขว้ำ
สิบทิศมืดมิดดัง                           สูรย์มอด ลงนา
ไฟอยากใช้หยาดน้ำ                      เนตรนั้นบรรเทาฯ

            ๏ มารเปล่าปล่อยปละทิ้ง  ง่ายดาย
แผลงพิเรนทร์ทำลาย                    ไม่เลี้ยง
คือประทุษเอากาย                       สาหัส ซ้ำนา
ใจดับตัวด่าวเดี้ยง                        ห่อนได้ใดดีฯ

            ๏ ชีวิตฉันนี้เล่า               ใครประสงค์
ใคร่เสพเพียงสุขจง                       จิตหมั้น
หากเจอะเหตุเข็ญคง                    คิดโศก
บ่นึกบ่ตรึกกั้น                             ก่อนร้ายรุมตนฯ

            ๏ หนหลุดสุดล่วงรู้          คดีตาม
ใครผูกย่อมทราบความ                 คิดแก้
เพียงใจหมั่นพยายาม                    ระลึกสติ
จักเกิดปัญญาแท้                         ช่องชี้ทางเกษม๚๛

………………………. (7. วงศ์รพี) …………………………

 

8. กรวีส่งครั้งแรก มีแก้ไข
ส่งทางอีเมล

เพียงสติ  (8. กรวี ส่งครั้งแรก มีแก้ไข)

๏ธรรมแท้มักเที่ยงด้วย...ทุกข์เข็ญ
สุดระกำยิ่งยากเย็น...ทดท้อ
ธรรมะเกิดขึ้นเป็น...เห็นประจักษ์
ด้วยทุกข์ที่ก่อพ้อ...เพี่ยงพล้ำเดินหลงฯ

๏พึงมองเห็นทุกข์แท้...เทียมใจ
เป็นหนึ่งบทสอบใน...ลึกเร้น
กายนี้สิสำคัญไฉน...พึงสดับ เพื่อนเฮย
แค่ที่พำนักเฟ้น...แยกด้วยปัญญาฯ

๏เพียงหลงจึงทะลักแล้ว...น้ำตา
จิตระคนระงมมา...ยากแทั
ยิ่งแก้ยิ่งไขนา...ยิ่งติด  นาพ่อ
เดินต่อทุกก้าวแล้...จิตเน้นสติฐานฯ

๏พุทธองค์ทรงขีดไว้...รอยทาง
ทุกข์ก่อให้ละวาง...สติกั้น
เพียงฐานไม่เลือนลาง...พลางตระนัก
หนักเหนื่อยไหนหนักครั้น...หากพ้องความหมายฯ

๏ดำรงตนอยู่เพียงนี้...นิพพาน
กระทำเพื่อกอบก่อการ...มิว่างเว้น
ล้มลงหยัดยืนขาน...สิ่งตั้ง ใจเวย
แท้ที่จิตสลักเน้น...ย่างพ้นสังสาร์ฯ

๏โลกนี้แท้ด้วยทุกข์...ให้ตรอง
ก้าวผ่านด้วยสติครอง...เท่านั้น
หากแม้จิตพร่องหมอง...มัวหม่น
พึงฝึกเพื่อก่อกั้น...อย่าก้าวเดินหลงฯ

………………………. (8. กรวี ส่งครั้งแรก มีแก้ไข) …………………………

 

9. กรวี แก้ไขครั้งที่ 1
ส่งทางอีเมล

เพียงสติ (9. กรวี แก้ไขครั้งที่ 1)

๏ธรรมแท้มักเที่ยงด้วย...ทุกข์เข็ญ
สุดระกำยิ่งยากเย็น...ทดท้อ
ธรรมะเกิดขึ้นเป็น...เห็นประจักษ์
ด้วยทุกข์ที่ก่อพ้อ...เพี่ยงพล้ำเดินหลงฯ

๏พึงมองเห็นทุกข์แท้...เทียมใจ
เป็นหนึ่งบทสอบใน...ลึกเร้น
กายนี้สิสำคัญไฉน...พึงสดับ เพื่อนเฮย
แค่ที่พำนักเฟ้น...แยกด้วยปัญญาฯ

๏เพียงหลงจึงทะลักแล้ว...น้ำตา
จิตระคนระงมมา...ยากแทั
ยิ่งแก้ยิ่งไขนา...ยิ่งติด  นาพ่อ
เดินต่อทุกก้าวแล้...จิตเน้นสติฐานฯ

๏พุทธองค์ทรงขีดไว้...รอยทาง
ทุกข์ก่อให้ละวาง...สติกั้น
เพียงฐานไม่เลือนลาง...พลางหยั่ง  ลึกนอ
หนักเหนื่อยไหนหนักครั้น...หากพ้องความหมายฯ

๏ดำรงตนอยู่เพียงนี้...นิพพาน
กระทำเพื่อกอบก่อการ...มิว่างเว้น
ล้มลงหยัดยืนขาน...สิ่งตั้ง ใจเวย
แท้ที่จิตสลักเน้น...ย่างพ้นสังสาร์ฯ

๏โลกนี้แท้ด้วยทุกข์...ให้ตรอง
ก้าวผ่านด้วยสติครอง...เท่านั้น
หากแม้จิตพร่องหมอง...มัวหม่น
พึงฝึกเพื่อก่อกั้น...อย่าก้าวเดินหลงฯ

………………………. (9. กรวี แก้ไขครั้งที่ 1) …………………………

10. ทันย่า วิลล่า ส่งครั้งแรก มีแก้ไข

ส่งทางอีเมล

รู้ทุกข์ (10. ทันย่า วิลล่า ส่งครั้งแรก มีแก้ไข)

๏ พบพรากเจอจากให้                  ใจหาย
พันผูกกันมากมาย                       หมื่นคล้อง
เปิดปิดฉากหลากหลาย                 ใช่ลับ เลือนแล
เพียงเพื่อวันนี้ข้อง                        เกี่ยวด้วยปัจจุบัน ๚

๏ อเนกอนันต์นั้นเนื่อง                 กันหนุน
เหมือนโลกจักรวาลหมุน              มาดเย้า
ความทุกข์จักทรงคุณ                   มีค่า
เรียนเพื่อรู้พ้นเศร้า                      โศกสิ้นมลายสูญ ๚

๏ ทวีคูณพูนเทวษนี้                     หนักอก
ยืนย่างทางเยื้องยก                                   หยั่งรู้
เจริญสติตรองตก                         ตรึกตริ
เพียรพากหากเหิมสู้                     ทุกข์เศร้าคลี่คลาย ๚

๏ ปลายสายของสุขแล้                 แลทุกข์
ปลายหนึ่งสนานสนุก                   เหนี่ยวรั้ง
อีกปลายอาจแปรสุข                    เปลี่ยนสิ่ง สลับนา
กลายโศกกำสรดครั้ง                    ผิดพลั้งไผลเผลอ ๚

๏ เจอทุกข์รู้ทุกข์ไว้                      สังวร
ให้ทุกข์เป็นครูสอน                      สั่งไซร้
หาคำตอบตัดตอน                        เริ่มแต่ จิตเฮย
พรากสุขพบทุกข์ไร้                      มนัสรู้อาตม์มนา ๚

๏ สาวหาสาเหตุต้น                     ปลายสาย
ถือมั่นอยู่มากมาย                        หม่นไหม้
วางลงจึ่งคลี่คลาย                        ขันธ์นี่ เปล่านอ
หมดทุกข์หมดโศกได้                    ละถ้วนอุปาทาน ๚ะ๛

………………………. (10. ทันย่า วิลล่า ส่งครั้งแรก มีแก้ไข) …………………………

 

 

 

 

 

11. ทันย่า วิลล่า แก้ไข ครั้งที่ 1
ส่งทางอีเมล

รู้ทุกข์ (11. ทันย่า วิลล่า แก้ไข ครั้งที่ 1)

๏ พบพรากเจอจากให้                  ใจหาย
พันผูกกันมากมาย                       หมื่นคล้อง
เปิดปิดฉากหลากหลาย                 ใช่ลับ เลือนแล
เพียงเพื่อวันนี้ข้อง                        เกี่ยวด้วยปัจจุบัน ๚

๏ อเนกอนันต์นั้นเนื่อง                 กันหนุน
เหมือนโลกจักรวาลหมุน              มาดเย้า
ความทุกข์จักทรงคุณ                   มีค่า
เรียนเพื่อรู้พ้นเศร้า                      โศกสิ้นมลายสูญ ๚

๏ ทวีคูณพูนเทวษนี้                     หนักอก
ยืนย่างเหยียบย้ายยก                    หยั่งรู้
เจริญสติตรองตก                         ตรึกตริ
เพียรพากหากเหิมสู้                     ทุกข์เศร้าคลี่คลาย ๚

๏ ปลายสายของสุขแล้                 แลทุกข์
ปลายหนึ่งสนานสนุก                   เหนี่ยวรั้ง
อีกปลายอาจแปรสุข                    เปลี่ยนสิ่ง สลับนา
กลายโศกกำสรดครั้ง                    ผิดพลั้งไผลเผลอ ๚

๏ เจอทุกข์รู้ทุกข์ไว้                      สังวร
ให้ทุกข์เป็นครูสอน                      สั่งไซร้
หาคำตอบตัดตอน                        เริ่มแต่ จิตเฮย
พรากสุขพบทุกข์ไร้                      มนัสรู้อาตม์มนา ๚

๏ สาวหาสาเหตุต้น                     ปลายสาย
ถือมั่นอยู่มากมาย                        หม่นไหม้
วางลงจึ่งคลี่คลาย                        ขันธ์นี่ เปล่านอ
หมดทุกข์หมดโศกได้                    ละถ้วนอุปาทาน ๚ะ๛

………………………. (11. ทันย่า วิลล่า แก้ไข ครั้งที่ 1) …………………………

 

 

 

 

 

12. ชาตรีส่งครั้งแรก มีแก้ไข
ส่งทางอีเมล

ดั่งดวงหฤทัย (12. ชาตรี ส่งครั้งแรก มีแก้ไข)

            กำสรวลกำสรดท้น          โทมนัส
            วิตกทุกข์ สุต ทัศ-                        นถ้วน
            ผ่าวแผ่นแท่นสหัส-                     นัยน์ทื่อ
            เชิญส่องเบิกเนตรล้วน                  เร่งลี้สรวงสรรค์

                        มาพลันพิภพพื้น              ธรณี
            กอปรทิพย์โอสถ *ชี-                    วก แก้ว
            ถวายพระทรงศรี                         เศวต
            ธ เสมอหทัยแพร้ว                       พสกข้าทุกชน

                        ยามยุคลบาทเบื้อง           ระคาย
            กมลกระหม่อมกลัดบ่วาย             ไป่เว้น
            ชลเนตรพร่าพราย                        พิลาป
            หยาดท่วมทะลักเส้น                    สมุทรสิ้นกลืนดิน

                        ภูมินทร์พระร่มแก้ว         กรุงกานต์
            พระเมตตาพระราชทาน               ทบท้น
            สิ้นชีพพสกลาญ                          ราแหลก  ลงเฮย
            ไป่เสื่อมพูนภักดิ์พ้น                     พยับฟ้าบรมพรหม

                        ลมใดไล้พัดต้อง               พระฉวี
            ผิวะหวนแบ่งมี                           อื่นได้
            กายพสกพรักพลี                          พร้อมรับ  ปกพ่อ
            เสียกว่าตระหนกไห้                     วิตกกลุ้มกรมเกรียม        

                        เทียมทิพย์แห่งท่วงถ้อย     ถวายพระพร-     ชัยพ่อ
            ขอเดชพระไตรบวร                      วัจน์ไหว้                       
            ท่าวเทวษนิกร                            สยามทุกข์

            ทีฆะยุโกโหตุไท้                           ถ่องถ้วน *ภัทรกัลป์         ชโยเทอญ

หมายเหตุ :         *ชีวก หมายถึง (หมอ)ชีวกโกมารภัจจ์ บรมครูแห่งการแพทย์แผนโบราณ แพทย์ประจำพระองค์พระเจ้าพิมพิสารและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

                        *ภัทรกัลป์, ภัทรกัป หมายถึง กัปปัจจุบัน เป็นมหากัปที่เจริญที่สุดและเกิดขึ้นได้ยากที่สุด คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น ๕ พระองค์ ได้แก่ พระกกุสันโธ พระโกนาคม พระกัสสปะ พระสมณโคดม และพระศรีอริยะเมตตรัย(ยังไม่อุบัติ)

………………………. (12. ชาตรี ส่งครั้งแรก มีแก้ไข) …………………………

 

 

 

 

 

13. ชาตรีแก้ไขครั้งที่ 1
ส่งทางอีเมล

ดั่งดวงหฤทัย (13. ชาตรี แก้ไขครั้งที่ 1)

            กำสรวลกำสรดท้น          โทมนัส
            วิตกทุกข์ สุต ทัศ-                        นถ้วน
            ผ่าวแผ่นแท่นสหัส-                     นัยน์ทื่อ

            ราส่องเบิกเนตรล้วน                    เร่งลี้สรวงสรรค์
                        มาพลันพิภพพื้น              ธรณี
            กอปรทิพย์โอสถ *ชี-                    วก แก้ว
            ถวายพระทรงศรี                         เศวต
            ธ เสมอหทัยแพร้ว                       พสกข้าทุกชน
                        ยามยุคลบาทเบื้อง           ระคาย
            กมลกระหม่อมกลัดบ่วาย             ไป่เว้น
            ชลเนตรพร่าพราย                        พิลาป
            หยาดท่วมทะลักเส้น                    สมุทรสิ้นกลืนดิน
                        ภูมินทร์พระร่มแก้ว         กรุงกานต์
            พระเมตตาพระราชทาน               ทบท้น
            สิ้นชีพพสกลาญ                          ราแหลก  ลงเฮย
            ไป่เสื่อมพูนภักดิ์พ้น                     พยับฟ้าบรมพรหม
                        ลมใดไล้พัดต้อง               พระฉวี
            ผิวะหวนแบ่งมี                           อื่นได้
            กายพสกพรักพลี                          พร้อมรับ  ปกพ่อ
            เสียกว่าตระหนกไห้                     วิตกกลุ้มกรมเกรียม        
                        เทียมทิพย์แห่งท่วงถ้อย     ถวายพระพร-     ชัยพ่อ
            ขอเดชพระไตรบวร                      วัจน์ไหว้
            ท่าวเทวษนิกร                            สยามทุกข์

            ทีฆะยุโกโหตุไท้                           ถ่องถ้วน *ภัทรกัลป์         ชโยเทอญ

หมายเหตุ : *ชีวก หมายถึง (หมอ)ชีวกโกมารภัจจ์ บรมครูแห่งการแพทย์แผนโบราณ แพทย์ประจำพระองค์พระเจ้าพิมพิสารและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

*ภัทรกัลป์, ภัทรกัป หมายถึง กัปปัจจุบัน เป็นมหากัปที่เจริญที่สุดและเกิดขึ้นได้ยากที่สุด คือ กัปที่มีพระพุทธเจ้าเสด็จอุบัติขึ้น ๕ พระองค์ ได้แก่ พระกกุสันโธ พระโกนาคม พระกัสสปะ พระสมณโคดม และพระศรีอริยะเมตตรัย(ยังไม่อุบัติ)

………………………. (13. ชาตรี แก้ไขครั้งที่ 1) …………………………

 

 

 

 

 

14. ใบพ้อ
ส่งทางอีเมล

ตถตา (14. ใบพ้อ)

สรรพใดในโลกหล้า          ประจญ
เกิดดับบันดาลดล            ไป่เว้น
มีเหตุก่อเกื้อผล               หนุนเนื่อง
อันตถตาห่อนเร้น            เช่นนั้นทุกยาม

ตึกรามก็ต่างล้วน             ผุพัง
ตามกฎอนิจจัง                คู่ฟ้า
บ่ยืนอยู่จีรัง                     โทรมทรุด   
มิหยัดคงแกร่งกล้า           ฝ่าท้าแดดฝน

อันคนเราทุกผู้                 นรชน
สุขทุกข์เปปะปน             ค่ำเช้า

ระรื่นโศกสลับวน            เวียนว่าย
ดีและร้ายคละเคล้า          ไม่สิ้นเสมอ

เจอะเจอพันเรื่องร้อย        ประสบ
ยากเลี่ยงคิดหลีกหลบ       ชิดเข้า
ขมขื่นย่อมพานพบ          ร้าวรวด ทรวงนา
รุกเร่งรุมรุ่มเร้า               เร่าร้อนอุรา

คราไฟฟืนถั่งห้อม            ดวงจิต
หวังมอดดับสนิท            แน่แล้ว
ให้ธรรมอยู่เป็นมิตร         เคียงคู่
โลมรดมโนแพร้ว             มั่นไว้นบนำ

คำพาทีพจน์ถ้อย              จอมไตร
อริยสัจจำรัสใส               แน่วพร้อม
ความจริงสี่ความนัย        ซึมซาบ
ตั้งจิตมโนน้อม                จักให้สงบเย็น

ทุกข์เป็นไปรับรู้               ปริญญา*
สมุทัยตัณหา                  ละทิ้ง
นิโรธหนึ่งนั้นหนา           ประจักษ์  แจ้งนา
มรรคประภัสร์พริ้ง          เลิศล้ำทำเทอญ

*กิจในอริยสัจจ์ 4

 1. ปริญญา  คือ การกำหนดรู้ เป็นกิจในทุกข์
 2. ปหานะ คือ การละ เป็นกิจในสมุทัย กำจัด ทำให้หมดสิ้นไป
 3. สัจฉิกิริยา คือ การทำให้แจ้ง เป็นกิจในนิโรธ  เข้าถึง หรือบรรลุ
 4. ภาวนา คือ การเจริญ เป็นกิจในมรรค ควรฝึกอบรม ลงมือปฏิบัติ

………………………. (14. ใบพ้อ) …………………………

 

 

 

 

 

15. ฉัตรปกรณ์
ส่งทางอีเมล

ตอบคำถามเรื่องความทุกข์ (15. ฉัตรปกรณ์)

สภาวะทุกข์แท้               คือไร
ความทุกข์เป็นอันใด                    ใคร่รู้                                        
ความทุกข์อยู่กับใคร                     หรือนั่น                                    
ความทุกข์คือกระทู้                      ตอบผู้มนุษยา

เกิดมารับทุกข์แล้ว           รู้ยัง                                          
มัวแต่หลงวัฏฏัง                         แต่งต้อง                                    
ทุกข์เกิดแต่กายัง                          แรกเริ่ม                                    
เราอาจลืมทุกข์พ้อง                     แรกร้องอุแว

            กายแก่ก็ทุกข์ล้วน            อนิจจา                                     
ยานหย่อนค่อนชรา                      รบเร้า                                       
ความงามแห่งมายา                     เลือนลบ                                               
เลือนพร่าหูตาเท้า                        หยูกเหย้าเรือนยา                                                

เรือนชราร่างแล้ว             โรคเหน็บ                                              
หูพร่ามือตาเล็บ                           สาบสิ้น                                    
ขดไส้ตับไตเจ็บ                           ในนอก                                     
กายเสื่อมน้ำลายลิ้น                     สุขสิ้นทุกข์ทวี

ถึงที่กายมอดม้วย            มรณา                                      
แตกดับลับวิญญา                        แน่แท้                                      
กังวลหวั่นอุรา                            เมื่อไหร่  ตายเอย                                    
ยิ่งทุกข์เทวษแก้                           แก่เกล้ากรรมา

สภาวะทุกข์แท้               คือคน                                       
เกิดแก่เจ็บกายจน-                       ดับดิ้น                                      
ความทุกข์ย่อมเวียนวน                วงวัฏ  นั่นแล                                        
ตายเจ็บแก่เกิดสิ้น                        หมดเศร้าเราเอย

………………………. (15. ฉัตรปกรณ์) …………………………

 

 

 

 

 

16. ฑีดา  ญาจันทร์
ส่งทางอีเมล

กุญแจแก้ทุกขัง (16. ฑีดา  ญาจันทร์)

๏ มนุษย์ใยใจโง่ง้ำ                       งมงาย
ถูกทุกขังจนตาย                          ต่างซี้
กุญแจอยู่ในกาย                           กันทั่ว
กลับไม่ไขหลบลี้                          หลีกพ้นพันธนาฯ

๏ โลกามีสุขเศร้า                         โศกปน
มนุษย์โสว่ายวน                          วุ่นสร้าง
ตามกรรมลิขิตผล                        พาผ่าน
กิเลสโตใหญ่กว้าง                        แกว่งนิ้วกวักนำ

๏ หากทำตามจิตร้อน                   อารมณ์
ความอยากพาระทม                    สุดท้าย
รักโลภโกรธหลงลม                     หลอนล่อ
เหมือนดั่งเพลิงเผาด้าย                 ชีพไร้อะไรแขวน

๏ ทุกข์แทนกรงกลอกกลิ้ง             กลับกลาย
ทั้งทะลวงทำลาย                         ทั่วหล้า
คือกับดักดังหมาย                        ดึงหมู่ มนุษย์นอ
กิเลสนำเหนื่อยล้า                        หลอกเข้าลานขัง

๏ ดังคนถูกโซ่คล้อง                     จองจับ
กรงแห่งทุกข์ครอบงับ                  ร่ำไห้
อวิชาจะพาพับ                            อับโชค
ตั้งสติรำลึกได้                             ดั่งนี้ดีนา

๏ ใช้ปัญญาบ่งชี้                          ชาวชน
กำหนดนึกฝึกตน                         ต่อสู้
ธรรมะประดุจฝน                        เย็นใฝ่
นำชักมาช่วยกู้                            กลับพ้นกรงพาล

๏ กรงมารยังอยู่ยั้ง                       ยืนยง
แม้มิอาจสลายกรง                       กร่อนเกลี้ยง
เพียงจิตไม่ติดหลง                        ปลงตก
ทุกข์ถูกปราบหลาบเดี้ยง               หลุดด้วยประแจไข

๏ ฤทัยจำถี่ถ้วน                           ธรรมมา
รู้แต่ในตำรา                                รอบแคว้น
เหมือนคนที่ศึกษา                       สำเร็จ
ถือประแจมั่นแม้น                       ไม่ใช้ดีไฉน

๏ กุญแจใจแจ่มแจ้ง                     จดจำ
น้อมรับปฏิบัติธรรม                     เที่ยงแท้
กรรมฐานที่จะนำ                        แนวสุข
พาออกนอกกรงแก้                      ก่อนทิ้งทุกขัง

๏ มนุษย์ยังไม่โง่ง้ำ                       งมงาย
พ้นทุกข์ก่อนตัวตาย                                 แตกซี้
กุญแจอยู่ในกาย                           กันทั่ว
ขอแค่ไขหลบลี้                            หลีกพ้นพันธนาฯ

………………………. (16. ฑีดา  ญาจันทร์) …………………………

 

 

 

17. รังสิมันต์
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์ (17. รังสิมันต์)

๏๑ เวียน.. วารเลื่อนเคลื่อนหล้า                 เวียนวน
ว่าย.. ท่องเวิ้งวัฏฏะท้น                            ทบซ้ำ
ตาย..ตกจากตัวตน                                   ลับล่วง 
เกิด..แก่ เจ็บ ตายย้ำ                                 ยับยั้งสังขาร

๏๒ รูป..ปานสมบัติใบ้                             ชอบ-ชัง
รส..ซ่านหวานว่ายัง                                เจื่อนได้
กลิ่น..หอมย่อมกำลัง                                จางกลิ่น

เสียง..สื่อสรรพสิ่งไร้                                สิ่งรั้งยั่งยืน

๏๓ รัก..ชื่นชมชอบแล้ว                           เดียดฉันท์
โลภ..มากมักเสียขวัญ                              เสื่อมสิ้น
โกรธ..ผลาญพร่า ใจพลัน-             มืดหม่น หมองแฮ          
หลง.. ลักษณ์ ลวง เล่ห์ ลิ้น                       หลากล้วนหลอกหลอน

๏๔ รู้..ร้อน ฤๅอาจรู้                                เท่าทัน
สึก..กร่อนตามวารวัน                              วุ่นล้า
นึก..หวังว่าวาดฝัน                                  ฟูเฟื่อง
คิด..ทบทวนชวนว้า-                               เหว่อ้างว้างนาน

๏๕ พบ..พานเพื่อพวกพ้อง                       พิงพัก
พราก..ช่วงอันหน่วงหนัก                         หน่ายบ้าง
จาก..วันเคลื่อนเดือนรัก                            ปีผูก- พันนา
ลา..ลับกลับเคว้งคว้าง                              เปลี่ยวร้างบางใคร

๏๖ ลาภ..ไหลหลั่งถั่งท้น                          ถ่ายเท
ยศ..ย่อมมีหันเห                                      เปลี่ยนข้าง
สรรเสริญ..สิ่งรวนเร                                หล่นร่วง
สุข..เช่นทุกข์ สุขร้าง                                สร่างสิ้นเสมอเสมอ                    

๏๗ เกิด.. ทุกข์เอ่อทุกข์ให้                        รู้ทุกข์
แก่..สุข ศานติสุขยุค                                 สุขแท้ 
เจ็บ.. แปลบแสบทรวงปลุก                      ใจตื่น
ตาย..จากกิเลสแล้                                    เลิศด้วยดวงใจ

๏๘ ไปไม่กลับ..ลับหล้า                            ลาลับ
หลับไม่ตื่น..คืนกลับ                                 มิได้
ฟื้นย่อมไม่มี สดับ                                    ดังแก่น

หนีไม่พ้น..เวี่ยไว้                         แจ่มแจ้งนิจจา

๏๙ ชีวาทุกข์โศกล้วน                               โบยตี
สืบเหตุหวนวิถี                                       ถ่องถ้วน
อุโมงค์ลึกดึกดำมี                         ทางสว่าง
คืออริยสัจเลิศล้วน                                   จิตโน้มนิรพาน.

………………………. (17. รังสิมันต์ …………………………

 

18. สมบัติ
ส่งทางอีเมล

ทุกข์ (18. สมบัติ)

....ทนทุกข์ สุดเศร้าก่อ.............เกิดมา...ไยเฮย
ทนทุกข์ เกียรติ-เงินตรา............ต่ำ-น้อย
ทนทุกข์ รูปลักษณา.................น่าเกลียด
ทนทุกข์ ด้วยผูกร้อย.................หล่อเลี้ยงตัณหา

....ทุกข์ ฤ มานะเลี้ยงชีพ...........ชอบควร 
ทุกข์ ฤ ไป่เรรวน....................."รัก"สร้าง
ทุกข์ ฤ หยัดยืนเคียง.................คบต่ำ-...ต้อยนา
ทุกข์ ฤ อดอวดอ้าง..................โอ่ข้าเลิศเหลือ

....ยอมทุกข์ เถือเนื้อเลือด..........ละตน
ยอมทุกข์ เพาะบ่มคน................."ค่า"พร้อม
ยอมทุกข์ รับใช้ชน....................ชีพชื่น
ยอมทุกข์ ธรรมนำน้อม...............นบไหว้ในกระทำ

....ทุกข์ ระกำใช่เทพแกล้ง...........ก่อกวน
ทุกข์ ใช่ใครจุดชนวน.................เนื่องแค้น
ทุกข์ แท้แน่เรรวน......................ละห่าง...ธรรมเฮย
ทุกข์ กลับสู่สงบ แม้น................"หมดสิ้น"เพื่อชน...ชื่นนา

....เหตุ ทุกข์ผจญด้วยติด............ตัณหา
เหตุ โลภหลงโกรธา..................ทะลักล้น
เหตุ ราคะอวิชชา......................ชอบชื่น
เหตุ ทุกข์จักหลุดพ้น..................พรักพร้อมสะบั้น"ตน"

....ธรรม ดลดับทุกข์ ธ ให้...........หนทาง
ธรรม เมตตาแผ้วถาง.................ทุกข์พ้น
ธรรม องค์มรรคแปดวาง.............เว้นชั่ว
ธรรม ปฏิบัติมั่นล้น....................ลุแล้แน่นิพพาน

………………………. (18. สมบัติ) …………………………

 

19. ธนพร
ส่งทางอีเมล

ปล่อยทุกข์ ที่ถือไว้ (19. ธนพร)

ความทุกข์ย่อมเกิดขึ้น      ทุกคน
ความโศกหวนวกวน        ยากยั้ง
มาเยือนไม่บอกกล           ไว้ก่อน
ตั้งรับได้กี่ครั้ง                  ไม่แคล้วอกตรม

ลมพาความทุกข์ร้อน       โรยรา
ชีวิตเศร้าโศกา                 หกล้ม
ผิดหวังจากโลภา             เป็นเหตุ
แสนเจ็บจาต้องก้ม          พ่ายแพ้ชะตา

ใจเจ็บกายย่อมสิ้น           เรี่ยวแรง
มืดบอดก่อกาแพง            ปิดกั้น
ระทมไม่ชี้แจง                ว่างเปล่า
ถึงผิดยังดื้อรั้น                 ไม่รู้ตักเตือน

เหมือนจับหินเหล็กร้อน    บีบกำ
เจ็บปวดเพราะตนทำ       เหนี่ยวไว้

สุขทุกข์เราเลือกจำ          ลิขิต
ปล่อยทุกข์ที่ถือไว้            ย่างข้ามผ่านไป

ในวันวานเรื่องร้าย           มีคุณ
ดุจครุคอยการุณ              ค่ำเช้า
ในเรื่องยุ่งชุลมุน              เห็นค่า
รำลึกถึงความเศร้า           คติย้อนแนะแนว

ทบทวนแล้วต่อสู้            ความจริง
มีหวังเพื่อพึ่งพิง              ชิดใกล้
พึ่งตนก่อนแอบอิง           สิ่งอื่น
ตั้งมั่นใจจึงไร้                  ขุ่นข้องราคิน

สิ้นทุกข์สุขกลับฟื้น          คืนมา
รู้จักสร้างศรัทธา                         แกร่งล้า
ปลงวางว่างนำพา           จิตนิ่ง
ปัจจุบันไม่เวียนซ้า          สติพร้อมนำทาง

………………………. (19. ธนพร) …………………………

20. อิสินธร
ส่งทางเว็บบอร์ด

ดับทุกข์จากจิตแล้ว   จึ่งรู้สงบเย็น (20. อิสินธร)

จันทรพรายพร่างพื้น        โพยมเย็น
รัศม์ทาบละอองเพ็ญ        แจ่มล้ำ
กำมะหยี่ดำเป็น              มืดม่าน ฟ้าเฮย
ริบหรี่ส่องเถื่อนถ้ำ           ทิศชี้ทางเดิน

เผชิญทุกข์เคี่ยวเค้น          ครองฤทัย
เจ็บปวดรวดร้าวนัยน์       ฉ่ำท้น
อดีตยิ่งกรีดใจ                  ครวญคร่ำ
เจ็บหนึ่งมิผ่านพ้น                       ภาพซ้ำกำสรวล

พรวนดินปลูกรักแย้ม       ผลิบาน
ชูช่ออ่อนตระการ            ชั่วครั้ง
ยึดติดภาพวันวาน            ตราบนิ-รันดร์แฮ
รักล่มทุกข์ฉุดรั้ง                          จิตร้อนราวไฟ

โลภในสมบัติล้วน          อยากมี
แก่งแย่งเกินพอดี             ผ่อนใช้
ลูกผลาญป่นย่ำยี              แทบหมด ตัวนอ
กรรมส่งสะท้อนให้         ทุกข์ท้นกมลา

โกรธาหยันเหยียดซ้ำ        ศัตรู
ปากก่นขึ้นมึงกู               เคียดขึ้ง
ริษยายิ่งเพลิงชู                            เพลิงต่อ ลามแล
ยิ่งโกรธยิ่งบูดบึ้ง             จิตล้วนทุกข์ถม

หลงชมจิตเลื่อนคล้อย       ตามแรง
สัมผัสกำหนัดแฝง            สื่อเร้า
เงินตราสิ่งทรัพย์แปลง     รูปหลอก ใจนา
หลงสุขจอมปลอมเข้า      โศกคลุ้งใจเข็ญ

มองเห็นเหตุทุกข์เกื้อ        มรรคา
อริยสัจธรรมา                 ผ่องแผ้ว
ดับ รัก โลภ โกรธา          ดับลุ่ม หลงเฮย
ดับทุกข์จากจิตแล้ว          จึ่งรู้สงบเย็น

………………………. (20. อิสินธร) …………………………

 

 

 

 

 

21. นวพล
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์  (21. นวพล)

ความทุกข์พาขุ่นข้อง                    ใจกาย
พานพบจึ่งวุ่นวาย                        โศกเศร้า                                   
ดั่งเพลิงแผดเผามลาย                   ร้อนรุ่ม                         
เหตุจากตัณหาเร้า                        ครบถ้วนทั้งสาม

กามตัณหานั้นใคร่                   เบญจขันธ์                                 
หลง....
รส” “รูปสิ่งอัน                        เลิศล้ำ                          
หลง....
เสียง” “กลิ่นเลือกสรร   เสกดั่ง ใจเฮย                             
หลง....
โผฏฐัพพะกล้ำ             แตะต้องกายา

ภวตัณหาอยากได้                    อยากมี                         
เย่อหยิ่งยศศักดิ์ศรี                        คับฟ้า                                       
แก้วแหวนเพชรมณี                     หมายมุ่ง                                   
มีมากยังอยากคว้า                       เพิ่มล้นสารพัน

วิภวตัณหาอยากพ้น               ภาวะกรรม                               
อยาก...ผ่านยากตรากตรำ              ทุกข์ร้าย                        
อยาก...หลุดจากครองธรรม           วัฏฏะ                          
ความคิดเห็นผิดคล้าย                   กิเลสล้วนหนุนนำ

พระธรรมเปรียบดั่งน้ำ                  ดับไฟ                           
ชโลมจิตประโลมใจ                     อ่อนน้อม                                  
อริยสัจสี่นำไป                            ปฏิบัติ                                                                          
ศาสนิกชนพร้อม                         หยั่งรู้ถือตาม                              

ทุกข์คือความบีบคั้น                อุรา                              
สมุทัยพิจารณา                      เหตุนั้น                         
นิโรธตัดตัณหา                       สามสิ่ง                         
มรรคแปดยึดถือหมั้น               ดับสิ้นทุกข์เสมอ

………………………. (21. นวพล) …………………………

 

22. ศุภกร
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์ (22. ศุภกร)

ถามตัวเองทุกข์นั้น          เหตุใด                          
ความทุกข์โถมแทงใจ       เจ็บช้ำ                          
จะดับทุกข์อย่างไร           จึงสงบ                         
พ้นชีพซึ่งโศกซ้ำ              สลัดแล้วทุกข์ทน

คนเกิดกิเลสรั้ง                รัดตัว                           
เพราะรักโลภเมามัว         ไม่เว้น

กลกามมิหวาดกลัว          กลับร่าน หลงนา                        
แท้รักซ่อนทุกข์เร้น          รุ่มร้อนเผาผลาญ

ฉายฉานแสงแจ่มจ้า        แห่งเพลิง                                  
เพียงชื่นชมบันเทิง           ยั่วเย้า                           
หลอกแมลงเม่าเมาเหลิง   ฤๅคิด                           
คือหนึ่งคนรักเร้า             ที่ไร้ปัญญา                                            

ตัณหาลวงล่อเลี้ยง           จิตคน                           
เสพสุขหวังพึงผล            สะพรั่งพร้อม                             
เบียดเบียนเพื่อถีบตน        เหนือเพื่อน มนุษย์พ่อ                              
ทุกข์จึ่งยิ่งรัดล้อม ด่าวดิ้นใจกาย

ทุกข์ฤๅหายสูญสิ้น           จากเรา                         
ทนทุกข์ทุกข์โหมเผา        มอดม้วย                                   
วางทุกข์ทุกข์แผ่วเบา       ล่วงสู่ สงบแฮ                            
เรียนทุกข์เป็นครูด้วย        โลกนี้อยู่สบาย                                        

เกิดจนตายว่ายเวิ้ง           วนวัง                           
ใจแกร่งคือพลัง               หยัดสู้                           
เกิดชีพหนึ่งเพียงหวัง        ก่อประโยชน์                              
ยามจากโลกจึงรู้              แซ่ซ้องไขขาน

ขอวิญญาณทุกข์นี้           หลุดกรรม                                 
ทุกข์โศกผลเคยทำ            ชดใช้                            
จิตใจที่มืดดำ                  บุญช่วย ล้างเอย                         
ดับจิตวิญญาณได้            สู่ห้วงนิพพาน

………………………. (22. ศุภกร) …………………………

 

 

 

23. อำพันเทพ 
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์ (23. อำพันเทพ)

ความทุกข์แทรกทั่วทั้ง                 สังคม ไทยเฮย
วัตถุทุนนิยม”                            หนึ่งนั้น                        
สามานย์ต่างชื่นชม                      คนโฉด ชั่วแฮ                            
แลริษยาผู้อื่นครั้น                        ท่านได้สิ่งดี

เมื่อมีอำนาจแล้ว                                     หยิ่งอาจ หาญเอย                                   
ผลาญทรัพย์สมบัติชาติ                 ลุกล้า                           
หลายคนต่างหมายมาด                 ประโยชน์ ตนนอ                        
ปกปิดจิตชั่วช้า                            แอบอ้างบ้านเมือง

ความรุ่งเรืองลับแล้ว                    โลกา                            
ทุจริตจนชาวนา                          ดับดิ้น                          
โกงกินหมู่ประชา                        เกิดทุ- รยุคแล                                        
ความสุขจึงสุดสิ้น                       สุดเศร้าโศกศัลย์

กายใจพลันทุกข์ร้อน                    โศกสมัย                                   
หวังเหล่าชาติชนไทย                    ต่อสู้                             
สลัดร่างหลุดบ่วงภัย                    หลากเรื่อง ร้ายนา                                   
เหตุแห่งทุกข์เรารู้                        ร่วมต้านอาธรรม

นำชีวีพ้นทุกข์                             ปลดปลง                                   
ด้วยพระธรรมพุทธองค์                โอบเอื้อ                        
ละรัก โลภ โกรธ หลง                   ให้หมด ไปเทอญ                        
กอปรสติปัญญาเกื้อ                     หลุดพ้นกลทราม

คืนความสุขสู่ทั้ง                         สังคม                                                  
ล้ำเลิศ
คุณธรรมนิยม”                เทิดไว้                          
คนดียกชื่นชม                             เชิดชื่อ                          
สมานสมัครช่วยเหลือได้               ร่วมสร้างสุขศานต์

………………………. (23. อำพันเทพ) …………………………

 

 

 

 

 

24. ยงยุทธ ส่งครั้งแรก มีแก้ไข
ส่งทางเว็บบอร์ด

"นิเสธ"กำสรวล (24. ยงยุทธ ส่งครั้งแรก มีแก้ไข)

๗."มิ่งมิตร"หมายไขว่ฟ้า.....คว้าสวรรค์
"สาแหรก"มาแตกพลัน............พินาศสิ้น

ตะวันดับลับจันทร์...................เหม่อหม่น
ดั่ง"ปณิธาน"ดับดิ้น.................ตราบฟ้านิจนิรันดร์

๖.นิทราฝันปลาบปลื้ม..........อันตรธาน
พลัดพรากจาก"วันวาน"...........เหว่ว้า
อนาคตอนธกาล....................หมองหม่น
ฤๅจิตวิญญาณข้า...................สาปสิ้นสูญสลาย 

๕. ปล่อยวาง"ปลาย"ว่างเว้น..สุญญตา
สมมุติโลกมายา.....................เหนี่ยวรั้ง
วิมุตติเปรื่องปัญญา.................ประเสริฐ
"มรรค"ประชุมพรั่งพร้อม..........วิสุทธิ์แพร้ววัฒนา

๔.มวลประชา"ทุกข์"ท้น........ธรณี
หินชาติก็อัปรีย์.......................ปลุกปล้ำ
ยาเสพติดกาลี........................ร้ายระบาด
กลียุคย่ามรุกล้ำ......................วินาศสิ้นอัปปาง

 ๓.สว่างไสวใจซาบซึ้ง.............ภิรมย์ธรรม
"โมหะ"กรอบครอบงำ...............ปิดกั้น
 ดื้อแพ่งแข่งกระทำ....................ทิฐิ

 ศีลธรรมเสื่อมสะบั้น..................โศกเศร้ากำสรวล

 ๒.อันปัญญาเลิศล้วน...............ปฏิภาณ
"โลภะ"กล่อมสันดาน.................คราสเข้า
ทมิฬมืดคืบคลาน.....................ทุจริต
"อาเพศ"วิบัติตั้งเค้า..................วิโยคแล้วมวลไผท

๑.ดับขัยฤๅสุดสิ้น...............ทุกข์ขันธ์
"อวตาร"อัศจรรย์...................ภพฟ้า
อสงไขยชั่วกัปกัลป์..................ขับเคลื่อน...กาลแฮ
"กฎแห่งกรรม"แก่กล้า..............สยบหล้าโลกันตร์

……………. (24. ยงยุทธ ส่งครั้งแรก มีแก้ไข) …………………………

25. ยงยุทธ แก้ไขครั้งที่ 1
ส่งทางเว็บบอร์ด

"นิเสธ"กำสรวล (25. ยงยุทธ แก้ไขครั้งที่ 1)

๗."มิ่งมิตร"หมายไขว่ฟ้า.....คว้าสวรรค์
"สาแหรก"มาแตกพลัน............พินาศสิ้น

ตะวันดับลับจันทร์...................เหม่อหม่น
ดั่ง"ปณิธาน"ดับดิ้น.................ตราบฟ้านิจนิรันดร์

๖.นิทราฝันปลาบปลื้ม..........อันตรธาน
พลัดพรากจาก"วันวาน"...........เหว่ว้า
อนาคตอนธการ....................หมองหม่น
ฤๅจิตวิญญาณข้า...................สาปสิ้นสูญสลาย 

๕. ปล่อยวาง"ปลาย"ว่างเว้น..สุญญตา
สมมุติโลกมายา.....................เหนี่ยวรั้ง
วิมุตติเปรื่องปัญญา.................ประเสริฐ
"มรรค"ประชุมพรั่งพร้อม..........วิสุทธิ์แพร้ววัฒนา

๔.มวลประชา"ทุกข์"ท้น........ธรณี
หินชาติก็อัปรีย์.......................ปลุกปล้ำ
ยาเสพติดกาลี........................ร้ายระบาด
กลียุคย่ามรุกล้ำ......................วินาศสิ้นอัปปาง

 ๓.สว่างไสวใจซาบซึ้ง.............ภิรมย์ธรรม
"โมหะ"กรอบครอบงำ...............ปิดกั้น
 ดื้อแพ่งแข่งกระทำ....................ทิฐิ

 ศีลธรรมเสื่อมสะบั้น..................โศกเศร้ากำสรวล

 ๒.อันปัญญาเลิศล้วน...............ปฏิภาณ
"โลภะ"กล่อมสันดาน.................คราสเข้า
ทมิฬมืดคืบคลาน.....................ทุจริต
"อาเพศ"วิบัติตั้งเค้า..................วิโยคแล้วมวลไผท

๑.ดับขัยฤๅสุดสิ้น...............ทุกข์ขันธ์
"อวตาร"อัศจรรย์...................ภพฟ้า
อสงไขยชั่วกัปกัลป์..................ขับเคลื่อน...กาลแฮ
"กฎแห่งกรรม"แก่กล้า..............สยบหล้าโลกันตร์

 

 

 

 

…………. (25. ยงยุทธ แก้ไขครั้งที่ 1) ……………

26. ยงยุทธ แก้ไขครั้งที่ 2
ส่งทางเว็บบอร์ด

"นิเสธ"กำสรวล (26. ยงยุทธ แก้ไขครั้งที่ 2)

๗."มิ่งมิตร"หมายไขว่ฟ้า.....คว้าสวรรค์
"สาแหรก"มาแตกพลัน............พินาศสิ้น

ตะวันดับลับจันทร์...................เหม่อหม่น
ดั่ง"ปณิธาน"ดับดิ้น.................ตราบฟ้านิจนิรันดร์

๖.นิทราฝันปลาบปลื้ม..........อันตรธาน
พลัดพรากจาก"วันวาน"...........เหว่ว้า
อนาคตอนธการ....................หมองหม่น
ฤๅจิตวิญญาณข้า...................สาปสิ้นสูญสลาย 

๕. ปล่อยวาง"ปลาย"ว่างเว้น..สุญญตา
สมมุติโลกมายา.....................ปิดล้อม
วิมุตติเปรื่องปัญญา.................ประเสริฐ

"มรรค"ประชุมพรั่งพร้อม..........วิสุทธิ์แพร้ววัฒนา

๔.มวลประชา"ทุกข์"ท้น........ธรณี
หินชาติก็อัปรีย์.......................ปลุกปล้ำ
ยาเสพติดกาลี........................ร้ายระบาด
กลียุคย่ามรุกล้ำ......................วินาศสิ้นอัปปาง

 ๓.สว่างไสวใจซาบซึ้ง.............ภิรมย์ธรรม
"โมหะ"กรอบครอบงำ...............ปิดกั้น
 ดื้อแพ่งแข่งกระทำ....................ทิฐิ

 ศีลธรรมเสื่อมสะบั้น..................โศกเศร้ากำสรวล

 ๒.อันปัญญาเลิศล้วน...............ปฏิภาณ
"โลภะ"กล่อมสันดาน.................คราสเข้า
ทมิฬมืดคืบคลาน.....................ทุจริต
"อาเพศ"วิบัติตั้งเค้า..................วิโยคแล้วมวลไผท

๑.ดับขัยฤๅสุดสิ้น...............ทุกข์ขันธ์
"อวตาร"อัศจรรย์...................ภพฟ้า
อสงไขยชั่วกัปกัลป์..................ขับเคลื่อน...กาลแฮ
"กฎแห่งกรรม"แก่กล้า..............สยบหล้าโลกันตร์

 

 

 

 

……………. (26. ยงยุทธ แก้ไขครั้งที่ 2) ……………

 

27. ยงยุทธ แก้ไขครั้งที่ 3
ส่งทางเว็บบอร์ด

"นิเสธ"กำสรวล (27. ยงยุทธ แก้ไขครั้งที่ 3)

๗."มิ่งมิตร"หมายไขว่ฟ้า.....คว้าสวรรค์
"สาแหรก"มาแตกพลัน............พินาศสิ้น

ตะวันดับลับจันทร์...................เหม่อหม่น
ดั่ง"ปณิธาน"ดับดิ้น.................ตราบฟ้านิจนิรันดร์

๖.นิทราฝันปลาบปลื้ม..........อันตรธาน
พลัดพรากจาก"วันวาน"...........เหว่ว้า
อนาคตอนธการ....................หมองหม่น
ฤๅจิตวิญญาณข้า...................สาปสิ้นสูญสลาย 

๕. ปล่อยวาง"ปลาย"ว่างเว้น..สุญญตา
สมมุติโลกมายา.....................ปิดล้อม
วิมุตติเปรื่องปัญญา.................ประเสริฐ

"มรรค"ประชุมพรั่งพร้อม..........วิสุทธิ์แพร้ววัฒนา

๔.มวลประชา"ทุกข์"ท้น........ธรณี
หินชาติก็อัปรีย์.......................ปลุกปล้ำ
ยาเสพติดกาลี........................ร้ายระบาด
กลียุคย่ามรุกล้ำ......................วินาศสิ้นอัปปาง

 ๓.สว่างไสวใจซาบซึ้ง.............ภิรมย์ธรรม
"โมหะ"กรอบครอบงำ...............ปิดกั้น
 ดื้อแพ่งแข่งกระทำ....................ทิฐิ

 ศีลธรรมเสื่อมสะบั้น..................โศกเศร้ากำสรวล

๒.มวล"ปัญญา"เลิศล้วน...............ปฏิภาณ
"โลภะ"กล่อมสันดาน.................คราสเข้า
ทมิฬมืดคืบคลาน.....................ทุจริต
"อาเพศ"วิบัติตั้งเค้า..................วิโยคแล้วมวลไผท

๑.ดับขัยฤๅสุดสิ้น...............ทุกข์ขันธ์
"อวตาร"อัศจรรย์...................ภพฟ้า
อสงไขยชั่วกัปกัลป์..................ขับเคลื่อน...กาลแฮ
"กฎแห่งกรรม"แก่กล้า..............สยบหล้าโลกันตร์

 

 

 

 

……………. (27. ยงยุทธ แก้ไขครั้งที่ 3) ……………

28. ท่านชายในสายหมอก
ส่งทางเว็บบอร์ด

ทุกข์ย้อน (28. ท่านชายในสายหมอก)

( ๑ )

๏ ละเลงกรรมบาปเบื้อง...ทุกข์ไฉน
งำครอบคลุมกายใจ......ด่างพร้อย
รอยสถิตแน่นฝังใน......ซอกหลืบ
อกุศลหลากร้อย........แทบล้วนทุกขัง

( ๒ )

๏ ความดังมิอยากได้.....มาครอง
พาจิต-กายเยินหมอง.....ดื่นด้าว
มักหวนกลับสนอง.......คืนสู่  ตัวเฮย
ราบคาบเพลิงแผดร้าว....หมกไหม้หุบเหว

( ๓ )

๏ ดุจเปลวไฟก่อเชื้อ.....โชนกาย
ดังอุทกโถมทะลาย.......วินาศเกลี้ยง
ดังปิศาจผีพราย.........หลอนหลอก
ดังเงื่อนเชือกผูกเพี้ยง.....กระหวัดซ้ำสกนธ์ใจ

( ๔ )

๏ เพราะกรรมกอบเก็บไว้...บาปแฝง
วิปัสสนาแสดง..........จิตรู้
อุทิศแผ่สัตว์แมลง........มนุษย์เถิด
เกิด แก่ เจ็บ ตาย ขู้.....ว่ายเวิ้งเวียนวน

 

 

 

 

 

( ๕ )

๏ ทุรนทุรายดับดิ้น.......กระเสือกกระสน
ดังกริชแทงกายตน.......ทิ่มจ้วง
ชาติภพเก่าสนองผล......ปัจจุ - บันเฮย
ฉมวกพุ่งมือหยิบล้วง......สัตว์ไร้วิญญาณ

( ๖ )

๏ ทรมานกาลเก่ากี้.......ภาพเห็น
ทะลุทะลวงเลือดเย็น......อดีตย้อน
ทะลักทะลายกระเด็น......คืนสู่  ตัวนอ
ทวิบาทสาดสะท้อน.......ชาตินี้มนุสสา

 

 

 

 

……………. (28. ท่านชายในสายหมอก) ……………

29. จินตนาในแดนแห่งความรัก
ส่งทางเว็บบอร์ด

ความทุกข์  (29. จินตนาในแดนแห่งความรัก)

ลอยลมฝันอย่างไร้            ความหมาย
ครวญอยู่เพียงเดียวดาย.                คลั่งบ้า
ใจครวญคร่ำโศกกลาย.                 วันที่ ล่วงมา
วันผ่านเลือนเดือนคล้อย.              สุ่มเข้าทรวงใน
            คนเราเหงาห่างร้าง.        .            เคยเคียง
สวนที่คุณรอเรียง.                                   อยู่ใกล้
ดอกรักบ่ออกใบ.                                     ผลิตช่อ
รักเหี่ยวโรยดอกแล้ว.                    เก็บทิ้งเดียวดาย
            จึงระทมอยู่ไร้                    ความหมาย
ใจที่สุขรักมลาย.                          ห่างน้อง
รักสุมผ่าวเผากาย                                    ใจพี่
คิดแต่เพียงชิดใกล้                        แต่น้องนางเดียว
            บนทางเดินว่างร้าง.                     แดนใจ
สุดที่หมายจากไกล                      ห่างนี้
ยากนักข่มหักใจ.                         เหินห่าง ดวงแด
จำตัดใจไกลร้าง.                          ห่างแล้วกานดา
            ความสุขยามร่วมร้อย.     ความฝัน
เหลือที่จะสุขสรรค์                      ต่อได้
ใจหากห่วงหากัน.                       กล่าวถ้อย ฝากลา
ฝากส่งลมพัดใกล้                                    กล่าวถ้อยสำเนียง
            ฝากรักตัดใจต่อนี้             คาดหวัง
ฝากสิ่งสิ่งที่ยัง.                                       หล่นอยู่
ฝากใจสั่งยามยาก.                                   หากน้องหมองหม่น
ฝากส่งจากลาน้อง.                      สู่ห้วงแดนธรรม       

 

 

 

 

……………. (29. จินตนาในแดนแห่งความรัก) ……………

30. ทรชนบ้านนอก
ส่งทางเว็บบอร์ด

ความทุกข์ (30. ทรชนบ้านนอก)

๐ ทุกข์เพราะฝันไขว่คว้า               สนองตน
ทุกข์เพราะเกิดเป็นคน                  ไป่รู้
ทุกข์เพราะจิตฉ้อฉล                    หมองหม่น
ทุกข์เพราะใจมิสู้                         พ่ายแพ้ตัวเอง

๐ ทุกข์วังเวงรับรู้                         สัมผัส
หมายมั่นจะกำจัด                        ถ่ายทิ้ง

กายเป็นบ่าวยืนหยัด                     เย่อหยิ่ง
จิตคร่ำครวญกลอกกลิ้ง                 ทุกข์แท้ใจเรา

๐ เงากิเลสชั่วร้าย                        ครอบงำ
ใจขาดศีลธรรม                           ต่ำเตี้ย
ความอยากใคร่หลงถลำ                ดำดิ่ง
จิตตกเป็นทาสเบี้ย                       คลั่งไคล้เชยชม

๐ จิตภิรมย์หม่นไหม้                    ปรารถนา
รูปรสเสียงชิวหา                         ยั่วเย้า
ตัณหาร่างกายา                           สมเสพ
สุขชั่วคราวฉุดเร้า                        ยากแท้สุขจริง

๐ ทุกสรรพสิ่งนั้น                        วกวน
หลอกล่อจนหลงกล                     เล่ห์ร้าย
ดินไฟและลมฝน                         ธาตุสี่
เกิดแก่เจ็บสุดท้าย                        มอดม้วยแตกดับ

๐ หวนกลับคืนสู่ห้วง                   ธรรมชาติ
บุญบาปดังภาพวาด                     แต่งแต้ม
ทุกขเวทนา ทาส-                        ตามติด
บัวเบ่งบานแรกแย้ม                     รุ่งเช้างดงาม

๐ ใจทรามจะแจ่มแจ้ง                  โดยธรรม
กิเลสตัณหาครอบงำ                    หลุดพ้น 
ทุกข์เวียนว่ายกงกรรม                  กระทำก่อ
ชีวิตที่โดนปล้น                           เที่ยงแท้สัจธรรม

 

 

 

 

…………. (30. ทรชนบ้านนอก) ……………

 

 

 

 

 

31. เงาเวลาแห่งรัตติกาล
ส่งทางเว็บบอร์ด

คือความทุกข์ (31. เงาเวลาแห่งรัตติกาล)

ณ ซอกหลืบแห่งห้วง                   เวลา
กอรปทุกข์เวทนา                        เกี่ยวข้อง

ใจคือสิ่งนำพา                             ยึดติด
เพราะจิตจดจับจ้อง                     ว่านี้ตัวกู

หลงรูปขันธ์แต่งแต้ม                    ปรุงงาม
เวทนาจึงติดตาม                         จิตเจ้า

สัญญาจับรูปงาม                         มโนนึก
สังขารก่อเกิดเค้า                         ก่อนแจ้งวิญญา

ขันธ์พันขันธ์ผูกเข้า                                  นามธรรม
รูปกลิ่นรสจดจำ                          ติดต้อง

หูสดับสรรพสำ-                          เนียงส่ง โสตนา
อายตนะห้อง                              ผูกเกี้ยวพันตู

ใจหนอใจดีดดิ้น                          โรมรัน
ใจกวาดเก็บทุกอัน                       ไป่ได้
ใจวนวิ่งเวียนวัน                         บหยุด
ใจข่มใจเอาไว้                             อย่าให้ลุกลน

ใจขังใจเพราะจ้าว                       ของใจ
อคติครองครอบใน                       หมู่เจ้า
จึงเกิดก่อทุกข์ภัย                         ทุกข์เข็ญ  ฮั่นนา
ทุกข์ดับทุกข์หายเศร้า                   หมดสิ้นหมองตรม

ใจเป็นนายสั่งให้                          บงการ
กายห่อนเคยขัดงาน                      สักน้อย
ดุจทะเลบ่ทัดทาน                        เกลียวคลื่น
เกลียวเกี่ยวโถมถาค่อย                 คอยคลื่นซัดพา

ลางคนลางหมู่ผู้                                      หลงตน
ตกวัฏฏะสังสารจน                     ดับม้วย
คือทุกข์ปุถุชน                             เวียนว่าย หลอนหลอก
ความพลัดพรากพานพบด้วย       ตราบสิ้นกรรมเวร

กองทุกข์จักลดน้อย                                  ถอยลง
หากฝึกจิตวางปลง                       ทุกเรื่อง
ความทุกข์แม้ยังคง                      มีอยู่
ก็อาจจะปลดเปลื้อง                     ลดน้อยถอยลง

หนทางเปิดสู่ห้วง                                    นำทาง
จึงเกิดปริศนาวาง                        บอกใบ้
หามมาสี่สามนาง                       แหนแห่
คนนั่งสองคนให้                          เปิดชี้ทางเธียร

อนิจจังทุกขัง                                          อนัตตา
เกิดดับเป็นธรรมดา                      ย่อมรู้
ทุกข์สุขล้วนมายา                        ปรุงแต่ง  ขึ้นนา
คือว่างวางอย่างรู้                                     สุดท้ายปลายทาง.

 

 

 

 

……………. (31. เงาเวลาแห่งรัตติกาล) ……………

32. ศักรินทร์ ส่งครั้งแรก มีแก้ไข

ส่งทางเว็บบอร์ด

ความสุข (32. ศักรินทร์ ส่งครั้งแรก มีแก้ไข)

๑ ธรรมชาติพิโรธท้น                    ลงทัณฑ์
จึงจุดประลัยกัลย์                         ก่นด้าว
ฤาคนชั่วชาติสัน-                        ดานเสื่อม
ตะกละตะกลามกร้าว                   กร่อนบ้านรานเมือง

๒ เคืองพิภพขุ่นทั้ง                      ธานี
ระด่าวผืนชลธี                             ท่วมฟ้า
วิปลาสดุจเปรตผี                         แผลงสู่
พิโธ่!มนุษย์ช่างบ้า                       บอดใบ้เนรคุณ

๓ จุนเจือมาแต่เบื้อง                    บุราณ
วันล่วงอนธการ                          ขื่นกล้ำ
กิเลสหล่อดวงมาน                      ดำหม่น
คุณไป่สำนึกซ้ำ                           โศกนี้คืนสนอง

๔ อุรพีนองเจิ่งถ้วม                     ถั่งชล
เหล่าพืชเกษตรผล                        ผลิตร้าง
นาสวนไร่ครายล                         ยับย่อย
ผุดผ่องพักตร์กลับว้าง                   วุ่นว้ากสิกร

๕ วิงวอนขอท่านให้                    เห็นใจ
นาล่มสวนบรรลัย                        ราบม้วย
สาธุท่านเทพไท                          เถิดเมต-ตาเทอญ
อุเหม่!หวังรัฐฉ้วย                       เชื่องช้าฉุยฉาย

๖ ทุรชนกายกร่างกล้า                  กำแหง
สุจริตชนเปล่าแปลง                     ปราศจ้อย
มุสาพ่นสำแดง                           ดารดาษ
ดุก่นสำรอกถ้อย                          ท่วมฟ้าเฟือนดิน

 

 

 

 

๗ จกปูนหินอิฐเคี้ยว                    คุยขรม
จี้จุดประชานิยม                          ยื่นให้
รี้พลซ่องสุมระดม                       ดกดื่น
ไรเหลือบสูบชาติไร้                      ราบแคว้นแดนสูญ

 

 

 

 

……………. (32. ศักรินทร์ ส่งครั้งแรก มีแก้ไข) ……………

 

33. ศักรินทร์แก้ไขครั้งที่ 1

 

ส่งทางเว็บบอร์ด

ความสุข (33. ศักรินทร์ แก้ไขครั้งที่ 1)

๑ ธรรมชาติพิโรธท้น                    ลงทัณฑ์
จึงจุดประลัยกัลย์                         ก่นด้าว
ฤๅคนชั่วชาติสัน-                        ดานเสื่อม
ตะกละตะกลามกร้าว                   กร่อนบ้านรานเมือง

๒ เคืองพิภพขุ่นทั้ง                      ธานี
ระด่าวผืนชลธี                             ท่วมฟ้า
วิปลาสดุจเปรตผี                         แผลงสู่
พิโธ่!มนุษย์ช่างบ้า                       บอดใบ้เนรคุณ

๓ จุนเจือมาแต่เบื้อง                    บุราณ
วันล่วงอนธการ                          ขื่นกล้ำ
กิเลสหล่อดวงมาน                      ดำหม่น
คุณไป่สำนึกซ้ำ                           โศกนี้คืนสนอง

๔ อุรพีนองเจิ่งถ้วม                     ถั่งชล
เหล่าพืชเกษตรผล                        ผลิตร้าง
นาสวนไร่ครายล                         ยับย่อย
ผุดผ่องพักตร์กลับว้าง                   วุ่นว้ากสิกร

๕ วิงวอนขอท่านให้                    เห็นใจ
นาล่มสวนบรรลัย                        แล่งม้วย
สาธุท่านเทพไท                          เถิดเมต-ตาเทอญ
อุเหม่!หวังรัฐฉ้วย                       เชื่องช้าฉุยฉาย

๖ ทุรชนกายกร่างกล้า                  กำแหง
สุจริตชนเปล่าแปลง                     ปราศจ้อย
มุสาพ่นสำแดง                           ดารดาษ
ดุก่นสำรอกถ้อย                          ท่วมฟ้าเฟือนดิน

๗ จกปูนหินอิฐเคี้ยว                    คุยขรม
จี้จุดประชานิยม                          ยื่นให้
รี้พลซ่องสุมระดม                       ดกดื่น
ไรเหลือบสูบชาติไร้                      ราบแคว้นแดนสูญ

………………………. (33. ศักรินทร์ แก้ไขครั้งที่ 1) …………………………

34. คนเขียนค่าว เมากะโลง
ส่งทางเว็บบอร์ด

เหตุ (34. คนเขียนค่าว เมากะโลง)

@ การเกิดก่อร่างเนื้อ.....เชื้อคน
ทุกข์ถ่ายให้นรชน........แต่ต้น
เวทนาล่าเวียนวน........ซ่อนอยู่
เกิดแน่แท้ท่วมท้น.......หนึ่งนั้นเหตุมา

@ ชราคลาคล่ำแล้ว......ร่วงลง
การแก่แลเจาะจง........ทั่วหน้า
เต่งตึงหนึ่งประสง........คงห่าง
ทุกข์ซ่อนกร่อนแข็งกล้า....ย่อมได้ทั่วหน

@ หนาวร้อนฝนทนอยู่ยั้ง...ทุกข์จร
พบผ่านนานแน่นอน......ย่อมรู้
ผัสสะส่งลดทอน........แผ่ผ่าน
โลกเปลี่ยนเวียนพบผู้.....คู่แท้ทุกข์ทน

@ กระวายวนวิ่งว้าย......ใจจิต
ดิ้นดั่งโดนพ่นพิษ........อาบล้าง
กระวนคล่ำด่ำความคิด.....ร้อนรุ่ม
สุมส่งทุกข์คงค้าง........เหตุสร้างเกิดเอง

@ การพลัดพรากสิ่งเฝ้า....รักหวง
ไกลยิ่งสิ่งเคยควง........อยู่ซ้อน
ทุกข์ถมดิ่งแดนทรวง......พรากห่าง
สรรพสิ่งยิ่งยอกย้อน......กร่อนเข้าฤทัย

@ หวังใดไร้สิ่งนั้น.......ดังหวัง
ทุกข์ก่อรอประทัง........ท่วมท้น
ทุกข์ท้อต่อพลาดพัง......หวังว่า
จิตแล่นแดนทุกข์ต้น......หลุดพ้นได้ฤา

@ ตัณหาคือหนึ่งเชื้อ......ทุกข์กอง
บทสั่งสร้างทำนอง........เร่าร้อน
ปัจจัยสั่งสร้างจอง........ผองสิ่ง
เหตุหนึ่งพึงเพิ่มซ้อน......ต่อต้นเวียนถึง

@ ทุกข์คือหนึ่งเพื่อนแท้....เกิดมา
ทุกข์ยิ่งสิ่งธรรมดา........คู่แท้
เรียนรู้ทุกข์ทุกเวลา.......ค่ายิ่ง
ทุกข์ห่างเพียงรู้แก้........เหตุนั้นทุกข์มี

………………………. (34. คนเขียนค่าว เมากะโลง) …………………………

(หมายเหตุ : คำเกิน)

35. คัมภีร์ปัญญา ป.
ส่งทางอีเมล

มาตุคามทุกข์ (35. คัมภีร์ปัญญา ป.)

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดแท้                         น้องนาง
หวังบุตรไม่จืดจาง                                    สืบเชื้อ
เป็นดุจหน่อไว้วาง                                   ดวงจิต
เธอคิดคำเอื้อเฟื้อ                                    อย่างนี้ทุกครา ฯ

เที่ยวอ้อนวอนเซ่นไหว้                         ขอพร
บนกล่าวพเนจร                                        มากน้อย
สิ่งศักดิ์สิทธิ์บวร                                      ปรารภ
เป็นเช่นคนต่ำต้อย                                   ทุกข์ทั้งสิ้นเทียว ฯ

รอแล้วรอเล่าเจ้า                                  ไม่มา
โอ้หน่อบุตรธิดา                                      กลั่นแกล้ง
แม่ทำผิดอาญา                                        หรือลูก
ลงเถิดบุตรจงแจ้ง                                    แม่เฝ้าครุ่นคอย ฯ

o  พอจุติดั่งห้วง                                       หทัย
ประคบประหงมใน                                  อกพร้อม
ฟูมฟักกว่าสิ่งใด                                       สุดห่วง
ทะนุถนอมน้อม                                       ใฝ่เลี้ยงนานา ฯ

 o  เหมือนสวรรค์โทษให้                          ใช้กรรม
ชีวิตสั้นเจ้าทำ                                           สิ่งร้าย
อยู่กับแม่ตรากตรำ                                    ทนทุกข์
เจ้าจากไปแม่ได้                                          แต่ดิ้นอุรา ฯ

อนาถายากไร้                                         พึ่งพิง
เพราะบุพเพชังชิง                                       อ่อนล้า
ลูกเอ๋ยแม่ประวิง                                        หดหู่
เคยก่อกรรมแรงกล้า                                  พ่ายแพ้เหลือเกิน ฯ

อีกประการหนึ่งเจ้า                                เกิดมา
เติบใหญ่เพราะมารดา                                เลี้ยงไว้
ลำบากสุดคณา                                          บากบั่น
ต้องทุกข์ตรมร่ำไห้                                    ชอกช้ำดวงแด ฯ

เพราะเหตุลูกชั่วร้าย                              เป็นพาล
ทนทุกข์ทรมาน                                         ไม่สิ้น
แม้คนก่นตินาน                                        บ่นว่า
ใจแม่นี้ดับดิ้น                                            ตอกย้ำลูกเอย ฯ

ทุกข์ของหญิงโลกนี้                              มากมาย
ผิว่าลูกหญิงชาย                                        ล่วงล้ำ
เจ็บปวดเนื้อร่างกาย                                  ม้วยชีพ
ขอลูกรู้แม่กล้ำ                                          ทุกข์ทั้งน้ำตา ฯ

………………………. (35. คัมภีร์ปัญญา ป.) …………………………




โคลงสี่สุภาพ 2557

ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป (โคลงสี่สุภาพ) : หัวข้อ ความว่างเปล่า
ระดับอุดมศึกษาและประชาชนทั่วไป (โคลงสี่สุภาพ) : หัวข้อ “ความสุข”



bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ