ReadyPlanet.com
dot dot
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ ความว่างเปล่า

  ผลงานกลอนสุภาพ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย

หัวข้อ ความว่างเปล่า” ปักษ์หลัง ตุลาคม 2557 จำนวน 11 ชิ้น

 

1. อภิสิทธิ์
ส่งทางอีเมล

ชีพดับตรง...ความว่างเปล่า...อย่างเข้าใจ (1. อภิสิทธิ์)

ชีวิตคนมีความหมายคล้ายว่างเปล่า          เหมือนรูปเงาปรากฏวับ...ดับสลาย
เกิดมาแล้ว เจ็บ แก่ แค่รอตาย                                           ทิ้งร่างกายผุพังกลางดินเย็น

รู้สึกถึงความดีงามความนึกคิด                              แต่ไร้สิทธิ์จับต้อง...และมองเห็น
สภาพบาป บุญ กรรม สุข ลำเค็ญ                           ล้วนแต่เป็นนามธรรม...ไร้ตัวตน

เฉกความชอบ ความชัง การตั้งอยู่                          ย่อมแปรสู่การดับไปในเหตุผล
วัตถุธาตุทั้งหลายในสากล                                                มีเริ่มต้นมีสุดท้ายไม่ต่างกัน

น้ำระเหยกลายเป็นไอในท้องฟ้า                            รอเวลาปรากฏรวมหยดกลั่น
กำเนิดลักษณ์ ดับลักษณ์ ประจักษ์พลัน                   คือทิพย์ธรรม์พุทธองค์ทรงแสดง

สอนมนุษย์รู้ปล่อยวางอย่างผู้ตื่น                           ต่างหยิบยื่นความสุขใจไปทุกแหล่ง
ลดตัณหา ลดความอยาก ฉากจำแลง                      ลดกำแพงแห่งอัตตา...เข้าหาธรรม

เพราะทุกสิ่งที่สัมผัสเราวัดค่า                                แล้วตีตรากำหนดใจ..ให้สูงต่ำ
เติมใจขาวเคยมี...เป็นสีดำ                                               วงเวียนกรรมจึงหมุนไปไม่หยุดลง

ดอกบัวผลิพ้นธาร...คลี่บานแล้ว               เปรียบดวงจิตผ่องแผ้วอันสูงส่ง
แจ้งไตรลักษณ์จิตแช่มชื่น...สุขยืนยง                                 ชีพดับตรง...ความว่างเปล่า...อย่างเข้าใจ

………………………. (1. อภิสิทธิ์) …………………………

2. บุษกร 
ส่งทางอีเมล

ความว่างเปล่า (2. บุษกร)

จากเสียงโวยกลางกรุงผดุงสิทธิ์                 เส้นชีวิตแลกเลือดเนื้อหลากเสื้อสี
เหตุเพราะความไม่เป็นธรรมย่ำธานี                       เกิดกลีครองอำนาจฐานชาติจม

เปลี่ยนผู้นำปรับกฎเกณฑ์เบนทางใหม่       ดังเคว้งใน “สุญญากาศ” ขาดสุขสม
“เรือชาติ” ไร้ผู้ครองต้องตามลม                            น้ำตาพรมอนิจจาปราชาไทย

บ้างแต้มสีตีไข่ใส่ข่าวทั่ว                          จริงหรือมั่วหวาดระแวงแถลงไข
เคอร์ฟิวเพื่อความสันติมิสร้างภัย                           บ้านเมืองไร้เสียงสื่อสิ้นขื่อแป                  

“รัฐบาลเสื้อเขียว” เยียวยาให้                   ทุกหัวใจเบ่งบานสมานแผล
สิ้นมวลม็อบจ็อบหมู่ขู่รังแก                                  ปรับเรื่องแย่ปิดช่องว่างระหว่างชน

การเรียนดี สิ้นเหลื่อมล้ำ บำรุงศาสน์          เสริมบทบาทแห่ง “อาเซียน” เพียรสร้างผล
อนุรักษ์วัฒนธรรมล้ำสากล                                   กฎหมายล้นยุติธรรมนำเมืองงาม

จึงเหมือนไร้ความว่างเปล่าบรรเทาทุกข์     ยินเสียงสุขทุกหย่อมหญ้าฟ้าสยาม
บรรเลงเพลงไมตรีที่ลือนาม                                  สิบสองค่านิยมคามเหนี่ยวนำใจ

จากรอยช้ำที่สร้างความว่างเปล่า               ลบแผลเก่าอย่าอักเสบให้เจ็บใหม่
หวังเห็นแสงแห่งประชาธิปไตย                            พบทางชัยจากคำสัตย์ของรัฐฯเอย

………………………. (2. บุษกร) ………………………… 

3. วิษณุ
ส่งทางอีเมล

ความว่างเปล่า (3. วิษณุ)

จากผืนดินที่เหยียบยืนถึงผืนฟ้า                             ถึงดาราสุริยันอันไพศาล
มิอาจชั่งน้ำหนักจักรวาล                                      คะเนการณ์เพียงใดไม่แม่นยำ

แต่จากผิวกายเราเข้ามาลึก                        ถึงผลึกแก้วใจ...เต้นระส่ำ
ผ่านความชั่วความดีสีขาวดำ                                มีแก่นธรรมซ่อนไว้ใกล้นิดเดียว

โลกเบื้องนอกกว้างไกลในว่างเปล่า            ในแสงเงาดาวเดือนเหมือนเปล่าเปลี่ยว
โลกภายในขมวดเคลื่อนเป็นเงื่อนเกลียว                 ยังคดเคี้ยวกว่าภายนอก...กว้างออกไป

ใจว่างเปล่าจักงดงามความสงบ                            เมื่อค้นพบความจริงอันยิ่งใหญ่
ว่าคลื่นบุญคลื่นบาปที่ฉาบใจ                                เพียงลูบไล้จับเขย่าใจเบาบาง

พระอาทิตย์เคลื่อนไหวฟ้าภายนอก                        หลังช้ำชอกในฤดีมีรุ่งสาง
พระท่านชี้ว่าที่พึ่งคือ...กึ่งกลาง                              เป็นเส้นทางชีวันอันเรืองรอง

เมื่อเกิดมาหนึ่งชาตินี้... ไม่มีอะไร                         ก็ต้องไปเช่นวันเก่า...เราทั้งผอง.  
อย่าทุรนทุรายในครรลอง                                     เปลี่ยนมุมมองให้ตื่นรู้สู่ความจริง

จักรวาล...ร่างกาย...ก็คล้ายกัน                              ล้วนมีวันก่อนเก่าว่างเปล่ายิ่ง
ภายนอกสู่ภายในมิไหวติง                                               สงบนิ่งดังแรกเริ่ม...จากเดิมที

เหมือนนกหวีดเป่าดัง...สั่งแรกก้าว            ทางสั้นยาวต้องวิ่งไปไม่อาจหนี
ฝากชื่อเสียงงดงาม...สร้างความดี                                      รับวันที่ว่างเปล่า...ของเราเอง

………………………. (3. วิษณุ) …………………………

4. นายตะวัน
ส่งทางอีเมล

ที่ว่าง...ของชีวิต (4. นายตะวัน)

ทุกชีวิตเกิดกลางความว่างเปล่า                             เกิดรูปกายโครงเค้าให้เราเห็น
พร้อมความสุขความทุกข์...ความลำเค็ญ                             หลอมรวมเป็นภาพงามความพอดี

เริ่มจากศูนย์จบที่ศูนย์คือชีวิต                                    ถูกลิขิตด้วยบุญกรรมนำวิถี
สัจธรรมในความว่างทางชีวี                                             คือสิ่งที่พบเจอได้ในใจตน

ความว่างเปล่าเป็นโลกที่เรามีอยู่                                คือประตูความสงบ...ลบหมองหม่น
เหมือนแสงไฟเบาบางกลางมืดมน                                     นำใจตนสู่สว่างทางชีวัน

จิตสงบพบความสุขหมดทุกข์ได้                            แม้นลำบากเพียงใดมิไหวหวั่น
ใช้สติปัญญาฝ่าทางตัน                                                     มุ่งสร้างสรรค์สร้างกุศลพ้นลำเค็ญ

ว่างที่แท้คือไม่มีพื้นที่ทุกข์                                    สงบสุขลึกซึ้งตรึงใจเห็น
เหมือนดั่งสูญญากาศสะอาดเย็น                                                    แฝงประเด็นเงียบงันอันกว้างไกล

หากตัณหาครองใจให้ลุ่มหลง                                ชีวิตคงเปื้อนสีที่หม่นไหม้
ความรู้สึกสบายดีอยู่ที่ใด                                                  เหมือนร้อนไฟแล้วราดซ้ำด้วยน้ำมัน

ความว่างเปล่าเกิดกลางใจได้ทุกเมื่อ                         รู้ก่อเกื้อด้วยพระธรรมนำสร้างสรรค์
เริ่มจากการปล่อยวางร้างทุกข์พลัน                                    ก่อนเพลิงนั้นจะท่วมเผา...ใจเราเอง

………………………. (4. นายตะวัน) …………………………

5. อรรถพล

ส่งทางอีเมล

สุญญากาศ (5. อรรถพล)

ติดห้วงแห่งสุญญากาศชาติลอยเคว้ง                       ยินเสียงเพลงปราศรัยในเมืองหลวง
ปลุกระดมขย่มขวัญลั่นเสียงท้วง                                       ชาติติดบ่วงอบายขายแผ่นดิน

            แยกหลากสีลืมสีชาติอนาถแท้                               สังคมแย่เสื่อมทรามประนามถิ่น
ต่างรบราเกิดศึกในเลือดไทยริน                                         ต้องยลยินความเสียหายตายทั้งเป็น

            ทุกสิ่งอย่างสร้างมาถึงคราหยุด                              คล้ายชาติหลุดวงโคจรสะท้อนเห็น
ความว่างเปล่ามาเยือนรัฐราษฎร์ลำเค็ญ                              เกิดทุกข์เข็ญว่างตำแหน่งที่แย่งชิง

            อัศวินม้าเขียวเยียวยาชาติ                                 ดับพิฆาตไฟกลางเมืองเรื่องใหญ่ยิ่ง
พลิกวิกฤตเป็นโอกาสวาดทางจริง                                      อดีตทิ้งสร้างรักเชื่อมเสื่อมรอยตรม

            ชาติหลุดพ้นความว่างเปล่าคราวประวัติ                  อุทาหรณ์ชี้ชัดพ้นขื่นขม
วางรากฐานพัฒนาค่าควรชม                                             คือสังคมที่ก้าวหน้าผาสุกงาม

            ภาพอดีตเด่นบทเรียนเปลี่ยนวันใหม่                      สู่วันไทยพลิกฟื้นคืนสยาม
ปลูกกล้ารักสามัคคีศรีเขตคาม                                           เพื่อปลิดความว่างเปล่าลบร้าวไทย

………………………. (5. อรรถพล) …………………………

 

6. ครูเท่ง 
ส่งทางอีเมล

จดหมายถึงแม่ (6. ครูเท่ง – ส่งครั้งแรกมีแก้ไข)

 ๑.        ความเย็นเยียบเฉียบใจในสำนึก                ความรู้สึกรวดร้าวทุกคราวผ่าน
ความเจ็บปวดทุกครั้งยังยาวนาน                           ความทุกข์พล่านเผาใจไปทั้งดวง

๒.        ความรู้สึกจากกมลคนเป็นแม่                    ความรักแท้ถึงชายแดนที่แหนหวง
ความรักจงเป็นเกราะกั้นภัยทั้งปวง                                    ความเป็นห่วงแม่เสนอเสมอมา

๓.        แต่แบเบาะเสนาะเสียงสำเนียงใส             แม่ปัดเป่ายุงเหลือบไรทั้งซ้ายขวา
หิวแม่ป้อนร้อนแม่เป่าเฝ้าทุกครา                           เสมือนว่าเป็นทหารป้องพาลภัย

๔.        คราวเติบโตแม่สอนให้ภูมิใจเถิด               ที่ได้เกิดป้องแผ่นดินถิ่นอาศัย
ลูกผู้ชายต้องมั่นคงจงภูมิใจ                                  อย่ายอมให้ใครดูหมิ่นแผ่นดินเรา

๕.        หลังลูกชายกลับบ้านไม่นานนัก                 อยากหนุนตักรักแท้แม่คงเหงา
ค่ำมืดลงไร้เสียงแม่สิ้นแม้เงา                                ความว่างเปล่าเข้าครอบครองทุกห้องใจ

๖.         เขียนจดหมายด้วยลึกซึ้งสื่อถึงแม่              เพียงรักแท้หนึ่งเดียวยึดเหนี่ยวได้
หากชาติหน้ามีนั้นจริงฉันใด                                 ขอลูกได้เป็นลูกแม่แค่หนึ่งคน

………………………. (6. ครูเท่ง – ส่งครั้งแรกมีแก้ไข) …………………………

7. ครูเท่ง – แก้ไขครั้งที่ 1
ส่งทางอีเมล
แก้ไขครั้งที่ 1 วรรคสุดท้าย "เปลี่ยนได้ เป็น ให้"

จดหมายถึงแม่ (7. ครูเท่ง – แก้ไขครั้งที่ 1)

 ๑.        ความเย็นเยียบเฉียบใจในสำนึก                ความรู้สึกรวดร้าวทุกคราวผ่าน
ความเจ็บปวดทุกครั้งยังยาวนาน                           ความทุกข์พล่านเผาใจไปทั้งดวง

๒.        ความรู้สึกจากกมลคนเป็นแม่                    ความรักแท้ถึงชายแดนที่แหนหวง
ความรักจงเป็นเกราะกั้นภัยทั้งปวง                                    ความเป็นห่วงแม่เสนอเสมอมา

๓.        แต่แบเบาะเสนาะเสียงสำเนียงใส             แม่ปัดเป่ายุงเหลือบไรทั้งซ้ายขวา
หิวแม่ป้อนร้อนแม่เป่าเฝ้าทุกครา                           เสมือนว่าเป็นทหารป้องพาลภัย

๔.        คราวเติบโตแม่สอนให้ภูมิใจเถิด               ที่ได้เกิดป้องแผ่นดินถิ่นอาศัย
ลูกผู้ชายต้องมั่นคงจงภูมิใจ                                  อย่ายอมให้ใครดูหมิ่นแผ่นดินเรา

๕.        หลังลูกชายกลับบ้านไม่นานนัก                 อยากหนุนตักรักแท้แม่คงเหงา
ค่ำมืดลงไร้เสียงแม่สิ้นแม้เงา                                ความว่างเปล่าเข้าครอบครองทุกห้องใจ

๖.         เขียนจดหมายด้วยลึกซึ้งสื่อถึงแม่              เพียงรักแท้หนึ่งเดียวยึดเหนี่ยวได้
หากชาติหน้ามีนั้นจริงฉันใด                                 ขอลูกให้เป็นลูกแม่แค่หนึ่งคน

………………………. (7. ครูเท่ง – แก้ไขครั้งที่ 1………………………… 

8. ครูเท่ง
ส่งทางอีเมล

ความว่างเปล่า (8. ครูเท่ง)

๑.         อนิจจาสุข-โศกโลกมนุษย์                        ไม่มีที่สิ้นสุดไม่หยุดนิ่ง
เกิด-ก่อ-กรรม-ยื้อ-แย้งคอยแย่งชิง                         สรรพสิ่งเกิดขึ้นได้เพราะใจคน

๒.        ทุกข์เพราะใจไม่หักห้ามทำตามใจ             จึงเกิดภัยแค้นคับให้สับสน
ทุกข์เพราะไม่พอใจในตัวตน                                จึงเกิดผลด้วยความอยากยากเปลี่ยนแปลง

๓.        สุขเพราะการเบียดเบียนคนจนเดือดร้อน     จึงกัดกร่อนความเชื่อใจในทุกแห่ง
สุขด้วยคนอื่นช้ำด้วยน้ำแรง                                  จึงเหตุแห่งการหักหาญผลาญน้ำใจ

๔.        เกิดมาครั้งรวยหรือจนคนทั้งหมด               สิ่งปรากฏคือชั่วดีที่ยิ่งใหญ่
เพราะเดินดินใช่เดินฟ้าสูงกว่าใคร                          ถึงเวลาก็ตายไปอยู่ใต้ดิน

๕.        อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา                              ศาสนาพึงสังวรก่อนหมดสิ้น
พุทธองค์ทรงสอนธรรมนำดวงจินต์                        ดับราคินด้วยธรรมน้อมนำตน

๖.         มาตัวเปล่าเอาสิ่งใดกลับไปเล่า                 แม้เพียงร่างยังถูกเผาเสียไหม้หม่น
ความว่างเปล่าคือที่สุดแห่งทุกคน                          ก่อเกิดผลมีธรรมคู่รู้ปล่อยวาง

………………………. (8. ครูเท่ง) …………………………

9. อภิสิทธิ์
ส่งทางเว็บบอร์ด

ความว่างเปล่าคือตัวลูก (9. อภิสิทธิ์)

บนกระดาษวาดลายระบายสี                                เติมให้ดีแต่งให้เด่นมิเว้นว่าง
จากกระดาษธรรมดาค่าเบาบาง                                         ก็ได้สร้างผลงานตระการตา

เปรียบกระดาษวาดลายนั้นคล้ายมนุษย์      บริสุทธิ์ดั่งเด็กน้อยด้อยเดียงสา
เมื่อเริ่มแรกก็ว่างเปล่าแต่เยาว์มา                                       หวังพึ่งพาสังคมบ่มจิตกาย

จะวาดสวยรวยค่ามหาศาล                       อยู่ที่การจ่อวาดมิขาดหาย
จะเลอะเทอะเปรอะเปื้อนเกลื่อนลวดลาย                แล้วแต่นายจะเสริมเติมแต่งเอา

พ่อแม่คือเจ้านายของกายลูก                     ต้องพันผูกหล่อหลอมถนอมเฝ้า
คอยสั่งสอนป้องปัดและขัดเกลา                            ความว่างเปล่าได้เปลี่ยนแปลงแสดงตน

เป็นดาวเด่นลอยสง่าบนฟ้ากว้าง                เป็นเส้นทางสู่ความสุขทุกแห่งหน
เป็นชีวิตชีวิตหนึ่งซึ่งเปลี่ยนคน                              ให้อยู่บนสังคมอย่างกลมกลืน

ขอขอบคุณพ่อแม่ที่เฝ้าคอย                       สร้างเด็กน้อยให้ลือค่ากว่าสิ่งอื่น
ความว่างเปล่าเปลี่ยนเป็นดั่งความยั่งยืน                 อยู่บนผืนแผ่นดินกว้างอย่างมั่นคง

………………………. (9. อภิสิทธิ์) …………………………

10. หิมะขาว ในแขนเสื้อ
ส่งทางเว็บบอร์ด

สิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสองฟากฝั่ง (10. หิมะขาว ในแขนเสื้อ)

หากไม่มีสิ่งใดอยู่ในโลก                          ปราศจากทุกข์โศกโชควิสัย
ไร้ร่ำร้องไร้ระรื่นไร้ฤทัย                                      ไร้ความนัยไร้ความเท็จเกลศบุญ

              เมื่อไม่มีสิ่งใดในโลกนี้                          เมื่อไม่มีสิ่งใดมาเวียนหมุน
เมื่อไม่มีริษยาและการุญ                                      สกุลคนคงราค่าข้าแผ่นดิน

              ในที่ที่โล่งโล่งอันเวิ้งว้าง                        เสียงแผ่วบางกังวานอยู่มิรู้สิ้น
สงัดเงียบเปรียบป่าช้าเป็นอาจิณ                            ฤ จะผินอย่างใดแต่ไรมา

              ไร้สำเนียงเสียงสนั่นดังกึกก้อง                ไร้คำร้องท่วงทำนองของเวหา
ไร้พื้นที่ปฐพีพสุธา                                                          ไร้แสงหล้าไร้รัตติไร้ชีวี

              ท่ามกลางความว่างเปล่าจะสดับ           จะผันกลับคืนสิ้นทุกกลิ่นสี
การกำเนิดเกิดมาชาติปี                                         ฤๅ มรณีมลายหายจากไป

              แหละโลกนี้จะล่องลอยตามจังหวะ          อิสระ อิสระ จะคว้าไขว่
อย่างเหม่อพลิ้วไร้ทราบอารมณ์ใด                         ตามแต่ใจของฉันที่หลั่งบ่ม

              ‘ความว่างเปล่าเปรียบเสมือนจุดเริ่มต้น มนุษยชนตามที่สอนสั่งสม
หรือจะเปรียบสิ้นสุดจุดตรากตรม                          เพียงแผ่วลมพัดผ่านจางปลิวปลอย

………………………. (10. หิมะขาว ในแขนเสื้อ) …………………………

11. กิตติ
ส่งทางอีเมล

ความว่างเปล่า (11. กิตติ)

เกิดมาเพื่อชดใช่กรรมที่ทำไว้                            แก่ตามวัยมิอยู่ยั่งในสังขาร
เจ็บย่อมมีและย่อมหายไปตามกาล                                ตายเพื่อผ่านพ้นทุกข์โศกคือโลกธรรม

วัฏจักรคงเห็นความเป็นอยู่                                   สอนให้รู้ให้เข้าใจไม่ถลำ
สรรพสิ่งดีร้ายให้จดจำ                                                     การกระทำแก้ไม่ได้เมื่อสายเกิน

หนึ่งชีวิตคนเราใช่ยาวนัก                            อย่าตระหนักเพียงลาภยศคำสรรเสริญ     
อุปสรรคมีให้เราก้าวเผชิญ                                                จงเลือกเดินตามวิถีความดีงาม

เพียงธุลีลอยคว้างกลางอากาศ                   ยังสามารถสอนเราได้ไม่มองข้าม
เกิดแล้วดับมีอยู่ทุกครู่ยาม                                                ไม้มีหนามยังแหว่งเว้าเมื่อเฉาลง

ถึงรูปสวยรวยรสความสดใส                                แค่เปลือกนอกหลอกใจให้ลุ่มหลง
ต่างรูปแห่งความดีที่มั่นคง                                                สร้างผลส่งแม้ชีพดับไปกับกาล

ตื่นเถิดตื่นอย่ามัวหลับไปกับฝัน                 เวลานั้นอย่านิ่งเฉยปล่อยเลยผ่าน
ทั้งถูกผิดคิดชอบประกอบการ                                ไม่หลงลืมพื้นฐานการเป็นคน

ใช้ดวงตาทั้งสองมองให้ซึ้ง                       ใช้ธรรมซึ่งอนรรฆค่าหาเหตุผล
ใช้ชีวิตเรียนรู้สู้อดทน                                                       เพื่อนำตนพบสุขสิ้นทุกข์ใจ

อย่าให้เป็นตามนิยามความว่างเปล่า          เมื่อตัวเราต้องประสบภพภูมิใหม่
แม้เศษเสี้ยวสุดท้ายลมหายใจ                                           ขอจงได้สร้างสรรค์มันให้ดี

………………………. (11. กิตติ) …………………………




กลอนสุภาพ 2557

ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “ความทุกข์”
ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย (กลอนสุภาพ) : หัวข้อ “ความสุข”



bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ