ReadyPlanet.com
dot dot
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “ความทุกข์”

 

 

 

 ผลงานกลอนสุภาพ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย

 

หัวข้อ “ความทุกข์” ปักษ์แรก ตุลาคม 2557 จำนวน 26 ชิ้น

1. พัฒนากร
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์ (1. พัฒนากร)

เสียงครวญคร่ำร่ำไห้ไกลก้องหล้า                หลั่งน้ำตารดรินทั่วถิ่นฐาน
ทุกข์ระทมโทมนัสอหังการ                                               ประดุจมารผลาญเผาเหง้ากายใจ
            มวลกิเลสก่อเกิดกำเนิดทุกข์                      ล้วนอาจอุกมหันต์โทษโรทหลั่งไหล
ดังเพลิงแผดวัชณ์ร่างกลางฤทัย                             ปวงเวนไนยทุกข์ระทมตรมฤดี
            มวลเกลส กามฉันท์บ่วงตัณหา                 ดังมารารอนหักซึ่งศักดิ์ศรี
ปัญจขันธ์กามคุณกุณฑ์อินทรีย์                              ท่านบุรุษสตรีล้วนบีฑา
            พระสุคตทศพลดลโอสถ                           ธรรมรสพิเศษเทศนา
ระงับกายระงับจิตพิจวาจา                                    ดังศาสตราคุ้มครองป้องทุกข์ภัย
            วิริเยนะทุขะมัจเจติ                                              เพียรดำริล้วนพ้นทุกข์สุขผ่องใส
ยึดดำรงตรงองค์รัตนตรัย                                       สรรพโศกเวนไนยมลายพลัน
            ธรรมราชโอสถลดรอนฤทธิ์                       ทุเลาพิษปรีเปรมเกษมสันต์
น้อมเคารพนพองค์ภควันต์                                    คุณานันต์ชี้หนพ้นทุกข์เอย
………………………. (1. พัฒนากร) …………………………

 

 

 

2. อัครชัย 
ส่งทางอีเมล

คำถามในวัยเด็ก (2. อัครชัย)

ค่อยขยับขับเคลื่อนเข้ามาชิด                      แนบสนิทติดใจให้หดหู่
แล้วกัดกร่อนกินแกร่งไม่เอ็นดู                               มันเข็ญขู่กราดเกรี้ยวห่อเหี่ยวใจ
            ดั่งพญาราชสีห์ที่ดุร้าย                              ค่อยย่างกรายเยือกเย็นเป็นไฉน
ถลาโถมกระโจมพุ่งอย่างว่องไว                             มุ่งเข้าใส่เหยื่อดิ้นสิ้นกำลัง                                   
            เล็บขย้ำเขี้ยวขยี้ให้เนื้อขาด                        อย่างอเนจอนาถปราศความหวัง
ดิ้นอย่างไรก็ไม่หลุดสุดพลัง                                   ละเลงเลือดพรูพรั่งกระทั่งตาย
            ความมืดมิดปิดบังอนาคต                         เศร้าสลดเสลือกสลนสลับสลาย
จวนเจ็บปวดรวดร้าวมากล้ำกลาย                          ให้ห่างหายความสนุกสุขชีวิต
            มาโอบรัดหน้าอกให้อึดอัด             เหวี่ยงสะบัดซัดเซไปทั่วทิศ
แล้วเหยียบย่ำกระหน่ำลงบนดวงจิต                        เกิดวิกฤติคิดเครียดกระวายกระวน
            ช่างบีบครั้นให้กล้ำกลืนสะอื้นไห้                น้ำตาหยาดรินไหลกระเสือกกระสน
เจ็บทั้งกายปวดทั้งใจในตัวตน                                ใคร่ผ่านพ้นกลกรรมกระทำเรา

………………………. (2. อัครชัย) …………………………

3. ธนากร
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์ (3. ธนากร)

ทุ่งกุลาร่ำไห้ไร้คนปลูก                              หลานเหลนลูกรังเกียจมาเบียดหนี
หัวอกพ่อเเละเเม่เเย่เต็มที                                      ทั้งบุตรีหมางเมินเหินห่างเรา       
            เป็นชาวนาเขากล่าวหาว่าต่ำต้อย               ได้เงินน้อยเเร้นเเค้นเเสนโศกเศร้า      
ต้องตรากตรำจนทนท้อหนอตัวเรา                         หนักก็เอาวุ่นวายกายระบม

            ทั้งบาปซ้ำกกรมซัดขัดในอก                      เหมือนนรกหมกไหม้ใจขื่นขม      
มาปีเเล้งเเห้งขอดต้องตรอมตรม                            มิสาสมใช่ว่าดีมีเงินทอง      
            น้ำในนาหน้าเเล้งเเห้งเหือดหาย                ต้นกล้าตายวายวอดชีวีหมอง        
โอ้ตัวเราชาวนาน้ำตานอง                                     รวงข้าวทองคงมิเห็นเช่นทุกปี     
            เม็ดลีบขาวข้าวน้อยด้อยคุณค่า                   โดนนายหน้าว่าต้องลดมากดขี่                  
อกชาวนาทนปลูกทุกข์ทวี                                     เงินไม่มีหนี้ท่วมท้นล้นครอบครัว     
            เเสนลำบาก มากหลายในชีวิต                               โอ้วิกฤตชีพเราเงาสลัว    
แม้นมอดมิดหมองหม่นมิมืดมัว                           ต้องปรับตัวทำใจให้พอเพียง

………………………. (3. ธนากร) …………………………

4. ศุภญาดา ส่งครั้งแรก มีแก้ไข
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์(4. ศุภญาดา ส่งครั้งแรก มีแก้ไข)

ทุกข์ระทมทนทุรนทั่วกายา                       ดั่งอุราสลับทับด้วยภูผา
เจ็บเหลือทนเหลือล้นด้วยโรคา                                           ทรมามัวหมองในจิตา         
            หรือจะทุกข์เพราะฤทธิ์รักวิปริต                 อีกชีวิตคิดไม่สมปราถนา

ห่วงกังวลเมื่อถึงยามชรา                                      เศร้าโศกายามถึงคราวจากลา          
            สมุทัยปัจจัยอันควรละ                             คือราคะกิเลสและตัณหา

ความอยากได้รูปรสเสียงอันปรีดา                           เห็นด้วยตากายสัมผัสลุ่มหลงใจ          
            ตัณหาย่อมเจริญแก่ผู้ประมาท                   ตัดให้ขาดอย่าให้มีเงื่อนไข

เพื่อลดเลี่ยงทุกข์โศกให้ห่างไกล                              ทำสิ่งใดควรคิดพินิจดี           
            นิโรธคือภาวะไร้กิเลส                              ให้หมดเหตุหมดทุกข์รับสุขี

ดับสิ้นทุกข์หมดไปมิให้มี                                                  เพื่อชีวีมีสุขหมดราคี            
            เพียงปลดปล่อยกิเลสทั้งหมดไป                 จิตผ่องใสบริสุทธิ์ทวีศรี

ผ่องอำไพแววไวดั่งรวี                                          ตามวิถีครรลองของบุุคล            
            มรรคดับทุกข์มีแปดองค์ประกอบ               ปัญญาชอบดำริชอบจะเกิดผล

ประกอบการอย่างสุจริตชน                                   กระทำตนชอบด้วยเจรจา             
            ประพฤติชอบความดีมิแปรผัน                   หลักสำคัญพระพุทธศาสนา

อุสาหะด้วยจิตอันเมตตา                                       มีสัมมาสมาธิสติคง

………………………. (4. ศุภญาดา ส่งครั้งแรก มีแก้ไข) …………………………

 

 

 

 

5. ศุภญาดา แก้ไขครั้งที่ 1
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์ (5. ศุภญาดา แก้ไขครั้งที่ 1)

ทุกข์ระทมทนทุรนทั่วกายา                                   ดั่งอุราสลับทับด้วยภูผา
เจ็บเหลือทนเหลือล้นด้วยโรคา                               ทรมามัวหมองในจิตา
            หรือจะทุกข์เพราะฤทธิ์รักวิปริต                 อีกชีวิตคิดไม่สมปราถนา
ห่วงกังวลเมื่อถึงยามชรา                                      เศร้าโศกายามถึงคราวจากลา
           สมุทัยปัจจัยอันควรละ                             คือราคะกิเลสและตัณหา
ความอยากได้รูปรสเสียงอันปรีดา                           เห็นด้วยตากายสัมผัสลุ่มหลงใจ

           ตัณหาย่อมเจริญแก่ผู้ประมาท                   ตัดให้ขาดอย่าให้มีเงื่อนไข
เพื่อลดเลี่ยงทุกข์โศกให้ห่างไกล                              ทำสิ่งใดควรคิดพินิจดี

                        นิโรธคือภาวะไร้กิเลส                                          ให้หมดเหตุหมดทุกข์รับสุขี
ดับสิ้นทุกข์หมดไปมิให้มี                                                  เพื่อชีวีมีสุขหมดราคี

                        เพียงปลดปล่อยกิเลสทั้งหมดไป    จิตผ่องใสบริสุทธิ์ทวีศรี
ผ่องอำไพแววไวดั่งรวี                                                      ตามวิถีครรลองของบุุคล
                        มรรคดับทุกข์มีแปดองค์ประกอบ               ปัญญาชอบดำริชอบจะเกิดผล
ประกอบการอย่างสุจริตชน                                   กระทำตนชอบด้วยเจรจา
            ประพฤติชอบความดีมิแปรผัน                   หลักสำคัญพระพุทธศาสนา
อุสาหะด้วยจิตอันเมตตา                                       มีสัมมาสมาธิสติคง

………………………. (5. ศุภญาดา แก้ไขครั้งที่ 1) …………………………

6. วิษณุ
ส่งทางอีเมล

ร่วมสร้างความเป็นหนึ่งไว้ไร้ทุกข์ทน (6. วิษณุ)

            ทุกข์โถมท่วมราวไฟสุมในอก                   หวาดวิตกปากท้องต้องโหยแห้ง
ทุกข์...ชนชั้นกรรมาชีพบีบใจแรง                           เหมือนถูกแกล้งจากมือใครอยู่ในเงา
            วิกฤติชาติบาดลึกลามหมึกเลือด                 ฝากรอยเหือดกระดาษใจถูกไฟเผา
สุมเพลิงแห่งความขัดแย้งแทงใจเรา                       ภาพวันเก่าที่เคยมีอยู่ที่ใด
            ถนนไทยสายหมอกลงเคล้าผงฝุ่น               น้ำตาคุณน้ำตาผมพรมพร่างไหล
ต่างคนต่างสะอื้นหลบมิสบนัยน์                            ก่อนจะวางสีหน้าใส่...สบายดี
            ความทุกข์ร้อนซ่อนไว้ใต้หน้ายิ้ม                รอแทงทิ่มคราวโต้แย้งแสดงสี
แรงพลังด้านลบ...ทบทวี                                      ผลาญน้องพี่ร่วมเหย้าของเราเอง
            ภูมิใจไหมนักสู้เหล่าผู้กล้า                         ให้ซากศพหลั่งน้ำตาคราข่มเหง
ให้แผ่นดินครวญคร่ำลำนำเพลง                             ให้ครื้นเครงในระทมจมน้ำตา
            อย่าซ่อนความทุกข์ใจต่อไปอีก                   อย่าหลบหลีก...แต่เรียนรู้อย่างผู้กล้า
ใครถูกผิดยอมรับเถิดเปิดอุรา                                             ต้องเยียวยาก่อนไฟ...ลุกไหม้ลาม
            ปากที่ด่ากล้าพอ...พูดขอโทษ                     ใจที่โหด...อาจอภัยไร้คำหยาม
ถอยสักนิดแบ่งที่ยืนพื้นเขตคาม                              ร่วมสร้างความเป็นหนึ่งไว้...ไร้ทุกข์ทน

………………………. (6. วิษณุ) …………………………

 

 

 

 

7. อภิสิทธิ์
ส่งทางอีเมล

ทางผ่านทุกข์ (7. อภิสิทธิ์)

รอยทุกข์ทาบฉาบใจไหวและหวั่น                          เพราะแบกมันบนบ่า...ล้าและเหนื่อย
ยืนยังหนักแล้วถ้าวิ่งก็ยิ่งเนือย                                            ทุกข์มาเรื่อยยิ่งระทมยิ่งจมทุกข์
            บางคนยิ้มพรายหน้าแต่ตาเศร้า                              เหมือนใจเขาแหลกขยี้ไม่มีสุข
ตนตีกรอบขังใจอยู่ในคุก                                                   ยิ่งบั่นบุกยิ่งขังแน่นถึงแก่นทรวง
            เหมือนประตูเรือนจำที่เปิดอ้า                                คนมากหน้าเข้าคุกจนทุกข์หน่วง
ไฟความอยากเปลี่ยนความจริงเป็นสิ่งลวง                           ยิ่งตักตวงเท่าไรไม่เต็มเลย
            หากมือยังไม่ล้า...ขายังวิ่ง                                     ใจก็ยิ่งทูนเทิดอย่างเปิดเผย
ยึดอยู่อย่างไม่รู้พอต่อความเคย                                           ห้องใจเอ๋ย...เป็นห้องกรง...เกินปลงแล้ว
            พุทธองค์ทรงประทานทางผ่านทุกข์                        ทลายคุกที่คนเราเรียงเข้าแถว
แสงแห่งมรรคส่องวามงดงามแวว                                     จิตชนแผ้วเพียงสดับรับถ้อยธรรม
            ทุกข์ที่แท้กลายร่างจากยางเหนียว                           สุขเพียงเสี้ยวก็ปลื้มหลงดื่มด่ำ
เปลี่ยนใจผ่องดวงน้อยเปื้อนรอยดำ                                     ทุกข์เคี่ยวกรำในห้วงยุคสุขมายา
            ของนอกกายหลอกล่อ...รอกระตุ้น                          สรรพคุณก่อแรงแสวงหา
คือหลุมบ่อแห่งอบายลวงสายตา                                        พันธนาหัวใจให้มืดมน
            ใช่แค่กราบพระขอ...ก็พ้นทุกข์                               ต้องประยุกต์พระธรรมนำแนวผล
สมาธิก่อปัญญาสาธุชน                                                    ประพฤติตนสู่พ้นทุกข์สุขนิพพาน
            เริ่มก้าวแรกอาจแปลกอยู่สู้กระแส                          สังคมแย่ต้องร่วมมือสื่อประสาน
กำจัดทุกข์หยาบหยาบ...สิ้นคราบมาร                                 คนทุกบ้าน...จะสุขแท้...อย่างแน่นอน
………………………. (7. อภิสิทธิ์) …………………………

 

 

 

8. วิชชุดา
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์ (8. วิชชุดา)

 

 

ตะวันต่ำค่ำแล้ว ณ วันนี้                           แต่ยังมีนวลพรรณพระจันทร์ฉาย                          
คืนเดือนแรมแซมฟ้าดาราราย                                คือความหมายมืดสว่างแต่ละวัน                                   
            โลกสุขบ้างทุกข์บ้างต่างปัญหา                  อนิจจาไม่เที่ยงแท้ต่างแปรผัน

 

 

ในโลกนี้มีสิ่งสารพัน                                ผู้รู้ทันทุกข์โศกต่างโชคดี                                   
            ทุกเพราะไปเป็นหนี้หนีไม่พ้น                    เพราะความจนเป็นบทถูกกดขี่                                          

 ต้องหาเช้ากินค่ำเขาย่ำยี                           ปัญหานี้ย่ำแย่ต้องแก้ไป                                  
            ชีวิตต่ำย่ำแย่แต่ละยุค                                เกิดเป็นทุกข์เพราะมิมีที่อาศัย                                
ต้องเร่ร่อนจรจัดพลัดพรากไกล                               แผ่นดินไทยนี้หนอต้องขอทาน                                 
            เกิดเป็นคนบนถนนของคนทุกข์                 อยู่ในยุคเหือดน้ำใจจะไหลผ่าน                            
เมื่อน้ำใจมาแห้งแล้งกันดาร                                  บ่งพื้นฐานชีวิตอนิจจา                                   
            รู้ทุกข์แล้วดับทุกข์เป็นสุขสม                     รู้สังคมทำดีมากมีค่า                                           
อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา                                            พระท่านว่า ชีพไม่เที่ยง เลี่ยงสิ่งเลว                      
            เพราะรู้แก้ปัญหาปัญญาเกิด                      ย่อมประเสริฐพาตนพ้นปากเหว                            
ตัดโมหะละในบาปไฟเปลว                                   ชีพย่อมไม่ล้มเหลว..นิรันดร์กาล

………………………. (8. วิชชุดา) …………………………

 

 

 

 

9. บุษกร ส่งครั้งแรก มีแก้ไข
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์ (9. บุษกร ส่งครั้งแรก มีแก้ไข)

ทุกข์ในความเป็นพ่อแม่แท้ผูกจิต               ทุ่มชีวิตแลกเงินทองต้องต่อสู้       
ทุกข์ในความเป็นลูกรักหนักพอดู                            ต้องเรียนรู้สร้างชีวิตพิชิตชัย          
            เข้าโรงเรียนแสวงหาปัญญาเลิศ                  ทุกข์ย่อมเกิดจากทนเพียรเรียนสิ่งใหม่        
แต่เมื่อครอง
ดาบปัญญาค่าเกริกไกร                   จักพ้นภัยทุกข์เห็นเป็นธุลี
            เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไม่สิ้นทุกข์                 ปัญหาจุกกลางใจในหน้าที่           
ห่วง
เจ้านายหน่าย ลูกจ้างอ้างอวดดี              “รายรับมี รายจ่ายท่วมอ่วมทุกข์ชน    
            เป็นหนึ่งในพลเมืองเสพเรื่องทุกข์               เพลิงร้อนรุกการเมืองไทยใฝ่ฉ้อฉล 
อ้างประชาธิปไตยใช้สร้างกล                                 ยากยินยลสิทธิ์เสรีที่แท้จริง          
            ต้องยึดหลัก
อริยสัจให้ชัดแจ้ง                คือธรรมแห่ง พระพุทธาฯผาสุกยิ่ง        
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคหลักอ้างอิง                   สอนละทิ้ง , รู้เหตุทุกข์ทุกชีพงาม  
            ทุกข์ใดเล่าจะทุกข์เท่า ธ ห่วงราษฎร์           สอนศิลป์ศาสตร์เสริมหลักชัยให้สยาม       
ปลิดความทุกข์ยุคกาลีที่คุกคาม                              ทุกราษฎร์ตามรอยพระบาทปราศทุกข์ภัย   
            ทุกข์ทุกไทยทราบไท้ประชวรพระโรค          ทุกชาวไทยชาวโลกไร้สดใส          
อาราธนาพระรัตนตรัย                                          ขอพระพลานามัยแข็งแรงดี          
            แล้วทุกข์ของชนไทยย่อมไกลห่าง               ทุกสิ่งอย่างวิไลสดใสศรี   
สำนึกในพระเมตตาบารมี                                     ไทยทุกที่อธิษฐานร่วมกันเอย

………………………. (9. บุษกร ส่งครั้งแรก มีแก้ไข) …………………………

 

10. บุษกร แก้ไขครั้งที่ 1
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์ (10. บุษกร แก้ไขครั้งที่ 1)

ทุกข์ในความเป็นพ่อแม่แท้ผูกจิต               ทุ่มชีวิตแลกเงินทองต้องต่อสู้       
ทุกข์ในความเป็นลูกรักหนักพอดู                            ต้องเรียนรู้สร้างชีวิตพิชิตชัย

            เข้าโรงเรียนแสวงหาปัญญาเลิศ                  ทุกข์ย่อมเกิดจากทนเพียรเรียนสิ่งใหม่        
แต่เมื่อครอง
ดาบปัญญาค่าเกริกไกร                   จักพ้นภัยทุกข์เห็นเป็นธุลี
            เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ไม่สิ้นทุกข์                 ปัญหาจุกกลางใจในหน้าที่           
ห่วง
เจ้านายหน่าย ลูกจ้างอ้างอวดดี              “รายรับมี รายจ่ายท่วมอ่วมทุกข์ชน
            เป็นหนึ่งในพลเมืองเสพเรื่องทุกข์               เพลิงร้อนรุกการเมืองไทยใฝ่ฉ้อฉล 
อ้างประชาธิปไตยใช้สร้างกล                                 ยากยินยลสิทธิ์เสรีที่แท้จริง

            ต้องยึดหลัก อริยสัจให้ชัดแจ้ง                คือธรรมแห่ง พระพุทธาฯผาสุกยิ่ง        
ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคหลักอ้างอิง                   สอนละทิ้ง , รู้เหตุทุกข์ทุกชีพงาม
            ทุกข์ใดเล่าจะทุกข์เท่า ธ ห่วงราษฎร์           สอนศิลป์ศาสตร์เสริมหลักชัยให้สยาม       
ปลิดความทุกข์ยุคกลีที่คุกคาม                               ทุกราษฎร์ตามรอยบาทปราศทุกข์ภัย

            ทุกข์ทุกไทยทราบไท้ประชวรพระโรค          ทุกชาวไทยชาวโลกไร้สดใส          
อาราธนาพระรัตนตรัย                                          ขอพระพลานามัยแข็งแรงดี

            แล้วทุกข์ของชนไทยย่อมไกลห่าง               ทุกสิ่งอย่างวิไลสดใสศรี   
สำนึกในพระเมตตาบารมี                         ไทยทุกที่อธิษฐานร่วมกันเอย

………………………. (10. บุษกร แก้ไขครั้งที่ 1) …………………………

11. วิษณุ
ส่งทางอีเมล

ทุกข์ใดใดมิเกินกว่า...จะฝ่าฟัน (11. วิษณุ)

เพราะรักเขาชอบเขาจึงเศร้าหมอง              มิไตร่ตรองคำนึงถึงเหตุผล
รักเขามากเกินไปใจทุกข์ทน                                              ช่างหมองหม่นเจ็บช้ำซ้ำกลางใจ
            เห็นเขามี...เราไม่มีอยากมีบ้าง                  ยิ่งต้องการยิ่งหลงทางยิ่งอยากได้
เพราะความโลภบังตาพาบรรลัย                            หากไม่แก้แล้วปล่อยไว้ยิ่งไม่ดี
            เพียงอารมณ์ชั่ววูบหนึ่งขณะ                     ไฟโทสะอาจลามไหม้ไปทุกที่
หากสติวินิจฉัยนั้นไม่มี                                                     ทุกนาทีไร้ปัญญาสิ้นค่าคน
            หลงมัวเมาก่อจริตริษยา                            มวลกิเลสตัณหาพาสับสน
เกิดความทุกข์กลางใจดั่งไฟรน                              ไร้เหตุผลไร้สติพิจารณา
            หากว่าความทุกข์ใจในโลกนี้                     ทบทวีทุกวัน...เพิ่มปัญหา
ความร่มเย็นอาจหายวับไปกับตา                           ยากเยียวยาความสุขใดให้ฟื้นคืน
            ผิดเพราะความรักโลภและโกรธหลง           หากจิตปลงออกได้ไร้ขมขื่น
ยึดหลักธรรมปฏิบัติช่วยหยัดยืน                              ปลุกความสุขให้ฟื้น...คืนอุรา
            หากว่าความทุกข์ใจไม่มีแล้ว                     จักเหลือแววละไมยิ้มพริ้มคุณค่า
ฟ้าจะใสใจจะสวยด้วยธรรมา                                ทุกข์ใดใดมิเกินกว่า...จะฝ่าฟัน

………………………. (11. วิษณุ) …………………………

 

 

 

 

 

12. ปริญญ์
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์ (12. ปริญญ์)

ความเอ๋ยความทุกข์                                 ตรงข้ามสุขขมุกขมัวพาหม่นหมอง
ดั่งหยินหยางขาวดำคู่คล้องจอง                              กายใจพ้องต้องสุขทุกข์เสมอมา
            อันทุกข์กายมิสบายพ่ายแก่โรค                   หรือเลือดโชกชะโลมไหลเร่งรักษา
เมื่อขาดหายกลับมาใหม่ไร้โรยรา                            ทุกข์กายาพาโศกเศร้าเข้าจิตตน
            รักโลภโกรธเกลียดแค้นครั่นคร้ามจิต           นำชีวิตคิดน้อยค่อยเหตุผล
เกิดผลลัพธ์กลับไม่ทันต้องทานทน                         ขืนข่มจนจมทุกข์ถึงทางกาย
            หากจิตทุกข์ปลุกกายให้ทุกข์แท้                  แต่เปลี่ยนแปรเป็นจิตสุขทุกข์สลาย
หากกายทุกข์สุขใจเจ้าสบาย                                  ทุกข์กายหายง่ายดายเริ่มที่ใจ

            ระลึกรู้ทันทุกข์หลักพระพุทธ                     เพราะแสนสุดหักห้ามให้เฉไฉ
รับรู้จนงนงงทุกข์ทำไม                                         ทุกข์หายไปไร้เหตุให้ทุกข์กัน
เมื่อมองมันทุกข์มิมอดลองสังเกตุ                          ถึงสาเหตุแห่งทุกข์ที่เสกสัน
อริยสัจตัดได้จนครบครัน                           ไม่ผกผันหันกลับมาทุกข์เอย

………………………. (12. ปริญญ์) …………………………

13. อรรถพล 
ส่งทางอีเมล

รอยแผลไทย (13. อรรถพล)

มากเมฆหมอกมรสุมปกคลุมโลก                           ยุควิโยคธรรมชาติอาฆาตถิ่น
อุทกภัยน้ำท่วมอ่วมแผ่นดิน                                              น้ำป่ารินซัดบ้านทรุดรุดทำลาย
            ข้าวในนาป่าในหนองต้องสิ้นสูญ                           ทวีคูณภัยสังคมจมความหายน์
จำนำข้าวจำนำชาติอาจวอดวาย                                        ดั่งรัฐฯขายชาติสิ้นรินทุกข์ทน
            สร้างปมด้อยเกิดศึกในไทยวายวุ่น                           เลือดไทยอุ่นสาดเกลื่อนเปื้อนถนน
แยกหลากสีสิ้นสีชาติขาดธรรมดล                                      ติดวังวนความขมขื่นยากฟื้นไทย
            สภาวะเศรษฐกิจพิษแปรผัน                                  คอร์รัปชั่นสร้างหนี้ลี้โปร่งใส
รุ่นลูกหลานต้องรับหนี้ที่เกินใช้                                          รัฐฯมุ่งไปกู้เงินตรามาโกงกิน
            ต่างประเทศคว่ำบาตรไทยให้แตกตื่น                       อัศวินม้าเขียวฟื้นคืนสุขถิ่น
พลิกวิกฤตเป็นโอกาสปราศราคิน                                       ถมชั่วสิ้นแผ่นดินไทยไร้ความชัง
            รอยแผลไทยย่ำแย่เป็นแผลช้ำ                                 ยึดหลักธรรมความโปร่งใสที่ใจหวัง
ลบแผลไทยแผลทุกข์ปลุกพลัง                                            ไทยยืนยังสามัคคีลี้ทุกข์เอย

………………………. (13. อรรถพล) …………………………

 

 

 

14. สุพรรษา
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์ (14. สุพรรษา)

ทุกข์คือความกังวลใจในมนุษย์                  เป็นบ่อฉุดจิตหม่นล้นปัญหา
ต่างแก่งแย่งแข่งขันเพลินเกินเยียวยา                       ไม่ร้างลาอบายมุขรุกถิ่นไทย
            ครอบครัวแตกแยกทางสร้างวิกฤต              เป็นภัยพิษสังคมแย่ยากแก้ไข
ผลสู่ลูกต้องอนาถขาดอุ่นไอ                                   พรากดวงใจให้สูญสิ้นรินทุกข์ตรม
            นักการเมืองคอร์รั่ปชั่นบั่นทอนชาติ            ยืนผงาดขลาดเขลาเข้าทับถม
ช่างไร้ค่าถ้ามิหยุดดุจอาจม                                    ชาติคงล่มลงกองฟอนให้ร้อนรน
            คนค้าคนคนค้าชาติอาจต้องวุ่น                  ลูกอุ้มบุญในคราบบาปอาบทุกข์หม่น
ถูกจิตมืดครอบงำถลำตน                                      อกุศลไร้ธรรมาพาเสื่อมทราม
            พุทธพจน์บทหนึ่งซึ่งกล่าวอ้าง                   นำแนวทางสู่ตนพ้นขวากหนาม
หลักคำสอนอริยสัจปฏิบัติตาม                               เติบต้นงามคุณความดีชี้ประเมิน
            สัจธรรมค้ำจุนโลกดับโศกสิ้น                    สู่ชีวินอันล้ำค่าน่าสรรเสริญ
สร้างสังคมอุดมสุขยุคเจริญ                                   พร้อมก้าวเดินสู่วิถีที่งดงาม

………………………. (14. สุพรรษา) …………………………

 

 

 

15. รีดอกซ์
ส่งทางอีเมล

คาดหวังอะไรกันแน่ ระหว่างเกรดกับความรู้ (15. รีดอกซ์)

การศึกษาคือคุณค่าแห่งความรู้                  ช่วยชุบชูชีวิตลิขิตฝัน
ปลูกปัญญาด้วยวิชาชุบชีวัน                                  คอยผลักดันความหวังอย่างยั่งยืน
            แต่บัดนี้มีนิยามความหมายใหม่                 ยากแค่ไหนก็อยากคว้ากล้าฝ่าฝืน
แม้ไม่ไหวใจไม่หวั่นฝันข้ามคืน                              แม้ยามตื่นยังคิดติดกังวล
            หวังคะแนนแสนเลิศหรูปูทางให้                เกรดจะได้สูงส่งดำรงผล
มีความรู้คู่ความเครียดเบียดเบียนตน                       จะดิ้นรนหวังอะไรในวิชา
            ปล่อยให้เกรดคลุมครอบตอบทุกโจทย์         อาจรุ่งโรจน์ได้ไม่นานการศึกษา

เพียงเพราะรู้เรื่องราวในตำรา                                 จะมีค่าเพียงอันดับที่จับวาง
            มัวกังวลว่าตนนั้นตกต่ำ                            เกรดเจ้ากรรมอยู่รั้งท้ายกลายเป็นหาง
ทุกข์กำเนิดเกิดมืดมนทุกหนทาง                            เครียดมิสร่างเพราะยึดมั่นมิผันแปร
            เกรดเป็นเพียงตัวชี้วัดพิกัดรู้                       ที่คงอยู่เพื่อด้วยดำรงคงกระแส
เพราะหวังเกรดจึงได้ทุกข์ไม่สุขแด             อะไรแน่สำคัญกว่าอย่างถาวร

………………………. (15. รีดอกซ์) …………………………

 

 

 

16. ธิติสรรค์
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์ (16. ธิติสรรค์)

เหมือนเตาร้อนเพลิงลุกอยู่ทุกเมื่อ               ยิ่งเติมเชื้อต่อไฟยิ่งไหม้หม่น
สร้างแต่ความย่อยยับแสนอับจน                            ในวังวนความทุกข์อันลุกลาม
            ทุกข์ทั้งผองก็เป็นเช่นเพลิงไหม้                  แผดเผาใจยับเยินจนเกินห้าม
หลงกิเลสสิ่งสมมุติสุดจะปราม                             มิอาจข้ามฝ่าทุกข์ทนพ้นไปไกล
            ทั้งรัก โลภ โกรธ หลง ปลงเสียบ้าง จงหมั่นสร้างความดีที่ยิ่งใหญ่
เมาลาภยศสุขสรรเสริญจนเกินไป                          ย่อมทุกข์หนักเพราะใจไม่พอดี
            เมื่อเกิดมาเป็นคนอยู่บนโลก                      เผชิญโศกเพียงใดอย่าหน่ายหนี
ท้อความทุกข์เหมือนสิ้นใจไร้ชีวี                            โลกไม่มีเส้นชัยให้คนแพ้
            หากหัวใจไถ่ถามหาความสุข                     เริ่มประยุกต์ด้วยธรรมนำมาแก้
เพราะรู้ทุกข์...จึงรู้ธรรมนำดวงแด                          สุขจริงแท้เดินสายกลางปล่อยวางตน
            แก้ปัญหาด้วยสติ...อริยสัจ                        ปฏิบัติตามหลักธรรมนำเกิดผล
สร้างความสุขเกิดที่ใจไร้กังวล                               ย่อมผ่านพ้นความทุกข์ใจ...ไม่ยากเลย

………………………. (16. ธิติสรรค์) …………………………

17. ครูเท่ง
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์ (17. ครูเท่ง)

๑.         ในสังคม  พัฒนา  โลกาภิวัตน์                   การสื่อสาร  เด่นชัด  จัดโลกกว้าง
คมนาคม   สะดวกสุข   ทุกเส้นทาง                                   ที่ไกลห่าง   มีน้ำ-ไฟ   ไม่ขาดแคลน
            ๒.        เทคโนโลยี  ก้าวไกล  ไปทั่วถิ่น                   ปูนทับดิน   ตึกสูงใหญ่    ได้วางแผน
อินเตอร์เน็ต   ให้ความรู้   ครูตัวแทน                                  เปลี่ยนโลกแบน  เป็นโลกกว้าง   ทางเจริญ
            ๓.        โลกก้าวไกล  แต่ใจคน   กลับทนทุกข์          หลงเหลิงสุข  หล่อเลี้ยง  เพียงผิวเผิน
ปล้น ยิง ฆ่า  อาชญากรรม  ยังดำเนิน
                                 คนหมางเมิน  กฎหมาย  ไม่ยุติธรรม
            ๔.        ไม้ถูกตัด  สัตว์ถูกฆ่า   ป่าถูกเผา                ชายแดนใต้   ควันเขม่า   ทุกข์เช้าค่ำ
นักการเมือง  ยังโกงกิน  สิ้นสัตย์คำ                                    เกษตรกร  ยังชอกช้ำ  เรื่องทำกิน
            ๕.        ความเจริญ  ความนิยม  สังคมใหม่            ความเจริญ  ทางใจ  ใกล้หมดสิ้น
เดินหน้าแล้ว  เสียงร้องไห้  ไม่ได้ยิน
                                    จึงเริ่มชิน   ปัญหาใหม่   ให้หวั่นกลัว
            ๖.         หากไม่พัฒนาใจ  ให้สูงส่ง                        ความดีคง  ถูกเหยียดหยาม  ซึ่งความชั่ว
ท่ามเจริญ  ความทุกข์  ซุกซ่อนตัว                                     ด้วยเมามัว  โลภ โกรธ  หลง  คงวอดวาย
            ๗.        เทคโนโลยี พัฒนาเมือง  ให้เรืองรุ่ง  ใจคนมุ่ง  ธรรมะสู้   รู้ขวนขวาย
เมืองคนดี  ย่อมก้าวไกล  ไร้อันตราย                                   ทุกข์จึงหาย  สุขจึงสร้าง  ทางร่มเย็น

………………………. (17. ครูเท่ง) …………………………

 

 

 

18. กันยารัตน์
ส่งทางอีเมล

ความทุกข์ (18. กันยารัตน์)

เกิด ทุกข์กายทุกข์ใจใฝ่ตัณหา                เมื่อถึงครา สมุทัยไม่สิ้นสูญ
นิโรธดับทุกข์ภัยให้สมบูรณ์                              “มรรคเกื้อกูลศีลสมาธิผลิปัญญา
            พุทธศาสน์พุทธธรรมเจิดจำรัส                  “อริยสัจสี่ประการผลาญปัญหา
ดำรงชีพทุกหมู่ชนบนศรัทธา                                 อนรรฆค่าสุขสบายทั้งกายใจ
            ในครอบครัวความยากแค้นแสนลำบาก       ดับทุกข์ยากด้วย พอเพียงเลี้ยงชีพใหม่
ในโรงเรียนศึกษายากมากเท่าไร                              ก้าวข้ามไป พากเพียรพบประสบการณ์
            ในชุมชนด้อยพัฒนาไร้ผาสุก                      ร่วมใจลุกแก้ปัญหาพาสุขสานติ์
ในศาสนาหลากกิเลสเหตุเกิดมาร                           สร้างวิญญาณความสำนึกผลึกธรรม์
            ในประเทศไม่แตกแยกแบ่งพวกพรรค          ต้องรู้รักผูกไมตรีมีสุขสันติ์
อำนาจมืดช่วยกันปราบอาบสุขพลัน                       ไม่แบ่งชั้นแบ่งสีมีปรองดอง
            ผู้ทุกข์หนักกว่าทุกไทยใช่ใครอื่น                 พระผู้ฟื้นแผ่นดินสิ้นหม่นหมอง
ทศพิธราชธรรมนำทางทอง                              โลกแซ่ซ้อง องค์นวมินทร์สุขถิ่นไทย

………………………. (18. กันยารัตน์) …………………………

19. กิตติ
ส่งทางเว็บบอร์ด

ดอกหญ้าในป่าปูน (19. กิตติ)

ดินหัวดอนคงแยกแตกระแหง                    น้ำคงแล้งทั่วท้องนาในหน้าฝน
ความเหี่ยวเฉาคงครองกล้าไม่น่ายล                        เมื่อรู้คนบ้านนอกลืมคอกนา
            ทิ้งลมทุ่งหลงแสงแห่งเมืองหลวง               ไปเด่นดวงผิดแผกแมกไม้ป่า
ประชันแข่งไม้เมืองเรืองโอฬาร์                              ถูกเขาคว้าเด็ดดอมเป็นจอมใจ
            พอสิ้นกลิ่นสดสาวเหลือคาวคราบ              น้ำตาอาบรอเวลาแห่งฟ้าใหม่
เล่ห์ลมลวงเขาหลอกลิ้มชิมเนื้อใน                          เธอคงได้แต่ครวญหาผู้อาทร
            เขาเลือกไม้มิ่งขวัญแจกันใหม่                    ทิ้งเจ้าให้แห้งตายเหมือนรายก่อน
หมดทางไปไขว่เขวพเนจร                                    ต้องแอบซ่อนความชังในสังคม
            ความอ้างว้างตามเป็นเงาอยู่เช้าค่ำ             ความทุกข์เข้าครอบงำจำใจข่ม
บนเส้นทางด่างพร้อยรอยอารมณ์                           ความขื่นขมทิ้งเศษซากฝากฝังไว้
            นี่คงเป็นบทละครฉากตอนจบ                   พาค้นพบเรื่องความจริงอันยิ่งใหญ่
ขวัญผกาคงลิ้มรสบทช้ำใจ                                    เพราะเป็นได้เพียงดอกหญ้าในป่าปูน

………………………. (19. กิตติ) …………………………

20. อภิสิทธิ์
ส่งทางเว็บบอร์ด

ทุกข์คือการเรียนรู้ (20. อภิสิทธิ์)

มองนกน้อยคอยคู่อยู่โดดเดี่ยว                    น้ำไหลเชี่ยวปลาพรัดพรากจากปลาแม่
ชายหญิงเฒ่าเฝ้าลูกยามาดูแล                                 มีเพียงแต่การรอคอยที่ลอยเลือน
            หนุ่มสาวเศร้าเฝ้ารอรักที่หักเห                  ต้องรวนเรเขวไปใจเชือดเฉือน
ด้วยเหตุเกิดเพราะรักที่ตักเตือน                                          รักเป็นเหมือนเปลวไฟอยู่ใกล้กาย
            ยามลมหนาวพาลพบก็อบอุ่น                    ยามร้อนวุ่นก็ยิ่งร้อนมิอ่อนหาย
รักมีสุขมีทุกข์ยากก็มากมาย                                              มิวางวายคลายไปจากใจคน
            ความละโมบโลภมากยากจะห้าม               อยากลือนามงามตำแหน่งทุกแห่งหน
อยากจะได้อยากจะขอมิพอตน                                           ต้องดิ้นรนทนสู้อยู่ทุกวัน
            เมื่อมิได้ดั่งใจหวังก็กังขา                          ริษยาคิดแย่งคิดแข่งขัน
เกิดเป็นทุกข์โลภะมาประจัญ                                             มาขวางกั้นความสุขรุกรานใจ
            เกิดความโกรธความแค้นแสนสาหัส          สารพัดปรุงแต่งแกว่งเฉไฉ

ขาดสติปัญญามาทันใด                                                     ก็พาให้ทุกเข็ญอยู่เช่นเดิม
            เมื่อเกิดความหลงไหลในวัตถุ                    มายั่วยุคะนองคึกและฮึกเหิม
เป็นโลภะโรคามาต่อเติม                                                   ก็ทุกข์เพิ่มหมดพลังไปทั้งตัว
            รักก็ทุกข์โลภก็ทุกข์มิสุขใส                        โกรธเป็นภัยหลงเป็นทางที่ลางทั่ว
เป็นรากแก้วรากฝอยคอยพันพัว                                ความมืดมัวที่ต้องพบประสบเอา
            อันความรักความโลภละโมบมาก              หลีกเลี่ยงยากต้องเปลี่ยนปรับมิอับเฉา
ความพิโรธโกรธหลงคงบางเบา                                หากตัวเรารู้จักปรับระงับวาง
            ธรรมดาที่เพื่อนพ้องต้องประสบ                ทุกข์ให้พบให้เห็นอย่าเป็นอย่าง
เอาทุกข์มาเป็นบทเรียนเปลี่ยนเส้นทาง                               มาเสริมสร้างความสุขที่แท้จริง

………………………. (20. อภิสิทธิ์) …………………………

 

 

 

21. กิตติ ส่งครั้งแรก มีแก้ไข
ส่งทางเว็บบอร์ด

เสียงร่ำไห้มิเลือนหายจากชายแดน (21. กิตติ ส่งครั้งแรก มีแก้ไข)

บินหลาคงหลงฟ้าลาถิ่นลับ                       ไม่หวนกลับคืนคอนออดอ้อนเสียง
ห้วงสงัดเงียบงำเผยสำเนียง                                   ร่วมร้อยเรียงเพลงเศร้าเคล้าน้ำตา

            ท่ามเสียงปืนปึงปังดังสนั่น                        เหมือนเสียงลั่นยมบาลมุ่งผลาญฆ่า
เพียงเศษเสี้ยววินาทีกระพริบตา                             ซากเดียงสาลอยคว้างกลางฝุ่นควัน
            คราบเลือดแดงทาบทางช่างโหดร้าย            ความวุ่นวายรุกเร้าเข้าห้ำหั่น
กี่ศพแล้วศพเล่ากองรวมกัน                                   เหตุแบ่งชั้นเชื้อชาติศาสน์ของตน
            ชายแดนใต้เคยสุขกลับทุข์ร้อน                   ภาพสะท้อนความรุนแรงทุกแห่งหน
สันติภาพสันติธรรมสันติชน                                  มาถูกปล้นไปสิ้นจากถิ่นเนาว์
            แล้วจะอยู่อย่างไรในวันนี้                          เมื่อทุกข์มีเกินข่มต้องตรมเศร้า
ความลำบากยากเข็ญตามเป็นเงา                           จมเศษเถ้าเพลิงไหม้ภัยคนพาล
            ก่อนบินหลาลาไกลไปจากถิ่น                    ก่อนจะสิ้นเหลือนิยามแค่ด้ามขวาน
ก่อนวิถีร่มเย็นเป็นตำนาน                                     ให้จดจารรอยมีดกรีดหัวใจ
            ขอเถอะหยุดยื้อแย่งแบ่งพื้นที่                     ทุกข์วันนี้ทรมานเกินขานไข
ยินเสียงปืนดังมายิ่งอาลัย                                      เสียงร่ำไห้มิเลือนหายจากชายแดน

………………………. (21. กิตติ ส่งครั้งแรก มีแก้ไข) …………………………

22. กิตติ แก้ไข ครั้งที่ 1
ส่งทางเว็บบอร์ด

เสียงร่ำไห้มิเลือนหายจากชายแดน (22. กิตติ แก้ไข ครั้งที่ 1)

บินหลาคงหลงฟ้าลาถิ่นลับ                       ไม่หวนกลับคืนคอนออดอ้อนเสียง
ห้วงสงัดเงียบงำเผยสำเนียง                                   ร่วมร้อยเรียงเพลงเศร้าเคล้าน้ำตา
            ท่ามเสียงปืนปึงปังดังสนั่น                        เหมือนเสียงลั่นยมบาลมุ่งผลาญฆ่า

เพียงเศษเสี้ยววินาทีกระพริบตา                             ซากเดียงสาลอยคว้างกลางฝุ่นควัน
            คราบเลือดแดงทาบทางช่างโหดร้าย            ความวุ่นวายรุกเร้าเข้าห้ำหั่น
กี่ศพแล้วศพเล่ากองรวมกัน                                   เหตุแบ่งชั้นเชื้อชาติศาสน์ของตน
            ชายแดนใต้เคยสุขกลับทุกข์ร้อน                 ภาพสะท้อนความรุนแรงทุกแห่งหน
สันติภาพสันติธรรมสันติชน                                  มาถูกปล้นไปสิ้นจากถิ่นเนาว์
            แล้วจะอยู่อย่างไรในวันนี้                          เมื่อทุกข์มีเกินข่มต้องตรมเศร้า
ความลำบากยากเข็ญตามเป็นเงา                           จมเศษเถ้าเพลิงไหม้ภัยคนพาล
            ก่อนบินหลาลาไกลไปจากถิ่น                    ก่อนจะสิ้นเหลือนิยามแค่ด้ามขวาน
ก่อนวิถีร่มเย็นเป็นตำนาน                                     ให้จดจารรอยมีดกรีดหัวใจ
            ขอเถอะหยุดยื้อแย่งแบ่งพื้นที่                     ทุกข์วันนี้ทรมานเกินขานไข
ยินเสียงปืนดังมายิ่งอาลัย                                      เสียงร่ำไห้มิเลือนหายจากชายแดน

………………………. (22. กิตติ แก้ไข ครั้งที่ 1) …………………………

23. ณรงค์ฤทธิ์
ส่งทางเว็บบอร์ด

ความทุกข์ของชาวนา (23. ณรงค์ฤทธิ์)

ณ ท้องนาแสนกว้างไกลไปทั่วถิ่น              ทั่วแผ่นดินข้าวเรืองรองของสยาม
ธัญพืช ธัญญาหาร แสนงดงาม                              เหลืองอร่ามแห่งทุ่งทองไร่ท้องนา
            แต่ก่อนกาลนานเนาใคร่ครวญคิด               พืชผลเศรษฐกิจไร้ปัญหา
ข้าวรวงสวยรวงงดงามอร่ามตา                             สมคุณค่าเหลืองตระการสราญใจ          
            แล ลม ฟ้า อากาศ มิคลาดเคลื่อน               เมื่อถึงเดือนฤดูกาลมิหวั่นไหว

ฤดูฝน หนาว ร้อน ซ้อนแทรกไป                            อดทนได้ หลังสู้ฟ้าหน้าสู้ดิน           
            ปัจจุบันชาวนานี้นั้นมี
ทุกข์”                   หมด ความสุขแสนอาลัยใจขาดดิ้น
โดน
แมลงศัตรูพืชยืดต้นกิน                               เสียใจเป็นอาจิณน้ำตานอง           
            อีกทั้ง
ข้าวยากหมากแพงแสลงซัด         “ภัยพิบัติถาโถมมาแสนเศร้าหมอง
ลงทุนปลูกหวังกำไรมิได้ครอง                                แสนจำต้องหมดหนทางหมางเมินกาย  
            เป็นความทุกข์ของชาวนามหาศาล             ทุกหมู่บ้านต่างทำนามามากหลาย

หยาดเหงื่อไหลไคลย้อยถ้อยบรรยาย                         ทุกข์กล้ำกรายมากลืนกินถิ่น ชาวนา

………………………. (23. ณรงค์ฤทธิ์) …………………………

 

 

 

24. พัทราวดี 
ส่งทางเว็บบอร์ด

ทุกข์ของพ่อแม่ (24. พัทราวดี)

ความสุขแท้ของพ่อแม่นั้นอยู่ไหน               เพราะเหตุใดต้องลำบากหาใช้หนี้
ทุกข์ที่ใจที่กายทั้งชีวี                                            ใยลูกที่เลี้ยงมาละลืมไป
            ต้องทำงานหาเช้าตลอดค่ำ                        เพราะเวรกรรมทำมาแต่ปางไหน
ทำงานหนักเหน็ดเหนื่อยก็เพราะใคร                       ถ้าไม่ใช่ลูกน้อยคอยแลดู
            ทั้งทำไร่ไถนาปลูกกล้าหนอ                       ไม่รู้พอดิ้นรนอดทนสู้
เพื่อให้ลูกพากเพียรใฝ่เรียนรู้                                   ให้ได้อยู่ภายภาคหน้าอย่างสบาย
            อยากให้ลูกได้ดีเจริญไกล                           พบวันใหม่ดุจแสงตะวันฉาย
อยากให้มีความสุขทั้งใจกาย                                  เมื่อชีวายพ่อแม่นั้นดับลง
            และหนึ่งอย่างที่หวังทั้งชีวิต                      อยากให้ลูกมีจิตดีตามประสงค์
เป็นคนดีชีวีจะมั่นคง                                            ให้ลูกจงประพฤติดีชั่วนิรันดร์

            แต่ความหวังกลับสูญสิ้นพังลงไป               ลูกหนีไกลทิ้งให้อยู่อย่างโศกสัน
แทบสิ้นลมหายใจวายชีวัน                                    พ่อแม่นั้นคอยห่วงหาและอาลัย
            ทนทำงานทุกอย่างหาเลี้ยงลูก                    ด้วยความรักพันธ์ผูกลูกรู้ไหม
ต้องลำบากยากเข็ญสักเพียงใด                               แม้นล้มไปก็ทนฝืนลุกอีกครั้ง
            ถึงพ่อแม่ทุกข์แค่ไหนไม่เคยบ่น                  ลูกไม่ทนหนีไปมิเหลียวหลัง
ลูกควรคิดไตร่ตรองก่อนใจพัง                                พ่อแม่ยังคอยเฝ้ารอลูกกลับมา

………………………. (24. พัทราวดี  ) …………………………


25. อิศราวรรณ
ส่งทางเว็บบอร์ด

ทุกข์ในครอบครัว (25. อิศราวรรณ)

เมื่อรักกันน้ำต้มผักยังว่าหวาน                   พอเนิ่นนานน้ำตาล...ยังว่าขม
รักเป็นเกลียดชั่วขณะทุกข์ระทม                            เคยชื่นชมกลับเปลี่ยนแปรไม่แน่นอน
            เมื่อก่อนรักเลิศเลอแสนเพ้อฝัน                  ไม่มีวันเบื่อหน่ายหรือถ่ายถอน
หนุ่มและสาวแรกรุ่น...อุ่นอาทร                            มิสั่นคลอนความรักหนักแน่นใจ
            งานแต่งงานจัดหรูดูเหมาะสม                   บอกสังคมว่ามีชีวิตใหม่
สร้างครอบครัวแสนอบอุ่นกรุ่นหทัย                       ทุกข์ใดใดยังมิหวั่นรักกันดี
            วันเวลาผ่านไปใจเริ่มเปลี่ยน                      ทุกข์ว่ายเวียนเพราะหน่ายรักอยากจะหนี
เมื่อก่อนเรารักกันแต่วันนี้                                     กลับไม่มีแม้เยื่อใยเชื่อมใจกัน
            สงสารลูกตัวน้อยที่คอยรัก                         จมทุกข์หนักหลั่งน้ำตาพาใจหวั่น
พ่อไปทางแม่ไปทางเลิกกลางครัน                          ทุกข์โรมรัมอยู่บนบ่า...น้ำตานอง
            รักร้าวในครอบครัวเป็นตัวอย่าง                 หลอมเส้นทางทุกข์ซัด อกกลัดหนอง
พ่อแม่ลูกมีภาระต้องประคอง                                ยึดครรลองคุณความดี...หน้าที่ตน
            หากเลือกแล้วแต่งงานไปขอใจมั่น              พบทางตันใช้ปัญญาค่าเลิศผล
สร้างเสาหลักแห่งครอบครัวสิ้นมัวมน                    เราทุกคนแก้ไขได้...ไม่สายเกิน

………………………. (25. อิศราวรรณ) …………………………

26. อิศราวรรณ
ส่งทางเว็บบอร์ด

ไม่ทุกข์ก็ไม่สุข (26. อิศราวรรณ)

หากไม่ทุกข์...แล้วสุขใดคงไม่เกิด               สู้เสียเถิดอุปสรรคจักพ้นผ่าน
เกิดเป็นคนมีล้มลุกและคลุกคลาน                          ความกล้าหาญจะชี้นำกำหนดชัย
            หากล้มแล้วไม่ลุก...ทุกข์แล้วถอย               มัวรอคอยโชคชะตาพาหวั่นไหว
คงพ่ายแพ้แต่เริ่มแรกมิแปลกใจ                              กล้าก้าวไว้สู้สุดทางสร้างชีวิน

            หากไม่เคยลิ้มรสชาติที่ฝาดขม                   หากไม่เคยทุกข์ตรมจมโศกสิ้น
แล้วรสหวานฤาจะชัดสัมผัสลิ้น                             อย่าดูหมิ่นประสบการณ์ด้านมืดมัว

            ความผิดพลาดคือพลังอันทรงค่า                ความก้าวหน้าจากชีวี...รู้ดีชั่ว
รู้ว่าผิดแล้วปรับแปรแก้ไขตัว                                 อย่าได้กลัวความผิดหวังสิ่งทั้งปวง
            เดินสายกลางสว่างล้นพ้นโศกศัลย์              ฝ่าทางตันชีวิตไม่ติดบ่วง
ใช้หลักธรรมนำตนสิ้นกลลวง                                ก่อนชีพล่วงลาลับไม่กลับมา
            คิดริเริ่มเติมสุขให้ใจคงมั่น                        ผ่านคืนวันทุกกล้ำกราย...มิไร้ค่า
สอนตัวเองก่อนสอนใครใช้ปัญญา                          ทุกข์ชีวา...เราจักแก้...ได้แน่นอน

………………………. (26. อิศราวรรณ) …………………………




กลอนสุภาพ 2557

ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ ความว่างเปล่า
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “ความสุข”



bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ