ผลงานกาพย์ยานี 11 ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
หัวข้อ “ความว่างเปล่า” ปักษ์หลัง ตุลาคม 2557 จำนวน 8 ชิ้น
1. รุ่งนภา
ส่งทางอีเมล
สัจจะธรรมในชีพชน (1. รุ่งนภา)
เกิดมาตัวว่างเปล่า ตายก็เศร้าเปล่าเช่นกัน
แบมือรดน้ำนั้น ข้อคิดวันที่วางวาย
เติบโตเร่งไขว่คว้า ด้วยปัญญาดั่งใจหมาย
เพชรทองประดับกาย หลงอบายในเส้นทาง
สติเรามีไว้ รู้จักใช้ไม่หมองหมาง
หากโลภไม่ปล่อยวาง จะอ้างว้างทุกข์ระทม
ตอนนี้ทำงานได้ หากแก่ไปไร้สุขสม
โทสะพาตรอมตรม เศร้าอารมณ์ขื่นขมใจ
แก่เฒ่าหนังยานหย่อน ร่างกายอ่อนมิสดใส
ว่างเปล่าคราวตายไป ทิ้งทรัพย์ไว้ไม่เหลียวแล
ยศฐาบรรดาศักดิ์ อีกคนรักไม่แยแส
ว่างเปล่าเศร้าดวงแด สัจจะแท้ในชีพชน
………………………. (1. รุ่งนภา) …………………………
2. นัฎ
ส่งทางอีเมล
สัจจะ...อนัตตา (2. นัฎ)
ทุกอย่างล้วนว่างเปล่า เหมือนภาพเงาที่เราเห็น
อยู่กลางผนังเย็น อยากคว้าไว้ก็ไม่มี
เกิดมามีตัวตน พบทุกข์ทนบนวิถี
รอตายวายชีวี วันพรุ่งนี้ไม่มีเรา
อัตตาที่เหลืออยู่ ความไม่รู้คือโง่เขลา
ความอยากคือฉากเงา เปลี่ยนหัวใจไม่เหมือนเดิม
รู้สึกจิตปรุงแต่ง ก่อกำแพงแรงทุกข์เพิ่ม
โลภหลงคงต่อเติม จากสีขาวสู่เทาดำ
กิเลสเหตุหมองไหม้ อยู่กลางใจคนใฝ่ต่ำ
ลวงใจให้ก่อกรรม เมื่อกระทำตามอารมณ์
ความอยากครอบงำจิต ใช้ชีวิตน่าขื่นขม
ยิ่งใฝ่ใจยิ่งตรม สุขจำแลงทิ่มแทงใจ
ปล่อยว่างสร้างธรรมะ รู้ลดละกิเลสไฟ
หยุดอยากจากข้างใน ก่อเส้นทางสร้างค่าคน
ปัญญาพาเกิดสุข หมดสิ้นทุกข์ก่อกุศล
วิถีที่หลุดพ้น คือสัจจะ...อนัตตา
………………………. (2. นัฎ) …………………………
3. สุภัชชา
ความว่างเปล่า (3. สุภัชชา)
อันความว่างเปล่านั้น ย่อมสัมพันธ์กับชีวิต
เรื่องของคลองความคิด อาจเคว้งคว้างอย่างเลื่อนลอย
จิตขุ่นเพราะวุ่นวาย ความเสียหายย่อมรอคอย
ความทุกข์ไม่เสื่อมถอย เพราะจิตวุ่นและขุ่นมัว
ปล่อยจิตให้จิตว่าง ทุกก้าวย่างไม่น่ากลัว
กิเลสไม่พันพัว เพราะจิตพร้อมน้อมความดี
จิตว่างสร้างกุศล ให้สมผลเพิ่มศักดิ์ศรี
น้อมรักสามัคคี เติมที่ว่างสร้างสมบุญ
ว่างไว้ใส่ศีลธรรม ตัดบาปกรรมทำแต่คุณ
ชีวิตจะสมดุล ด้วยควรมดีทุกวี่วัน
คำว่า”ความว่างเปล่า” ด้วยจิตเข้าภวังค์สรรค์
เสริมใส่กุศลพลัน ย่อมสว่างกระจ่างใจ
จิตว่างสร้างกุศล ประกอบผลอันผ่องใส
จิตเต็มบุญอำไพ ให้คุณแท้แก่สังคม
………………………. (3. สุภัชชา) …………………………
4. ภัททิยา – ส่งครั้งแรกมีแก้ไข
ส่งทางเว็บบอร์ด
ปล่อยวาง ว่างเปล่า (4. ภัททิยา – ส่งครั้งแรกมีแก้ไข)
ณ แดนโลกมนุษย์ ที่แสนสุดจะวุ่นวาย
คนใฝ่ความสบาย คนนึกถึงแต่ใจตน
ต้องการซึ่งทรัพย์สิน เงินไหลรินออกดอกผล
ต้องมีซึ่งเล่ห์กล ต้องแก่งแย่งให้ได้มา
ฝันอยากมีชื่อเสียง หวังแค่เพียงตนสุขสม
หวังสิ่งน่าภิรมย์ หวังเชยชมความเกรียงไกร
ต้องการไม่สิ้นสุด ไม่เคยหยุดไม่พอใจ
ยังอยากได้ต่อไป ไม่สิ้นสุดความใฝ่มี
ได้มาแล้วเกิดสุข แต่ก็ทุกข์ถ้าขาดไป
ต้องการได้ดั่งใจ สุขกับทุกข์วนเปลี่ยนกัน
จิตใจไม่หยุดนิ่ง ยังวนวิ่งและเปลี่ยนผัน
อยากมากขึ้นทุกวัน ยังต้องการอยู่เรื่อยไป
จิตใจแสนสับสน ทั้งวกวนและวุ่นวาย
ไม่สุขสงบกาย ใจว้าวุ่นไม่เปรมปรีดิ์
หากอยากจะหยุดคิด อยากหยุดจิตเพื่อชีวี
อยากอยู่อย่างพอดี อยากจะหยุดความต้องการ
เจ้าจงตั้งจิตมั่น จงนึกฝันสงบใจ
จงเลิกจงหยุดไป จงมีจิตคิดปล่อยวาง
ทำจิตให้ว่างเปล่า ตามรอยเท้าพระพุทธสร้าง
เดินตามทางสายกลาง ใจสงบจิตร่มเย็น
………………………. (4. ภัททิยา – ส่งครั้งแรกมีแก้ไข) …………………………
5. ภัททิยา – แก้ไขครั้งที่ 1
ส่งทางเว็บบอร์ด
ขอแก้ไขสำนวนครั้งที่ ๑ สำนวน "ปล่อยวาง ว่างเปล่า"
บทที่ ๔ วรรคที่ ๔ จาก"ไม่สิ้นสุดความใฝ่มี" เป็น "ไม่หมดสิ้นความใฝ่มี"
ปล่อยวาง ว่างเปล่า (5. ภัททิยา – แก้ไขครั้งที่ 1)
ณ แดนโลกมนุษย์ ที่แสนสุดจะวุ่นวาย
คนใฝ่ความสบาย คนนึกถึงแต่ใจตน
ต้องการซึ่งทรัพย์สิน เงินไหลรินออกดอกผล
ต้องมีซึ่งเล่ห์กล ต้องแก่งแย่งให้ได้มา
ฝันอยากมีชื่อเสียง หวังแค่เพียงตนสุขสม
หวังสิ่งน่าภิรมย์ หวังเชยชมความเกรียงไกร
ต้องการไม่สิ้นสุด ไม่เคยหยุดไม่พอใจ
ยังอยากได้ต่อไป ไม่หมดสิ้นความใฝ่มี
ได้มาแล้วเกิดสุข แต่ก็ทุกข์ถ้าขาดไป
ต้องการได้ดั่งใจ สุขกับทุกข์วนเปลี่ยนกัน
จิตใจไม่หยุดนิ่ง ยังวนวิ่งและเปลี่ยนผัน
อยากมากขึ้นทุกวัน ยังต้องการอยู่เรื่อยไป
จิตใจแสนสับสน ทั้งวกวนและวุ่นวาย
ไม่สุขสงบกาย ใจว้าวุ่นไม่เปรมปรีดิ์
หากอยากจะหยุดคิด อยากหยุดจิตเพื่อชีวี
อยากอยู่อย่างพอดี อยากจะหยุดความต้องการ
เจ้าจงตั้งจิตมั่น จงนึกฝันสงบใจ
จงเลิกจงหยุดไป จงมีจิตคิดปล่อยวาง
ทำจิตให้ว่างเปล่า ตามรอยเท้าพระพุทธสร้าง
เดินตามทางสายกลาง ใจสงบจิตร่มเย็น
………………………. (5. ภัททิยา – แก้ไขครั้งที่ 1) …………………………
6. รวิวรรณ
ส่งทางเว็บบอร์ด
เพียงลูกนั้น...กตัญญู (6. รวิวรรณ)
พ่อแม่ให้ชีวิต ลูกเล่าคิดให้สิ่งใด
ทำแต่เรื่องทุกข์ใจ ท่านเจ็บชํ้าหลั่งนำ้ตา
พ่อแม่สุดเหนื่อยกาย กิจมากมายรุมเข้าหา
ร้าวรวดปวดอุรา หวังลูกยาอยู่สบาย
ในเมื่อท่านยังอยู่ จงเลี้ยงดูก่อนจะสาย
ดูแลอยู่คู่กาย เอาใจใส่ก่อนไม่ทัน
หากท่านจากไปแล้ว คงเหลือแววเศร้าโศกศัลย์
คำสอนแสนสำคัญ ไม่มีวันหวนกลับคืน
เหลือแต่ความว่างเปล่า จิตใจเราเศร้าขมขื่น
ยากที่จะรื้อฟื้น ให้กลับมาเหมือนวันวาน
เร่งคิดกระทำดี ทำวันนี้อย่ารอนาน
พ่อแม่สุขสำราญ เพียงลูกนั้นกตัญญู
………………………. (6. รวิวรรณ) …………………………
7. อัยยา
ส่งทางเว็บบอร์ด
ความว่างเปล่า (7. อัยยา)
มาถึง ณ น้ำหนาว คิดว่าคราวนี้หนาวแน่
ไร้ใครจากที่แล มีแต่วิเวกรอบกาย
ยินเสียงกาเหว่าร้อง แล้วลองตรองก็ใจหาย
เหมือนมันแทบวางวาย ร้องเพรียกหาใครคนหนึ่ง
กลางดึกจังหรีดร้อง เสียงนั้นพร้องดังอื้ออึง
แต่ทำไมหนอจึง ปลุกความเว้เหว่ดวงแด
อินิจจาจันทร์เพ็ญ ขึ้นลอยเด่นให้ได้แล
ข่มดาวไม่แยแส จึงต้องเด่นอย่างโดดเดี่ยว
ลมหนาวเหน็บพัดหา ช่างพัดมากันจริงเชียว
ไม่สนคนที่เกี่ยว ที่ต้องทนหนาวทรวงเลย
ตามหาความว่างเปล่า คือความเหงาฤาลองเปรย
ฤาโดดเดี่ยวเหมือนเคย ฤาว่างเปล่าคือการ"ไร้"
………………………. (7. อัยยา) …………………………
8. สุชาดา
ส่งทางอีเมล
ว่างเปล่าในจิตเรา (8. สุชาดา)
ดวงจิตของคนเรา มีสุขเศร้าและหวั่นไหว
ทุกข์สุขอยู่ในใจ ตามวิสัยของตัวคน
มากด้วยโลภโกรธหลง จิตพะวงพาสับสน
เวียนว่ายในวังวน มิอาจพ้นอนธการ
ดับทุกข์ที่ต้นเหตุ ดับกิเลสในสังขาร
ใช้ธรรมนำปราบมาร อุปาทานย่อมหมดไป
คำสอนพุทธองค์ แสนมั่นคงเปลี่ยนมิได้
โคมทองส่องฤทัย ดับกองไฟให้หมดลง
อริยสัจสี่ ความจริงที่ไม่ลืมหลง
ชีวิตรู้จักปลง ชีพก็คงไม่มัวเมา
แสงทองธรรมส่องชัด ช่วยขจัดความขลาดเขลา
ว่างเปล่าในจิตเรา มิหมองเศร้าจนวันตาย
………………………. (8. สุชาดา) …………………………