ReadyPlanet.com
dot dot
โล้ชิงช้า ประเพณีประดิษฐ์ใหม่ของพราหมณ์สยาม

(ซ้าย) ภาพถ่ายเก่าเสาชิงช้าที่โบสถ์พราหมณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช (ขวา) ภาพพิธีโล้ชิงช้า ภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม กรุงเทพมหานคร

 หลักฐานเชื่อได้ที่เก่าแก่ที่สุดของพระราชพิธีตรียัมปวายปรากฏอยู่ในกฎพระมณเฑียรบาลของกฎหมายตราสามดวงที่น่าจะเขียนขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ อย่างไรก็ดี หากพิจารณาว่าพิธีตรียัมปวายกลายมาจาก "ติรุเว็ม?ปาไว" ซึ่งเป็นการสวดกล่อมเทพเจ้า ก็จะเห็นได้ว่าดั้งเดิมนั้นพิธีนั้นคงจะไม่เกี่ยวกับการ โล้ชิงช้าใหญ่
 
หลักฐานจากดินแดนต้นแบบคือประเทศอินเดีย จะพบได้ว่ามีเฉพาะการนำเทวรูปมาไกวในชิงช้า เช่น พระราชพิธีมาฆวิธานำ ที่ชาวเมืองพาราณสีจะประกอบขึ้นในวันขึ้น 13 ค่ำ เดือน 3 และงานโล้ชิงช้าสำหรับพระอิศวรในวันขึ้น 3 ค่ำ เดือนไจต (ร(เดือน 5) เป็นต้น ลักษณะเช่นนี้ชวนให้นึกถึงพิธีการช้าหงส์ในพระราชพิธีตรียัมปวายด้วย
 
แม้ว่าจะไม่มีการกล่าวถึงการโล้ชิงช้าในกฎมณเฑียรบาล แต่เอกสารที่น่าจะกำหนดอายุได้ในช่วงที่ใกล้เคียงกับฉบับอื่นคือ โคลงทวาทศมาส ได้กล่าวถึงพระราชพิธีตรียัมปวายโดยพรรณนาความเปรียบภาพในพระราชพิธีดังกล่าวกับหญิงอันเป็นที่รัก โดยบรรยายภาพบางส่วนในเทศกาลว่าประกอบพิธีในเดือนหัวกวางคือเดือนอ้าย มีพราหมณ์ทำพิธีแขวนแผ่นกระดาน มีขบวนรำและการรำเสนง เช่นเดียวกับที่ปฏิบัติอยู่ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
 
อย่างไรก็ดี การแขวนกระดานดังกล่าวไม่สามารถใช้พิสูจน์หรือยืนยันได้อย่างชัดเจนว่ามีการให้พราหมณ์นาลิวันขึ้นไปโล้ชิงช้า เนื่องจากโคลงดังกล่าวไม่ได้อ้างไว้อย่างชัดเจน ประกอบกับที่หลักฐานบางส่วนได้ระบุให้ทราบว่าการแขวนกระดานที่เสาชิงช้าไม่จำเป็นต้องมีการโล้ชิงช้าเสมอไป เช่น หนังสือตำนานพราหมณ์เมืองนครศรีธรรมราชที่มีข้อความที่กล่าวถึงพระราชพิธีตรียัมปวายในเขตพื้นที่ดังกล่าวโดยระบุว่า "...ฝั่งเสาชิงช้าผูกต้นกล้วยอ้อยแขวนบรมหงษ์..."

 
(ซ้าย) บรรยากาศในพิธีโล้ชิงช้า ภาพถ่ายเก่าสมัยรัชกาลที่ 5 (ไม่ทราบปี พ.ศ. (ขวา) นาลิวันรำเสนง ภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถ วัดเสนาสนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
 
ข้อความในพระราชหัตถเลขาของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เมื่อปี พ.ศ.2476 ที่กล่าวถึงการเสด็จชมโบสถ์พราหมณ์ จังหวัดนครศรีธรรมราช ว่ามีนางกระดานสามแผ่น แต่เมื่อพระองค์ทรงถามพราหมณ์ผู้เฝ้ารักษากลับตอบว่า ไม่มีการถีบชิงช้า เพียงแต่นำกระดานขึ้นแขวนเท่านั้น
 
เกี่ยวกับเรื่องนี้แม้ว่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเคยมีพระบรมราชอรรถาธิบายมาก่อนแล้วว่า การที่พราหมณ์เมืองนครศรีธรรมราชประกอบพิธีตรียัมปวายโดยการนำกระดานขึ้นแขวนเพียงสังเขปนั้น เป็นการทำพิธีพราหมณ์อย่างย่อๆ ตามมีตามเกิด แต่หากพิจารณาในมุมกลับกันแล้วก็อาจเป็นไปได้ว่า พิธีตรียัมปวายอย่างที่กลุ่มพราหมณ์เมืองนครศรีธรรมราชประกอบนั้นเป็นพิธีอย่างเก่า ส่วนการประกอบพิธีโดยมีการให้พราหมณ์นาลิวันขึ้นไปโล้ชิงช้านั้นคงจะเป็นการขยายให้เกิดขึ้นภายหลังโดยมีหลักฐานยืนยันได้เก่าสุดในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับวันวลิตที่เขียนขึ้นในรัชสมัยพระเจ้าปราสาททองแล้วเล่าย้อนไปในช่วงก่อนหน้า
 


บรรยากาศในพิธีโล้ชิงช้า ภาพถ่ายเก่าสมัยรัชกาลที่ 5 (ไม่ทราบปี พ.ศ.)
 
ในพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาฉบับดังกล่าวมีข้อความที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า พระเจ้าแผ่นดินแห่งเมืองรามรัฐ (Rammaradt) ชายฝั่งโจฬะมณฑล (Coromandel) ซึ่งเข้าใจว่าน่าจะหมายถึงเมืองราเมศวรัม ที่มีลักษณะเป็นเกาะ ได้ขอเจริญสันถวไมตรีหลังจากพ่ายแพ้ต่อบุญญาธิการของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (ผู้สร้างวัดพระศรีสรรเพชญ) โดยได้ถวายกระดานโล้ชิงช้าและชิงช้า
 
พงศาวดารฉบับดังกล่าวอ้างว่าการโล้ชิงช้าเป็นการละเล่นไม่เคยเป็นที่รู้จักมาก่อนในสยาม พร้อมกันนี้ได้ส่งพราหมณ์ผู้ทรงความรู้อีกสองท่านให้แสดงวิธีโล้ชิงช้าเพื่อเป็นที่รู้จักและคงอยู่ในสยามตลอดไป ความตอนนี้คงจะเกี่ยวกับพระราชพิธีโล้ชิงช้าค่อนข้างแน่เนื่องจากฟาน ฟลีต หรือที่เรียกอย่างไทยว่าวันวลิต ได้อธิบายต่อไปว่าในสมัยที่ท่านเข้ามา (ตรงกับรัชกาลของสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง) ยังมีการละเล่นชนิดนี้อยู่ในอยุธยา โดยจัดเป็นงานฉลองพิเศษประจำปีที่ใช้เวลาหลายวัน
 
ข้อความข้างต้นชวนให้นึกไปได้ว่าพิธีโล้ชิงช้าอย่างไทยคงจะรับมาจากแขกอินเดียในสมัยดังกล่าว อย่างไรก็ดี เรื่องราวที่อ้างถึงการถวายชิงช้าดังกล่าวในเอกสารของฟาน ฟลีต ยังมีลักษณะเป็นตำนานที่เต็มไปด้วยพระกฤดาภินิหารของกษัตริย์อยุธยา
 
ตำนานดังกล่าวยังมีรายละเอียดที่ใกล้เคียงเป็นอย่างยิ่งกับข้อความในช่วงต้นของตำนานพราหมณ์เมืองนครศรีธรรมราชที่กล่าวถึงการเข้าสู่ราชอาณาจักรสยามของพวกพราหมณ์ในรัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 (พระเจ้าอู่ทอง) เว้นแต่ว่าชิงช้าที่กล่าวถึงนั้นกลายเป็นชิงช้าทองแดงที่ใช้ในการไกวขับกล่อมเทวรูป ดังนั้นข้อความที่ปรากฏในเอกสารของฟาน ฟลีต จึงน่าจะมีลักษณะเป็นตำนานที่ชาวอยุธยาในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองใช้ในการอธิบายเหตุของการโล้ชิงช้าในพระราชพิธีตรียัมปวาย ซึ่งแสดงให้เห็นถึงโลกทรรศน์ของชาวอยุธยาในช่วงสมัยนั้นว่าการโล้ชิงช้าเป็นพิธีการที่รับมาจากพราหมณ์อินเดียในช่วงต้นกรุงฯนั่นเอง
 
จากหลักฐานที่กล่าวมาทั้งหมดนี้จึงอาจจะอนุมานได้ว่าการโล้ชิงช้าใหญ่นั้นควรเกิดขึ้นในดินแดนอุษาคเนย์มากกว่า โดยแต่แรกเริ่มอาจจะมีที่มาจากการรับประเพณีการขับกล่อมเทพเจ้าบนชิงช้าขนาดเล็กจากอินเดียมาในสมัยพระรามาธิบดีที่ 2 ดังมีหลักฐานปรากฏอยู่เป็นและขยายกลายเป็นพิธีการโล้ชิงช้าใหญ่ซึ่งมีหลักฐานจากการบอกเล่าของฟาน ฟลีต อย่างน้อยตั้งแต่ในรัชสมัยของพระเจ้าปราสาททอง
 
ทั้งนี้เมื่อสืบค้นจากหลักฐานต่างๆ แล้วพบว่าประเพณีการโล้ชิงช้าอย่างพราหมณ์มีปรากฏเฉพาะในสยามประเทศเท่านั้น

ภาพจาก www.manager.co.th


โล้ชิงช้า ประเพณีประดิษฐ์ใหม่ของพราหมณ์สยาม
โดย ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ คณะโบราณคดี มหาวิทยาลัยศิลปากร
คอลัมน์ สุวรรณภูมิ สังคมวัฒนธรรม
มติชนรายวัน หน้า 34 วันที่ 07 กันยายน พ.ศ. 2550 ปีที่ 30 ฉบับที่ 10772




บทความ

คำฉันท์ (๘)
คำฉันท์ (๗)
คำฉันท์ (๖)
คำฉันท์ (5)
คำฉันท์ (4)
คำฉันท์ (3)
คำฉันท์ (2)
ชื่อวรรณคดีที่ควรรู้จัก (เพิ่มเติม)
คำฉันท์ (1)
ฉากรบใน “ดาหลัง”
กลอนคนฝรั่งเขียน
กลอนบรรยายเมืองสิงห์บุรี เมื่อ พ.ศ 2466
ท้องถิ่นกับอาเซียน...จุดเชื่อมที่ยังต้องค้นหา
วันภาษาไทย? บางปัญหาที่น่าแลกเปลี่ยนทัศนะ
กลอนไหว้ครูโนห์ราชาตรี
ข้อเสียของวิชาประวัติศาสตร์
จากระบบบรรณาการถึงการปกครองแบบพิเศษในปะตานี
พระราชนิพนธ์แปลสามเรื่อง
การส่งเสริมและข้อจำกัดของวรรณกรรมมุสลิม
สุนทรคึก เขียนถึง สุนทรภู่ (1) ตามรอยคึกฤทธิ์
กลอนคนฝรั่งเขียน
50 ปีสมาคมนักกลอนฯ กับการก้าวสู่เวทีสากล
สารลึบพะสูน: วรรณคดีลุ่มน้ำโขงที่ไม่โปร่งใส
เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา
สุภาษิตโบราณ
ง่ายและงามอย่างลาว
การเมืองในกวีของ “คุณพุ่ม”
ตำนานการสร้างโลกของชาวจ้วง
เวียงจัน 450 ปี
วันภาษาไทยฯ ที่ราชภัฏมหาสารคาม
แม่น้ำท่าจีนกำลังจะตาย
ย้อนรอยวัฒนธรรมลุ่มน้ำทะเลสาบสงขลา
นครปฐมและพระปฐมเจดีย์ในวรรณคดีนิราศ
ตามรอยภาษาศาสตร์ภาษากะเหรี่ยงบ้านไร่
ชาตินิยมสยาม และชาตินิยมไทย กับกรณีปราสาทเขาพระวิหารมรดกโลก
จัดอันดับความนิยมของบทความในเว็บสมาคมฯ
ตำนานนิทานพื้นบ้าน กำเนิดแม่น้ำโขง "ยักษ์สะลึคึ"
เอกสารวิชาการ ร่องรอยกาลเวลา หัวข้อ "ศิลปะ เพลง ดนตรี กวี" วังสะพุง, เลย
มุทิตาบูชาครูวันสุนทรภู่ที่ราชภัฏมหาสารคาม
สัมพันธ์ไทย – จีน (จ้วง) เครือญาติชาติภาษา
ตามล่าหารัก
แม่น้ำโขง โลกร้อน หรือเพราะจีนปิดเขื่อนกั้นน้ำ
The Ides of March และ “โภชนสติ” จาก ป๋วย อึ๊งภากรณ์
มองรูป-เสียงกลอน (ว่าด้วยเสียงตรี วรรค ๒) ผ่าน อังคาร กัลยาณพงศ์ (๒) article
200 ปี เอบราแฮม ลิงคอล์น: “บ้านที่แตกแยกกันเอง ไม่อาจตั้งอยู่ได้”
มองรูป-เสียงกลอน (ว่าด้วยเสียงตรี วรรค ๒) ผ่าน อังคาร กัลยาณพงศ์
ที่เรียกว่า วัฒนธรรม และคำว่า ภาษา
ของ-โขง จิตวิญญาณแห่งสายน้ำ
โคลงห้าพัฒนา ของ "จิตร ภูมิศักดิ์"
ประชาภิวัฒน์(ไทยกับอาเซียน)
วันสารทไทย
สุนทรภู่-ครูมีแขก จากโซนาต้าถึงเพลงทยอยเดี่ยว
สังคม"ทันสมัย" แต่ไร้สมอง
มะเมี๊ยะเป็นสาวมอญ
บรูซแกสตันไว้อาลัยละมูล
รากเหง้าความศักดิ์สิทธิ์ของกวีนิพนธ์ไทย
บทสัมภาษณ์ กวีรากหญ้า
ความเชื่อ
ทำไม
ร่องรอยกาลเวลา
โขงนที เพลงกวี ดนตรีชีวิต
ประชาชนในชาตินิยม
รักสามเศร้า ที่แหลมมลายู
ความหมายทางวัฒนธรรม
เที่ยว 9 วัดศักดิ์สิทธิ์ ไหว้พระทำบุญปีใหม่ สไตล์ "สุจิตต์ วงษ์เทศ"
ปาฐกถาช่างวรรณกรรม
รัฐบุรุษ
หนึ่งคนสองวัฒนธรรม
สุนทรภู่ ต่อต้านสงครามล่าเมืองขึ้น
วัฒนธรรม เปลี่ยน...ซีไรต์ก็เปลี่ยน
สยามเมืองยิ้ม
ปราสาทเขาพระวิหาร
เสภาเรื่องพระราชพงศาวดาร ของสุนทรภู่
ตะเกียงเจ้าพายุ
ต้นแบบ"กลอนสุนทรภู่"
สุนทรภู่ "ความรู้ใหม่" โยงใย "ความรู้เก่า"
จากร้อยกรอง สู่บทกวีมีทำนอง
รามายณะ (รามเกียรติ์) เล่าใหม่
พายุนาร์กีสหรืออคติในใจไทยที่ทำร้ายคนพม่า?
เห่ช้าพญาหงส์
การเทครัวในประวัติศาสตร์อุษาคเนย์
เมืองร้อยเอ็ดประตู
พล นิกร กิมหงวน
ภูมิประเทศอีสาน ไม่มีในประวัติศาสตร์ไทย
มิตาเกะ
เค้าขวัญวรรณกรรม
เรือพระราชพิธี
The Secret
โลกดนตรี
ลมปากที่ไร้มารยา
คำกวี เส้น สี และแสงเงา
ยิ่งกระจะยิ่งกระจ่างอยู่กลางใจ
วรรคทอง
การะเกด
ในวรรณคดีมีกลอน (หรือ) เปล่า...?
ในวรรณคดีก็มีกลอนเปล่า
เพลงลูกทุ่งมาจากไหน?
สนุกเล่นแต่เป็นจริง
ครูแจ้งวัดระฆัง สร้างสำนวนขุนช้างขุนแผน แสนสยอง ...



bulletผลร้อยกรองออนไลน์ 2558
dot
ประกวดร้อยกรองออนไลน์ครั้งที่ 7
dot
bulletข้อมูลการประกวดครั้งที่ 7, 2557
bulletผังร้อยกรอง
bulletอ่านโคลงประกวด 2557
bulletอ่านกลอนประกวด 2557
bulletอ่านกาพย์ยานีประกวด 2557
bulletผลการประกวดร้อยกรอง ปี 2557
dot
ข่าวสาร ข้อมูลสมาคม
dot
bulletกรรมการสมาคมสมัยที่ ๑๕-๑๖
bulletนายกสมาคมสมัยที่ ๑๗
bulletติดต่อนายกสมาคมนักกลอน
bulletติดต่อฝ่ายดูแลส่วนต่างๆ
bulletสมัครสมาชิกสมาคมนักกลอน
bulletนักกลอนตัวอย่าง ๒๕๕๓
dot
หัวข้อน่าสนใจ
dot
bulletรวมลิ้งค์เว็บไซต์น่าสนใจ
bulletส่งบทสักวา น.ส.พ. สยามรัฐ
bulletวารสารวิทยาจารย์ รับต้นฉบับ
bulletส่งข้อเขียนครูในดวงใจ
dot
แนะนำหนังสือ
dot
bulletหน้ารวมหนังสือ
bulletคู่มือเรียนเขียนกลอน
bulletกาสรคำฉันท์ - สมคิด สิงสง
bulletหนังสือสุรินทร์สโมสร
bulletฝากโลกนี้ไว้ในหัวใจเธอ - กอนกูย
bulletเลือน - อติภพ
bulletธาร ธรรมโฆษณ์
bulletนายทิวา
bulletกลอนเกียรติยศ
bulletอ้อมกอดแห่งท้องทุ่ง
bulletทองแถม นาถจำนง
bulletพงศาวดารพิภพ
bulletโป๊ยเซียน คะนองฤทธิ์
dot
โครงการประกวดต่างๆ
dot
bulletนายอินทร์อะวอร์ด ๒๕๕๖
bulletประกวดรางวัลซีไรท์ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลพานแว่นฟ้า ปี ๒๕๕๖
bulletรางวัลวรรณกรรมรามคำแหง ๒๕๕๖
dot
ผลตัดสินรางวัลต่างๆ
dot
bulletรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletผลรางวัลซีไรต์ ๒๕๕๗
bulletผลเซเว่นบุ๊คอวอร์ด ๒๕๕๗
bulletผลรางวัลแว่นแก้ว ๗ (๒๕๕๓)
bulletผลกลอนวิถีคนกับควาย
bulletผลร้อยกรอง “ผมจะเป็นคนดี”
bulletรางวัลนราธิป ๒๕๕๓
bulletนักเขียนอมตะ คนที่ ๖ (๒๕๕๕)
bulletนักเขียนรางวัลศรีบูรพา ๒๕๕๖
bulletศิลปินมรดกอีสาน ๒๕๕๔
bulletผลรางวัลพานแว่นฟ้า ๒๕๕๕
bulletผลรางวัลรามคำแหง ๒๕๕๖
bulletศิลปินแห่งชาติ ๒๕๕๕
bulletผลประกวดหนังสือ ชีวิตใหม่ 2
dot
ข่าวคราวของลมหายใจ
dot
dot
Weblink
dot
bulletอ่านกลอนประกวด 2556

หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก
สมาคมนักเขียนแห่งประเทศไทย
ศูนย์ให้คำปรึกษาปัญหาภาษาไทย มศว
เว็บรวมกระทู้ อาศรมชาวโคลง ใน pantip.com
หนังสืออีศาน


Copyright © 2010 All Rights Reserved.
ติดต่อ นายกสมาคมนักกลอนแห่งประเทศไทย ทองแถม นาถจำนง
โทรศัพท์ ๐๘๙-๑๒๓๔๗๕๔ อีเมล์ tongtham.n@hotmail.com

สำนักพิมพ์แม่โพสพ